เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2011 ผลึกแก้วมนตรา
ตอนที่ 2,011 ผลึกแก้วมนตรา
อวี้เหวินซิวเซียนตัวจริงไม่ทราบเลยว่าตนเองกำลังจะมีชื่อเสียงโด่งดังอีกแล้ว
ในขณะนี้ เขาใช้นามแฝงหลินเป่ยเฉินเดินทางอยู่ในอาณาจักรเทียนอวี่
หลังจากสืบหาข้อมูลอย่างเหน็ดเหนื่อย ในที่สุดเขาก็ได้พบเจอกับดาวเคราะห์ที่เป็นจุดหมายปลายทาง
“นี่เป็น… ดาวเคราะห์ร้างดวงหนึ่ง”
อวี้เหวินซิวเซียนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
ดาวเคราะห์ร้างคือสถานที่ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต
ดาวดวงนี้เคยเป็นเหมืองแร่ แต่แร่ในดวงดาวถูกขุดไปจนหมดแล้ว
ดาวดวงนี้จึงถูกทิ้งร้าง
แล้วแท่นบูชาที่อวี้เหวินซิวเซียนกำลังตามหาจะมาอยู่ในดาวเคราะห์ร้างเช่นนี้จริง ๆ หรือ?
แต่ถึงแท่นบูชาจะอยู่ที่นี่จริง ๆ มันจะไม่ถูกค้นพบและถูกทำลายไปในสมัยที่ดาวดวงนี้ยังมีการขุดเหมืองไปแล้วหรือ?
อวี้เหวินซิวเซียนคิดไปคิดมา ก็ตัดสินใจเข้าไปสำรวจดาวร้างเพียงลำพัง
เมื่อเขาทิ้งตัวลงไปยืนอยู่บนพื้นดิน อวี้เหวินซิวเซียนก็พบว่าพื้นดินและทุกสิ่งทุกอย่างนั้นถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน อากาศแห้งแล้ง ไม่ว่ามองไปยังทิศทางใดก็จะเห็นแต่ทะเลทรายสีดำทมิฬ…
สภาพแวดล้อมอันโหดร้ายเช่นนี้ ต่อให้เป็นผู้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรามาอยู่อาศัย ก็คงมีชีวิตอยู่รอดได้ไม่นานนัก
ต้องเป็นขั้นจอมเทพอนันต์เท่านั้นถึงจะสามารถมีชีวิตอยู่รอดในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้
แล้วแท่นบูชาปีศาจจะอยู่ที่นี่หรือเปล่านะ?
อวี้เหวินซิวเซียนนำตะเกียงนำทางออกมาชูขึ้นเหนือศีรษะและเริ่มต้นออกค้นหาทันที
และด้วยความกลัวว่าตนเองจะกลายเป็นจุดสนใจของบรรดาหน่วยลาดตระเวนของกองทัพเป่ยเฉิน ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา อวี้เหวินซิวเซียนจึงระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง
กาลเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
อวี้เหวินซิวเซียนเดินผ่านทะเลทรายรกร้างและประตูลับหลายบาน เดินผ่านเหมืองร้างอีกหลายแห่ง พบเจอกับเมืองที่ล่มสลายและอาคารบ้านเรือนที่จมหายอยู่ใต้กองทราย…
เห็นได้ชัดว่าดาวเคราะห์ดวงนี้เคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของผู้คนมาก่อน
แต่นั่นกลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว
ในเส้นทางดาราจักรอันกว้างใหญ่ ดาวเคราะห์จำนวนมากต้องประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้
วูบ! วูบ! วูบ!
ตะเกียงที่ถูกชูอยู่เหนือศีรษะกะพริบวิบวับ
เปลวไฟชี้ไปยังทิศตะวันตก
“เจอแล้ว”
อวี้เหวินซิวเซียนร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจ
ครึ่งชั่วยามให้หลัง
ภายใต้การนำทางของตะเกียงวิเศษ อวี้เหวินซิวเซียนก็มาถึงเหมืองแร่ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
เหมืองใต้ดินแห่งนี้ถูกขุดลึกลงไปเป็นระยะทางหลายพันลี้ เส้นทางซับซ้อนวกวน เมื่อมองจากด้านบนลงไป ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังสบตามองกับดวงตาของปีศาจที่พร้อมจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างให้สลายหายไป
ตะเกียงวิเศษระบุว่าแท่นบูชาที่อวี้เหวินซิวเซียนกำลังตามหานั้นอยู่ภายในเหมืองใต้ดินแห่งนี้
อวี้เหวินซิวเซียนพุ่งตัวลงไปโดยไม่ลังเล
อีกครึ่งชั่วยามผ่านไป
ในที่สุด อวี้เหวินซิวเซียนก็พบกับสิ่งที่ตามหา
ลานกว้างใต้ดิน
หากไม่ใช่เพราะว่ามีตะเกียงวิเศษคอยนำทาง อวี้เหวินซิวเซียนก็คงไม่มีทางหาลานกว้างแห่งนี้ในอุโมงค์ใต้ดินที่ไม่ต่างจากเขาวงกตเจอได้เลย
ในอากาศมีศพลอยเกลื่อนกลาด
ศพเหล่านี้เคยมีสถานะเป็นนักรบปีศาจ ซึ่งน่าจะตายมาหลายพันปีแล้ว แต่สภาพศพยังไม่ต่างจากคนที่มีชีวิต ชุดเกราะยังคงเป็นประกายแวววาว ใบหน้าของศพยังคงสมบูรณ์ ศพเหล่านี้ไม่ต่างจากรูปปั้นหลายหมื่นตัวที่ลอยอยู่รอบแท่นบูชา
แท่นบูชาปีศาจแห่งนี้มีความสูงเท่ากับตึกหลายสิบชั้น บนแท่นบูชามีกิ่งก้านงอกออกมาไม่ต่างจากต้นไม้ขนาดใหญ่ยักษ์
และด้านบนสุดของแท่นบูชานี้มีผลึกแก้วสีม่วงเปล่งแสงเป็นประกายระยิบระยับตั้งตระหง่าน
ผลึกแก้วมนตรา!
