เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 236 เสื้อคลุมนำโชค
บทที่ 236 เสื้อคลุมนำโชค
ในขณะนี้ ไม่ว่าเป็นหลินเป่ยเฉินหรือผู้เข้าแข่งขันคนอื่นต่างก็มีความคิดเช่นเดียวกันว่า
บททดสอบคราวนี้กระทรวงศึกษาเล่นแรงเกินไปแล้ว
ให้ใช้สะพานกระดาษข้ามหลุมงูพิษเนี่ยนะ?
เกิดตกลงไปโดนงูกัดตายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ?
หรือต่อให้โดนกัดแล้วไม่ตาย แต่ก็ยังน่ากลัวเกินไปอยู่ดี
และผู้ที่ต้องเข้ารับการทดสอบเป็นคนแรกก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากเยว่หงเซียง
เด็กสาวปลดสัมภาระที่ถ่วงน้ำหนักออกจากร่างกาย แม้แต่กระบี่นางก็ไม่ได้พกติดตัวไปด้วย เยว่หงเซียงเดินไปอยู่ที่หัวสะพาน ดวงตาจ้องมองไปยังฝั่งตรงข้าม และเป็นครั้งแรกที่เยว่หงเซียงรู้สึกว่าระยะห่าง 25 วากลับกว้างไกลอยู่ไม่น้อย
สะพานกระดาษมีความบางเบามาก
หากมีลมพัดมาแรงๆ กระดาษก็ต้องขาดอย่างแน่นอน
“เตรียมตัว”
หัวหน้าคณะกรรมการเหมยซือหยวนตะโกนให้สัญญาณ
เยว่หงเซียงหัวใจเต้นตึกตัก รีบโคจรพลังลมปราณขึ้นมาในร่างกาย
“ไปได้”
สิ้นเสียงตะโกนของเหมยซือหยวน เยว่หงเซียงก็เหยียบเท้าลงบนหัวสะพานและกระโดดตัวลอยไปสู่ฝั่งตรงข้าม การเคลื่อนไหวของนางค่อนข้างรวดเร็ว ไม่ต่างไปจากลูกธนูหลุดออกจากแหล่ง
แต่เมื่อพุ่งออกไปได้ประมาณสัก 6 วา ร่างของเด็กสาวก็เริ่มลอยต่ำลง
นางรีบโคจรพลังลมปราณและสะกิดปลายเท้าลงไปบนสะพานกระดาษ
แคว่ก!
เสียงกระดาษขาดออกจากกัน แล้วสะพานกระดาษก็พังทลาย
แรงส่งจากการสะกิดปลายเท้าเมื่อสักครู่ ทำให้เยว่หงเซียงลอยตัวกลับขึ้นไปได้อีกเล็กน้อย นางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าประมาณ 3 วา สุดท้ายก็ไร้กำลังที่จะเคลื่อนไหวต่อไป ทำให้ร่างของเด็กสาวร่วงดิ่งตรงลงไปในหลุมงูพิษโดยที่ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น
“ดูท่าไม่ดีเลย…”
“แย่แล้ว!”
