เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2376 ข้าก็รักเจ้าเช่นกัน
หญิงผู้นั้นเดินผ่านสนามหญ้า อาคารเรียน โรงอาหาร และ หอพักสาหรับศิษย์ ในที่สุดนางก็เดินมาหยุดอยู่ด้านนอกตาหนักไม้ ไผ่
สถานศึกษาแห่งนี้ยังคงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป
ทุกอย่างยังคงเดิม รวมถึงตาหนักไม้ไผ่หลังนี้เช่นกัน
สายลมโชยพัด คลอเคลียเส้นผมสีเกาลัดของนาง
หญิงสาวคล้ายกับได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มผู้นั้นขับขานลานาที่ แปลกประหลาดตามนิสัยของเขาว่า
“ไม่ว่าสายลมจะรุนแรงเพียงใด ไม่ว่าอากาศจะหนาวเหน็บแค่ ไหน แต่ฉันก็จะไม่มีวันหลบหนี ไม่ว่าดอกไม้จะงดงามเพียงใด ฉันก็ จะปล่อยให้มันเติบโตต่อไป ท้องฟ้ าอันกว้างใหญ่กับหัวใจดวงน้อย ๆ สุดท้าย ฉันก็ต้องนั่งเมามายอยู่เพียงลาพัง…วันนี้ร ้องไห้ พรุ่งนี้หัวเราะ ไม่ได้ร ้องขอให้ใครมาเข้าใจ ฉันภูมิใจในตัวฉันเอง…”
นั่นคือลานาแปลกประหลาดซึ่งเด็กหนุ่มมักจะขับขานออกมา เวลาเมามายอยู่เสมอ
แต่ช่วงชีวิตวัยเยาว์ของทุกคนได้จบลงแล้ว
กระแสน้าจะไม่ไหลย้อนกลับ
กาลเวลาเองก็เช่นกัน
หลังจากพวกเขามารวมตัวกันที่นี่เป็ นครั้งสุดท้าย ทุกคนก็แยก ย้ายกันไปเติบโต
แม้บางเวลาจะได้กลับมาพบเจอกันอีก แต่สุดท้ายก็ต้องแยกจาก กันอยู่ดี
เมื่อกาลเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ หลายคนที่เคยมารวมตัวกันใน ตาหนักไม้ไผ่หลังนี้ ก็กลายเป็ นผู้กุมชะตาชีวิตของมวลมนุษยชาติไป เรียบร ้อยแล้ว
ผู้ใดจะไปคาดคิดว่า บรรดากลุ่มคนที่เดินออกมาจากตาหนักไม้ ไผ่ ก็กลับกลายเป็ นชนชั้นยอดฝีมือทั้งสิ้น
แต่โชคร ้ายที่บางคนต้องสละชีวิตของตนเองเพื่อส่วนรวมและ กลายเป็ นเพียงวีรบุรุษในตานานเท่านั้น
หญิงสาวจ้องมองลานกว้างหน้าต าหนักไม้ไผ่ สายตาของนาง เหม่อลอย คล้ายกับว่าลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมด
“ท่านเป็ นศิษย์ใหม่อย่างนั้นหรือ?”
เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู
เจ้าของเสียงเป็ นเด็กชายผู้หนึ่งที่หน้าตาดีมากทีเดียว เขา สังเกตเห็นหญิงสาวยืนจ้องมองต าหนักไม้ไผ่อยู่นานสองนาน จึง ตัดสินใจเดินเข้ามาสอบถาม ดวงตาของเด็กชายผู้นี้เป็ นประกาย สดใส บ่งบอกให้เห็นถึงความกระตือรือร ้นแห่งวัยเยาว์
หญิงสาวชุดขาวหัวเราะออกมา
“ข้าเคยเป็ นศิษย์ของที่นี่”
นางยิ้มแย้มตอบกลับไป “ข้าอิจฉาพวกเจ้าจริง ๆ…”
กล่าวจบ หญิงสาวก็หมุนตัวจากไป
หลังเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ร่างของนางก็อันตรธานหายไป กลางอากาศ
เด็กชายผู้นั้นเบิกตาโต
“ไม่นะ…”
เด็กหญิงในชุดนักศึกษากระบี่ผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาหาเด็กชายพร ้อม กับถามว่า “เจ้าว่าสตรีคนเมื่อสักครู่นี้มีลักษณะคล้ายกับศิษย์พี่ใน ต านานหรือไม่?”
