เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2033 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ตอนที่ 2,033 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน
หืม?
หมายความว่าไงกันล่ะเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าวันนี้อสูรผลาญดาราต่วนซิงทำตัวผิดปกติชอบกล
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอมอบให้กับเจ้าทั้งหมดแล้ว”
ต่วนซิงควบคุมอาวุธวิเศษทั้งสี่ชิ้นของตนเองให้มาลอยอยู่เบื้องหน้าของหลินเป่ยเฉิน
ก่อนที่เขาจะเชิดหน้าขึ้นและกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “รับไปสิ”
“ว่าไงนะ?”
หลินเป่ยเฉินตั้งตัวไม่ทัน
ในสมองเต็มไปด้วยความสับสนมึนงง
“ข้าบอกว่าขอมอบอาวุธทั้งหมดให้กับเจ้าแล้ว รีบรับไปเถอะ”
อสูรผลาญดาราต่วนซิงเร่งเร้า
“นี่เจ้า… สมองเลอะเลือนแล้วหรืออย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินถามประโยคนี้ด้วยความยากลำบาก
เพราะปกติเป็นเขาเองที่ถูกผู้อื่นถามประโยคนี้
นี่คือครั้งแรกที่หลินเป่ยเฉินได้ถามประโยคนี้กับผู้อื่นบ้าง
เพราะว่าอาวุธวิเศษทั้งสี่ชิ้นนี้ไม่มีการเชื่อมวิญญาณกับเจ้าของและลักษณะท่าทางของอสูรผลาญดาราต่วนซิงก็ไม่ได้มีวี่แววว่าจะหลอกลวงแต่อย่างใด นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายตั้งใจมอบอาวุธวิเศษระดับสูงทั้งหมดนี้ให้แก่หลินเป่ยเฉินจริง ๆ
หรือต่วนซิงจะคิดว่าต่อให้หลินเป่ยเฉินได้ครอบครองอาวุธวิเศษเหล่านี้ เขาก็ยังไม่ใช่คู่มือของมันอยู่ดี?
ต่วนซิงพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองใจว่า “เจ้าคิดว่าข้าอยากจะมอบอาวุธเหล่านี้ให้กับเจ้านักหรือไง… รีบรับไปเชื่อมวิญญาณซะ ข้าช่วยเจ้ามากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
ตอนที่นายท่านมาปรากฏตัวต่อหน้ามันเมื่อวันนั้น นายท่านได้ขอร้องให้ต่วนซิงร่วมมือกับหลินเป่ยเฉินโดยไม่มีข้อแม้ นอกจากจะไม่แย่งชิงตำแหน่งราชบุตรเขยแล้ว ต่วนซิงยังต้องมอบอาวุธวิเศษที่ดีที่สุดของตนเองให้แก่หลินเป่ยเฉินอีกด้วย… ดังนั้น ต่วนซิงจึงต้องรับคำบัญชาด้วยความเจ็บใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่สิ่งที่ทำให้มันเจ็บใจมากที่สุดไม่ใช่การต้องสูญเสียอาวุธวิเศษทั้งสี่ชิ้นไป
ไม่ใช่เรื่องที่มันจะไม่ได้เป็นราชบุตรเขย
แต่ว่า…
สิ่งที่ทำให้อสูรผลาญดาราต่วนซิงเจ็บใจมากที่สุดก็คือ คนที่มันต้องช่วยเหลือนั้นกลับเป็นหลินเป่ยเฉิน
เพราะว่าชายหนุ่มผู้นี้มีความหล่อเหลามากกว่าตัวมันเองและมีความสามารถมากกว่าตัวมันเองเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินเป็นผู้ที่มันไม่สามารถแตะต้องได้
ต่วนซิงจึงเกลียดชังหลินเป่ยเฉินเป็นอย่างยิ่ง
แต่คำสั่งก็คือคำสั่ง!
ต่วนซิงจำเป็นต้องทำตามคำบัญชาของนายท่าน
เพราะว่ามันไม่มีทางขัดคำสั่งของนายท่านเด็ดขาด
หลินเป่ยเฉินจ้องมองอสูรผลาญดาราต่วนซิงด้วยความสงสัย
สีหน้าของเจ้าหัวแดงผู้นี้ไม่ต่างไปจากบุตรสาวคนเล็กที่กำลังแง่งอนบิดามารดา
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมาสแกนอาวุธวิเศษทั้งสี่ชิ้นนั้นด้วยความระมัดระวัง
ผลสแกนออกมาว่าไม่มีอันตราย
เสร็จข้าล่ะ!
เขาตั้งใจจะเก็บอาวุธวิเศษเหล่านั้นทันที
“ช้าก่อน”
จังหวะนั้น อสูรผลาญดาราต่วนซิงพลันตะโกนออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“เฮ้ย ให้แล้วให้เลย ห้ามเอาคืนสิ… เดี๋ยวก่อน นี่เจ้ากำลังจะทำอะไรเนี่ย?”