เหล่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ อุทานออกมาด้วยความตกใจ
หลินเป่ยเฉินกำลังจะกระโดดออกไปช่วยเหลือเพื่อนร่วมสถาบัน
แต่ทันใดนั้นเอง มีเงาร่างของใครคนหนึ่งที่ลงมือรวดเร็วมากกว่าเขา คนผู้นั้นถลาเข้าไปคว้าร่างของเยว่หงเซียงโดยที่ใช้ไม้ไผ่ลำหนึ่งเป็นเสาค้ำยันลงไปที่ก้นหลุมงูพิษ เขาใช้มันเป็นเครื่องรับน้ำหนักและดีดตัวกลับมายืนอยู่ที่หัวสะพานอีกครั้ง ทำให้ในเวลาเพียงพริบตาเดียว ก็สามารถช่วยเหลือเยว่หงเซียงออกจากห้วงอันตรายได้สำเร็จ
บุคคลผู้นั้นก็คือหลิวฉีไห่ หัวหน้าคณะอาจารย์จากสถานศึกษากระบี่ที่สาม
ปรากฏว่าก่อนการแข่งขัน หัวหน้าคณะอาจารย์จากสถาบันต่างๆ ได้รับการแจ้งเตือนมาก่อนแล้วว่า หากกำลังจะเกิดอันตรายขึ้นกับลูกศิษย์ของพวกเขา ทางผู้จัดการแข่งขันอนุญาตให้อาจารย์ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้โดยไม่มีข้อแม้
“เยว่หงเซียงจากสถานศึกษากระบี่ที่สาม ข้ามไปได้เพียงครึ่งทาง ทำสะพานเสียหาย ไม่ผ่านการทดสอบ”
เสียงของเหมยซือหยวนประกาศผลดังชัดเจน
ไม่ผ่านการทดสอบ
ศูนย์คะแนน
เยว่หงเซียงพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าครึ่งซีกที่อยู่นอกหน้ากากนั้นไม่สู้ดีนัก
การข้ามสะพานกระดาษ เป็นบททดสอบที่ยากมาก
ผู้เข้าแข่งขันจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งทั้งด้านพลังลมปราณและต้องมีความสามารถเรื่องวิชาตัวเบาในระดับสูง มิฉะนั้นแล้ว ก็จะไม่สามารถข้ามไปได้เด็ดขาด
ในการแข่งขันก่อนหน้านี้ที่เป็นบทสอบวัดความรู้ เยว่หงเซียงทำคะแนนออกมาได้ดีเกินคาดหมาย แต่เมื่อต้องเผชิญหน้าบททดสอบที่เกี่ยวข้องกับพละกำลังหรือความแข็งแรงของร่างกาย เยว่หงเซียงมักถูกจัดอยู่ในกลุ่มคนผู้ได้รับคะแนนต่ำเสมอ
กล่าวได้ว่าเส้นทางการแข่งขันของเยว่หงเซียงคงจบลงแต่เพียงเท่านี้
ต่อให้เด็กสาวจะเตรียมตัวเตรียมใจมาตั้งแต่แรก แต่เมื่อรับทราบว่าตนเองมีโอกาสสูงมากที่จะตกรอบ เยว่หงเซียงก็อดรู้สึกเศร้าเสียใจขึ้นมาไม่ได้
“คนต่อไป ซูเสี่ยวหยาน เชิญเข้ารับการทดสอบ”
เหมยซือหยวนกล่าวออกมาเสียงดังกังวานอีกครั้ง
ซูเสี่ยวหยานเป็นเด็กสาวผมยาวสวมใส่ชุดสีขาว นางแสดงสีหน้ามั่นอกมั่นใจในขณะที่ก้าวเท้าขึ้นไปยืนบนหัวสะพานกระดาษ
นางเรียนรู้จากความผิดพลาดก่อนหน้านี้ของเยว่หงเซียง จึงสงบสติอารมณ์ ใช้เวลาโคจรพลังลมปราณอย่างเยือกเย็น
สายตาหลายสิบคู่กำลังจ้องมองไปที่ซูเสี่ยวหยานเป็นตาเดียว
นางจะสามารถข้ามสะพานไปได้อย่างไร?
“เตรียมตัว…ไปได้!”