กลุ่มศิษย์ที่รวมตัวกันอยู่บริเวณนั้นต่างก็ตกตะลึง
เมื่อได้ยินคาถามนั้น เด็กชายก็ต้องตบหน้าผากตนเองทันที ก่อนจะถอนหายใจพลางกล่าวว่า “เป็ นศิษย์พี่เยว่หงเซียงจริง ๆ ด้วย”
…
ร่างของเยว่หงเซียงลอยอยู่เหนือแผ่นดินใหญ่
นางก้มหน้ามองลงไป
แผ่นดินที่อยู่ด้านล่างไม่ต่างจากเกาะน้อย ๆ ลอยตัวอยู่กลาง มหาสมุทรอันกว้างใหญ่
และรอบแผ่นดินนั้นยังมีเกาะเล็กเกาะน้อยลอยตัวอยู่อีกเป็ น จ านวนมาก
ถัดจากแผ่นดินนั้นไปไม่ไกล เป็ นที่ตั้งของเมืองโบราณขนาด ใหญ่
เมืองโบราณแห่งนี้ลอยตัวอยู่กลางอากาศไม่ต่างจากวิมานชั้น ฟ้ า
เมืองโบราณนั้นก็คือดินแดนทวยเทพ
แม้ว่าบรรดาเทพเจ้าจะพยายามฟื้นฟูทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมา แต่เนื่องจากพื้นที่ชานเมืองได้รับความเสียหายหนัก ตอนนี้ผู้คนจึง อยู่อาศัยได้เพียงแค่ภายในตัวเมืองเท่านั้น
ด้านล่างแผ่นดินอันเป็ นที่ตั้งของดินแดนทวยเทพนั้นมีมวลพลัง แปลกประหลาดรวมตัวกันเพื่อยกดินแดนทวยเทพให้ลอยตัวอยู่กลาง อากาศ เมื่อมองจากภายนอกเข้าไป ดินแดนทวยเทพจึงมีลักษณะ
เหมือนกับเรือเหาะลาใหญ่ที่มีสมอห้อยลงมาทางด้านล่าง เพื่อยึดตัว เรือไม่ให้ลอยไปที่อื่น
และในความว่างเปล่าที่รายล้อมรอบดินแดนทวยเทพ ก็ยังมี ดินแดนเล็ก ๆ อยู่อีกเป็ นจ านวนมาก
เยว่หงเซียงหายใจเข้าลึก ๆ
หลังจากนั้น มวลพลังก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของนาง
นิ้วมือที่เรียวยาวขาวสะอาดของนางก็ยื่นออกไปในอากาศ ตวัด วาดเป็ นรูปทรงต่าง ๆ
นี่คือการสร ้างค่ายอาคมสลักดารา
นางกาลังวาดแผนภูมิจาลองของดวงดาวทั้งหมด
วาดนิ้วมือครั้งที่หนึ่ง มวลอากาศก็จะปั่นป่วน
วาดนิ้วมือครั้งที่สอง ดวงดาวก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลง
วาดนิ้วมือครั้งที่สาม ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสั่นสะเทือน
วาดนิ้วมือครั้งที่สี่ พลังงานในอากาศจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
วาดนิ้วมือครั้งที่ห้า การกาเนิดของสิ่งใหม่จะบังเกิดขึ้น
เยว่หงเซียงวาดนิ้วมือในอากาศอย่างต่อเนื่อง ลาแสงพุ่งออกจาก ปลายนิ้วมือของนาง พวกมันแปรเปลี่ยนเป็ นกระแสพลังบางชนิด หลั่งไหลเข้าไปในอากาศ
นี่คือค่ายอาคมสลักดารา!