ตอนแรกหลินเป่ยเฉินเข้าใจว่าอสูรผลาญดาราต่วนซิงคิดทวงคืนของที่ให้มา แต่ที่ไหนได้ ตัวแทนจากกองทัพอสูรสีครามกลับแปลงร่างเป็นแมวน้อยน่ารักสีฟ้าตัวหนึ่ง บนแผ่นหลังของมันมีปีกคู่หนึ่ง เจ้าแมวน้อยกระพือปีกก่อนจะกระโดดลงไปอยู่ในหม้อปรุงยามังกรบรรพกาลหน้าตาเฉย
หลินเป่ยเฉินยิ่งตกตะลึงมากไปกว่าเดิม
“เจ้าอยากให้ข้าออกไปยอมรับต่อหน้าผู้คนมากมายว่าพ่ายแพ้ให้แก่เจ้าอย่างนั้นหรือ?”
อสูรผลาญดาราต่วนซิงกระพือปีกของมันอย่างฉุนเฉียว ก่อนจะพูดว่า “ข้าทนรับความอับอายเช่นนั้นไม่ได้หรอก ข้าขอซ่อนตัวดีกว่า…”
เคร้ง!
แล้วฝาหม้อปรุงยาก็ปิดลงทันที
หลินเป่ยเฉินอยากสบถคำหยาบออกมายิ่งนัก
อสูรผลาญดาราต่วนซิง… กำลังจะขังตัวเองอยู่ในหม้อปรุงยาใบนี้อย่างนั้นหรือ?
ฟึ่บ!
ฝาหม้อปรุงยาพลันเปิดออกอีกครั้ง
“จริงด้วย ลืมบอกไปเลย หากเจ้าเจอปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ ก็สามารถเรียกข้าออกมาช่วยเหลือได้เสมอ”
เจ้าแมวน้อยโผล่หัวขึ้นมาจากด้านในหม้อปรุงยาและกล่าวต่อไปว่า “แต่อย่ามารบกวนด้วยเรื่องไร้สาระก็แล้วกัน ข้าไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก”
หลังจากกล่าวจบ ฝาหม้อปรุงยามังกรบรรพกาลก็ปิดลงอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินยืนมองอาวุธวิเศษทั้งสี่ชิ้นที่ลอยอยู่เบื้องหน้าตนเองอย่างทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว
เขาเป็นใคร?
เขาอยู่ที่ไหน?
เขามาทำอะไรที่นี่?
หลินเป่ยเฉินมึนงงสับสนไปหมด
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินเตรียมที่จะพบกับการต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่าน และคิดว่าบางทีมันอาจจะเป็นหนึ่งในการต่อสู้ที่ยากลำบากมากที่สุดในชีวิต
แต่ใครจะไปคิดว่าการต่อสู้จะจบลงเช่นนี้?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
อสูรผลาญดาราต่วนซิงตั้งใจให้เขาพามันเข้ามาอยู่ในอาณาเขตสนธยาตั้งแต่แรก เพราะว่ามันอยากยอมแพ้และมอบอาวุธวิเศษทั้งหมดนี้ให้กับเขา… ช่างเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายยิ่งนัก!
แต่ผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดก็คือหลินเป่ยเฉิน
และเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของอสูรผลาญดาราต่วนซิง หลินเป่ยเฉินก็ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย นอกจากอสูรผลาญดาราต่วนซิงจะมอบอาวุธวิเศษให้กับเขาแล้ว มันยังยอมแปรพักตร์มารับใช้เขาอีกด้วยอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
เริ่มเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
อสูรผลาญดาราต่วนซิงเป็นอสูรเพศผู้ไม่ใช่หรือ?
หรือว่าแท้ที่จริงแล้ว มันเป็นอสูรเพศเมียที่หลงใหลเสน่ห์ของเขาจนโงหัวไม่ขึ้น?
เพียงแค่คิด หลินเป่ยเฉินก็ขนลุกไปทั้งตัว
แต่ชายหนุ่มก็นึกขึ้นมาได้ว่าหากต่วนซิงเป็นอสูรเพศผู้…
นั่นจะไม่ยิ่งน่าขนลุกมากกว่าเดิมอีกหรือ?
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น ฝาหม้อปรุงยามังก่อนบรรพกาลเปิดออกอีกครั้ง
เจ้าแมวน้อยสีฟ้าโผล่หัวขึ้นมาพร้อมกับกล่าวว่า “ได้ยินว่าเจ้าก็เลี้ยงสัตว์อสูรเอาไว้ไม่ใช่หรือ? ส่งพวกมันมาให้ข้าสิ ข้าจะช่วยฝึกฝนให้เจ้าเอง… หึ! ข้าไม่เคยช่วยเหลือผู้อื่นง่าย ๆ หรอกนะ”
หลังจากพูดจบ มันก็มุดกลับลงไปอยู่ในหม้ออีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินถึงกับพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
เกิดอะไรขึ้นกับอสูรผลาญดาราต่วนซิงกันแน่?
หรือว่ามันจะเป็นพวกเดียวกับเขามาตั้งแต่ต้น?
หลินเป่ยเฉินได้แต่คิดด้วยความสับสนมึนงง
ก่อนที่เขาจะรีบเก็บอาวุธวิเศษทั้งสี่ชิ้นนั้นทันที
จากนั้นจึงกลับออกไปจากอาณาเขตสนธยา
แสงสว่างเป็นประกายระยับ
หลินเป่ยเฉินปรากฏตัวบนสังเวียนประลองของหอคอยนักรบอีกครั้ง
นี่คือภาพที่บรรดาผู้ชมต่างก็เฝ้ารอคอย
ในที่สุด พวกเขาก็ได้รู้แล้วว่าผู้ใดเป็นฝ่ายชนะ!