ซูเสี่ยวหยานลอยตัวขึ้นไปในอากาศ ร่างกายของนางพริ้วไหวราวปุยเมฆ ดีดตัวเพียงครั้งเดียวก็ไปได้ไกลถึง 7 วา ก่อนที่ตัวคนจะเริ่มลอยต่ำลงมาเรื่อยๆ
ท่าร่างของนางมีความสง่างามและเยือกเย็นกว่าเยว่หงเซียง
นางสะกิดปลายเท้าลงไปบนผิวกระดาษ ร่างบางก็ลอยกลับขึ้นไปอีกครั้งและพุ่งตัวไปข้างหน้า
สะพานกระดาษสั่นไหวเล็กน้อย แต่มันยังคงเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียว
หลังจากกระโดดขึ้นๆ ลงๆ อยู่ประมาณ 4 ครั้ง ซูเสี่ยวหยานก็สามารถทิ้งตัวลงไปยืนที่อีกฝั่งหนึ่งของสะพานได้สำเร็จ
นางยังไม่ได้หยิบผลลูกท้อและธงสีเหลืองมาโดยทันที แต่ใช้เวลายืนอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งเพื่อปรับระดับพลังลมปราณ เด็กสาวเสียเวลาไปอึดใจใหญ่ ก็หยิบผืนธงมาเหน็บไว้เข้ากับข้างเอว ถือผลลูกท้อไว้ในมือ ก่อนจะหมุนตัวกลับมาและเริ่มต้นแสดงวิชาตัวเบากระโดดขึ้นลงอีก 5 ครั้ง จนซูเสี่ยวหยานสามารถกลับมายืนที่หัวสะพานได้โดยปลอดภัย
ตอนที่เด็กสาวทิ้งตัวกลับลงมายืนอยู่ที่เดิม เส้นผมของนางยุ่งเหยิงเล็กน้อย ใบหน้าแดงก่ำ หอบหายใจฟืดฟาด
แต่ก็สามารถผ่านการทดสอบมาด้วยดี
“ซูเสี่ยวหยาน ใช้เวลาไปทั้งหมดชั่วสูดลมหายใจ 31 ครั้ง สะพานไม่ได้รับความเสียหาย มีความรวดเร็วในการใช้วิชาตัวเบาระดับต่ำ” เหมยซือหยวนทำลายความเงียบด้วยการประกาศผลคะแนน
แววตาของซูเสี่ยวหยานปรากฏความผิดหวังเล็กน้อย นางส่ายศีรษะเหมือนไม่พอใจกับผลคะแนนของตนเอง
หลังจากนั้น ผู้เข้าแข่งขันอีกหลายสิบคนก็เข้ารับการทดสอบ จำนวนครึ่งหนึ่งไม่สามารถไปถึงอีกฝั่งได้สำเร็จ พวกเขาทำสะพานขาดและต้องตกลงไปในหลุมงูพิษ มีอยู่ 2 คนที่โชคร้ายมากกว่าใครเพื่อน อาจารย์ประจำสถาบันไม่ยอมลงไปช่วยเหลือ พวกเขาต้องถูกฝูงงูพิษรุมกัดอย่างน่าขนลุก…
แต่โชคดีที่กระทรวงศึกษาไม่ได้ใจร้ายเกินไป พวกเขามีเจ้าหน้าที่และยาแก้พิษคอยช่วยเหลืออยู่แล้ว การถูกงูกัดจึงไม่ทำให้ตาย แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกหนึ่งวันเต็มๆ กว่าจะพักฟื้นกลับขึ้นมาเป็นปกติดังเดิม
ความอันตรายในบททดสอบนี้ทำให้ทุกคนต้องระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม
และอัตราที่จะมีผู้ผ่านการทดสอบก็ลดน้อยลงไปมาก
ผู้ที่ทำคะแนนได้ดียังคงเป็นหลิงเฉินกับเยว่เว่ยหยาง
หลิงเฉินกระโดดหมุนตัวตีลังกากลางอากาศ นางลอยลงไปสะกิดปลายเท้าบนพื้นผิวสะพานเพียงรอบละสองครั้งทั้งขาไปและขากลับ ใช้เวลาทั้งหมด 6 ลมหายใจ จัดเป็นผู้ที่มีความรวดเร็วในการใช้วิชาตัวเบาระดับสูง
ทางด้านเยว่เว่ยหยางเห็นได้ชัดว่าใช้วิชาตัวเบาจากวิหารเทพกระบี่ นางมีปีกวิเศษงอกออกมาจากบนแผ่นหลัง ใช้เวลาในการไปกลับทั้งหมด 6 ลมหายใจ มีคะแนนเท่ากับหลิงเฉิน
หลินเป่ยเฉินยืนตกตะลึง
ยัยนักบวชนั่นมีแม่เป็นนกหรือไง อยู่ดีๆ ทำไมถึงได้มีปีกงอกออกมาแบบนี้?