ทันทีที่เห็นผลึกแก้วยักษ์ลูกนั้น หัวใจของอวี้เหวินซิวเซียนก็แทบจะกระเด็นหลุดออกมาจากหน้าอก
ผลึกแก้วมนตรา!
นี่คือหนึ่งในวัตถุศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่าพันธุ์ปีศาจ
เป็นสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ในเส้นทางดาราจักร
เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกนำเข้ามาจากแดนปีศาจ
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจมาจากแดนปีศาจซึ่งอยู่นอกเส้นทางดาราจักร
เพราะฉะนั้น ผลึกแก้วมนตราลูกนี้จึงบรรจุด้วยปราณปีศาจมากมายมหาศาล
ผลึกแก้วยักษ์ลูกนี้มีความล้ำค่ามากกว่าที่เงินทองของพวกมนุษย์จะซื้อหาได้
และผลึกแก้วมนตราที่อยู่เบื้องหน้าอวี้เหวินซิวเซียนในขณะนี้ก็มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร มันมีสีม่วงเป็นประกายแวววาว พื้นผิวเรียบเนียน ให้ความรู้สึกถึงมนต์ขลังที่น่าขนลุก
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือปราณปีศาจที่ถูกบรรจุอยู่ในผลึกแก้วลูกนี้คงเสื่อมสลายไปไม่น้อยแล้ว
อวี้เหวินซิวเซียนรับรู้ได้ในทันทีว่าแท่นบูชาที่เขาเห็นอยู่นี้มีความสำคัญมากกว่าที่คิด
เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปหาแท่นบูชา
จากนั้นก็เงยหน้ามองขึ้นไป
ศพสภาพสมบูรณ์นับหมื่นยังคงล่องลอยอย่างไร้จุดหมายอยู่ในอากาศ
ศพเหล่านี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้ตายเพราะการต่อสู้
สภาพศพยังคงสมบูรณ์เหมือนตอนมีชีวิตไม่มีผิด
ใบหน้าของศพก็ยังแสดงออกถึงความเคร่งขรึมจริงจังราวกับว่ามีความเคารพต่อแท่นบูชานี้สูงยิ่ง
“คงเป็นผู้คนที่ถูกนำตัวมาบูชายัญแน่ ๆ”
อวี้เหวินซิวเซียนสรุปคำตอบได้เช่นนั้น
นักรบปีศาจหลายหมื่นตนต่างก็สละชีวิตของตนเองเพื่อทำพิธีบูชายัญแก่…
แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์!
นายท่านของเขาเคยกล่าวว่านี่เป็นแท่นบูชาที่สำคัญมาก
ดังนั้นภารกิจของอวี้เหวินซิวเซียนก็คือการจุดไฟบนแท่นบูชา
จุดไฟอย่างนั้นหรือ?
ให้จุดตรงไหนกันล่ะ?
แท่นบูชายักษ์แท่นนี้ไม่มีคบเพลิง คบไฟหรือส่วนใด ๆ ที่จะให้จุดไฟได้เลย
อวี้เหวินซิวเซียนลอยตัวขึ้นไปอยู่เบื้องหน้าผลึกแก้วมนตรา
เขาค่อย ๆ ยื่นมือไปสัมผัสผลึกแก้วลูกนั้น
ก่อนจะถ่ายปราณปีศาจเข้าไป
วูบ!
แล้วในทันใดนั้น ผลึกแก้วมนตราก็มีเปลวไฟปะทุขึ้นมา ก่อนที่เปลวไฟนั้นจะลุกโชติช่วงสว่างไสวด้วยความร้อนแรง
อวี้เหวินซิวเซียนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังปราณปีศาจในร่างกายถูกผลึกแก้วลูกนี้ดูดเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
นี่ก็เป็นการบูชายัญเช่นกัน
อวี้เหวินซิวเซียนเข้าใจแล้ว
ศพที่ลอยล่องอยู่ในอากาศล้วนแต่เป็นผู้คนที่สละวิญญาณของตนเองเพื่อรักษาสภาพของผลึกแก้วมนตรา พวกเขาถ่ายเทพลังปราณปีศาจจนหมดตัว สุดท้ายก็กลายเป็นศพที่ไร้วิญญาณ
ไม่ต่างจากเทียนไขที่เผาไหม้จนหมดต้น
เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของผลึกแก้วมนตรา
‘หากเรามาช้ากว่านี้อีกไม่กี่ปี ผลึกแก้วมนตราคงเสื่อมสภาพลงเป็นแน่’
อวี้เหวินซิวเซียนคิด
ถึงพลังปราณปีศาจในร่างกายจะถูกดูดออกไปเป็นจำนวนมาก แต่เขาก็ไม่วิตกเลยสักนิด
นับตั้งแต่ที่ได้รับภารกิจให้ค้นหาแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ อวี้เหวินซิวเซียนก็พอเดาได้แล้วว่าตนเองกำลังจะต้องเจอกับอะไร
หากเขาต้องมาเสียชีวิตอยู่ที่นี่ อวี้เหวินซิวเซียนก็ยินดียิ่ง
การได้ตายเพื่อนายท่าน ไม่มีสิ่งใดให้เขาต้องเสียใจอีกแล้ว!