ค่ายอาคมที่สามารถสร ้างดินแดนใหม่ได้ตามใจปรารถนา
เพียงพริบตาเดียว ความพยายามของหญิงสาวก็สัมฤทธิ์ผล
ไม่ว่าจะเป็ นแผ่นดินตงเต้าหรือดินแดนทวยเทพ ต่างก็มีระบบการ โคจรของดวงดาวเป็ นของตนเอง
แต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินตงเต้าหรือบนดินแดนทวยเทพ ไม่ มีผู้ใดรับรู ้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
เยว่หงเซียงยังไม่หยุดมือ
นางสร ้างค่ายอาคมต่อไป
บนหน้าผากของนางเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นมา
แต่หญิงสาวยังคงไม่หยุดและสร ้างค่ายอาคมต่อไป
หลังจากนั้น ค่ายอาคมก็รวมตัวกันอย่างหนาแน่น
มวลพลังไหลเวียนรวมตัวกัน
แล้วสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกับประตูมิติขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นใน อากาศ
ฟู่!
เยว่หงเซียงถึงกับกระอักเลือดออกมาค าใหญ่ เลือดของนาง หลอมรวมเข้ากับค่ายอาคมที่นางสร ้างขึ้นมา
“เรียบร ้อยแล้ว”
เยว่หงเซียงไม่รู ้เลยว่าร่างกายของตนเองต้องสูญเสียพลังไปมาก เพียงใด แต่สุดท้าย นางก็สามารถสร ้างค่ายอาคมขึ้นมาครอบคลุม พื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ได้สาเร็จ
“จงกลับคืน!”
เยว่หงเซียงร ้องค ารามออกมา
แสงสว่างเจิดจ้า จากนั้นประตูมิติก็เปิดออกกว้าง
ทันใดนั้น แผ่นดินตงเต้าและดินแดนทวยเทพที่มีระบบการโคจร ของดวงดาวเป็ นของตนเอง ก็รวมตัวอยู่ภายใต้ม่านพลังผืนเดียวกัน แผ่นดินใหญ่ทั้งสองแห่งพร ้อมด้วยบรรดาดาวบริวารลอยตัวตรงเข้า ไปในประตูมิติขนาดใหญ่บานนั้นอย่างช ้า ๆ
เมื่อเห็นแผ่นดินและดวงดาวทั้งหมดเข้าสู่ประตูมิติไปเรียบร ้อย เยว่หงเซียงก็มีใบหน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิม นางไม่เหลือพลังอยู่ใน ร่างกายอีกต่อไปแล้ว ร่างค่อย ๆ ล้มลงลอยตัวอยู่กลางอากาศอย่าง หมดแรง
“ข้าท าได้แล้ว”
แม้จะไม่เหลือเรี่ยวแรงสาหรับการหายใจอีกต่อไป แต่นางก็ยังยิ้ม ออกมาด้วยความพึงพอใจในตนเอง
เยว่หงเซียงน าโทรศัพท์มือถือออกมาจ้องมองอย่างพิจารณา
นางเปิดแอปวีแชต กดเข้าไปในช่องแชตของหลินเป่ยเฉิน ใช ้นิ้ว พิมพ์ข้อความอะไรบางอย่างอยู่พักใหญ่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลบทิ้ง ทั้งหมด และเปลี่ยนมาเป็ นส่งข้อความเสียงด้วยการขับขานลานา แทนว่า “ไม่ว่าสายลมจะรุนแรงเพียงใด ไม่ว่าอากาศจะหนาวเหน็บแค่ ไหน แต่ฉันก็ไม่มีวันหลบหนี ไม่ว่าดอกไม้จะงดงามเพียงใด ฉันก็จะ ปล่อยให้มันเติบโตต่อไป…”
“ข้าชอบท่าน”
หลังจากนั้น สติสัมปชัญญะของเยว่หงเซียงก็พร่าเลือน
นางสูญเสียพลังไปมาก ชีวิตของนางอยู่ในช่วงเวลาของการนับ ถอยหลังสู่ลมหายใจสุดท้าย
หญิงสาวยิ้มและกล่าวเสริมว่า “ไม่สิ มันเป็ นมากกว่าความชื่น ชอบ…ข้ารักท่าน ข้ารักท่านเหลือเกิน”
ร่างของนางไม่ต่างไปจากใบไม้สีขาวที่ล่องลอยไปบนมหาสมุทร อันปั่นป่วน
ร่างของเยว่หงเซียงลอยละล่องไปไกลแสนไกล
ทันใดนั้น…
“ข้าก็รักเจ้าเหมือนกัน”
เสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้นข้างหูของนาง
แล้วมืออันอบอุ่นก็กอบกุมมือของนางไว้