“หลินอี้ ใช้เวลาไปทั้งหมด 24 ลมหายใจ สะพานไม่ได้รับความเสียหาย มีความรวดเร็วในการใช้วิชาตัวเบาอยู่ระดับปานกลาง”
“ตงฟานจัน ใช้เวลาไปทั้งหมด 29 ลมหายใจ สะพานไม่ได้รับความเสียหาย มีความรวดเร็วในการใช้วิชาตัวเบาอยู่ระดับต่ำ”
“หลิงเซวียน ใช้เวลาไปทั้งหมด 23 ลมหายใจ สะพานไม่ได้รับความเสียหาย มีความรวดเร็วในการใช้วิชาตัวเบาอยู่ระดับปานกลาง”
หลังจากยืนรออยู่นาน สุดท้ายก็ถึงคราวของฮันปู้ฟู่กับไป๋ชินหยุน
“ฮันปู้ฟู่ ใช้เวลาไปทั้งหมด 39 ลมหายใจ สะพานชำรุดเสียหาย มีความเร็วในการใช้วิชาตัวเบาอยู่ระดับต่ำ”
“ไป๋ชินหยุน ใช้เวลาไปทั้งหมด 36 ลมหายใจ สะพานชำรุดเสียหาย มีความเร็วในการใช้วิชาตัวเบาอยู่ระดับต่ำ”
ฮันปู้ฟู่กับไป๋ชินหยุนต่างก็ทำสะพานขาดทั้งคู่ แต่ตอนที่ตกลงไปในหลุมงูพิษ พวกเขาได้ชักกระบี่ออกมายันก้นหลุมเอาไว้และอาศัยกระบี่เป็นแรงส่งตนเองลอยกลับขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง และด้วยวิธีการนี้ พวกเขาจึงสามารถนำผลท้อและผืนธงกลับมาส่งมอบตามกติกาได้สำเร็จ
การที่ปกติแล้วมือกระบี่เลือกใช้กระบี่ยาว ไม่ใช่เพราะว่ามันสามารถโจมตีได้รุนแรงเท่านั้น
แต่มันยังสามารถใช้ประโยชน์อย่างอื่นๆ ได้อีกมากมาย
เยว่หงเซียงยิ่งรับชมก็ยิ่งตกตะลึง
เด็กสาวเบิกตาโตเหมือนไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน
แต่วิธีการที่ฮันปู้ฟู่กับไป๋ชินหยุนใช้ ก็ต้องอาศัยโชคช่วยอยู่ไม่น้อย
ผู้เข้าแข่งขันบางคนใช้วิธีเดียวกับพวกเขา แต่ก็ถูกงูพิษพุ่งขึ้นมาฉกกัด กว่าที่จะมีคนลงไปช่วยพวกเขาขึ้นมาได้ ร่างกายก็จมหายลงไปใต้ฝูงงูพิษแล้ว
“คนต่อไป หลินเป่ยเฉิน”
เหมยซือหยวนพูดเสียงดังกังวาน
ในขณะนี้ ห้องโถงใหญ่ของสถานศึกษากระบี่ที่สาม ซึ่งกำลังเต็มไปด้วยความอึกทึกวุ่นวาย พลัน บรรยากาศก็เงียบกริบลงทันที
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เด็กหนุ่มหน้าหล่อ
ด้วยความที่หลายวันที่ผ่านมา หลินเป่ยเฉินสร้างผลงานเอาไว้โดดเด่นสะดุดตาผู้คน
พวกเขาจึงอยากรู้ว่าหลินเป่ยเฉินจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์อันใดได้อีก?
หลินเป่ยเฉินกระแอมไอเล็กน้อยและเดินไปหยุดยืนอยู่ที่หัวสะพาน
“เตรียมตัว…”
เหมยซือหยวนกำลังจะให้สัญญาณเริ่มการทดสอบ
หลินเป่ยเฉินกล่าวแทรกขึ้นว่า “ช้าก่อนขอรับ…ข้าน้อยอยากจะสวมใส่เสื้อคลุมนำโชคก่อน”
ทุกคนที่เฝ้ามองเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่เห็นเด็กหนุ่มล้วงหยิบเสื้อคลุมสีแดงโดดเด่นสะดุดตาออกมาจากใต้วงแขน เขาคลี่เสื้อคลุมตัวนั้นมาสวมใส่และจงใจหันหลังให้กับกระจกถ่ายทอดสดที่ตั้งอยู่ข้างตัว เสร็จแล้วจึงพูดว่า “เรียบร้อยแล้วขอรับ”
เมื่อเหมยซือหยวนมองเห็นข้อความที่เขียนอยู่บนด้านหลังเสื้อคลุมสีแดงนั้น มุมปากของเขาก็กระตุกอยู่ตลอดเวลา ดวงตาแสดงความฉุนเฉียว แต่ก็จนใจที่ทำอะไรไม่ได้