เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2381 ชื่นชมหรือสมน้ำหน้ำ
ตอนที่ 2,381 ชื่นชมหรือสมน้ำหน้า
กระจกเงินลอยเข้าไปอยู่ในมือขององค์ชายเจี้ยนอวี่ หลังจากนั้น ตัวคนก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
มวลพลังทำลายล้างสุดแสนอันตรายแผ่กระจายออกมาจากร่างกายขององค์ชายเจี้ยนอวี่
“องค์ชาย…”
หญิงสาวผู้มีรอยสักมังกรหลงหน่ารับรู้ถึงความผิดปกติได้ในทันที
นางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่น่าขนลุก ไม่ต่างจากการเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรผู้พร้อมทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง
เมื่อหลงหน่าหันกลับไปมอง นางก็เห็นว่าดวงตาขององค์ชายเจี้ยนอวี่มีความลึกล้ำสุดหยั่งถึง อีกทั้งยังมีกลุ่มหมอกควันสีม่วงลอยออกมาจากรอบกาย ให้บรรยากาศที่น่าขนลุกและอันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ
“เป็นอะไรไป?”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ยิ้มเล็กน้อย
รอยยิ้มที่เคยสดใสในสายตาของหลงหน่ากลับกลายเป็นรอยยิ้มที่ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวมากที่สุด
ระหว่างคำพูดนี้ ชายหนุ่มก็ชูกระจกในมือขึ้นไปในอากาศ
ลำแสงสีเงินสาดแสงเจิดจ้า
แล้วมวลพลังงานสีดำก็รวมตัวกันปกคลุมแผ่นฟ้า ความว่างเปล่าตกอยู่ในความวุ่นวาย
ไม่เพียงเท่านั้น โจวเทียนอวิ๋นร้องครางในลำคอ ปรากฏสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาจากกลุ่มก้อนเมฆดำ เขาจึงถูกสายฟ้าฟาดใส่จนตัวคนลอยกระเด็นออกไปไกลสุดสายตาและหายลับไปในเส้นขอบฟ้า
นับว่าโจวเทียนอวิ๋นได้พบเจอกับบุคคลประเภทเดียวกับตนเอง พูดน้อยต่อยหนัก ไม่ต้องเสียเวลาพูดคุยให้มากความ เมื่อเจอหน้าก็เปิดฉากโจมตีได้ทันที
“ฝ่าบาท…ฝ่าบาทเป็นอะไรไป?”
หลงหน่ารับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นางจ้องมองกระจกเงินบานเล็กและรู้สึกเพียงว่ากระจกเงินบานนี้มีพลังงานบางอย่างที่ทำให้ผู้คนเกิดความสับสนและไม่เป็นตัวของตัวเอง หลังจากนั้น นางจึงร้องตะโกนออกมาทันทีว่า “ฝ่าบาทรีบทิ้งกระจกบานนั้นไป ฝ่าบาทกำลังถูกมันควบคุมแล้ว…”
“ข้าหรือถูกควบคุม?”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความขบขัน “เป็นเจ้าต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลย!”
เขาถือด้ามกระจกอยู่ในมือ เพียงสะบัดข้อมือเล็กน้อย ลำแสงสีเงินก็พุ่งออกไปจากกระจกอีกสองสาย
ลำแสงสายหนึ่งพุ่งขึ้นสู่นภากาศ ส่วนอีกสายหนึ่งพุ่งเข้าไปหาหวังจง
ตู้ม!
หวังจงควบคุมม่านหมอกสีดำมาห่อหุ้มร่างกายเพื่อป้องกันการโจมตี
มวลอากาศปั่นป่วนอย่างรุนแรง ชายชราเกือบจะต้านทานลำแสงสีเงินนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ
แล้วตอนนี้เอง โจวเทียนอวิ๋นก็รีบพุุ่งตัวกลับมาจากเส้นขอบฟ้า ทว่าเมื่อเขากลับมาอยู่ในเขตการต่อสู้อีกครั้ง โจวเทียนอวิ๋นก็ถูกสายฟ้าจากกลุ่มก้อนเมฆสีดำฟาดใส่จนลอยกระเด็นกลับไปทางเดิมเป็นครั้งที่สอง
“องค์ชายเสียสติไปแล้วหรือเพคะ”
หลงหน่ารีบขยับเข้าไปใกล้
นางพยายามจะแย่งชิงกระจกเงินออกมาจากมือขององค์ชายเจี้ยนอวี่
แต่ถึงนางจะคว้าจับด้วยสองมือ กระจกในมือของอีกฝ่ายก็ไม่ขยับเลย
“นี่เจ้าคิดต่อต้านข้าหรือ?”
องค์ชายเจี้ยนอวี่จ้องมองหญิงรับใช้ของตนเองพร้อมกับยิ้มอ่อน “อย่าลืมสิว่าผู้ใดให้กำเนิดเจ้าขึ้นมา ผู้ใดเลี้ยงดูเจ้าขึ้นมา ข้าแทบไม่ต่างไปจากบิดาเจ้าเลยนะ”
ดวงตาของหลงหน่าเป็นประกายไหววูบ แต่นางก็ตัดสินใจได้แล้วว่าตนเองควรทำอย่างไรต่อไป
หญิงสาวร้องคำราม ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียว นางกลายเป็นมนุษย์ที่มีศีรษะเป็นหัวมังกรเกล็ดแดง มือกลายเป็นกรงเล็บ แล้วกรงเล็บแหลมคมก็ตะปบลงไปที่แขนขององค์ชายเจี้ยนอวี่ เพื่อจะแย่งชิงกระจกเงินบานนั้นมาให้ได้
“น่าเสียดายที่เจ้าเลือกผิด”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ยกมือขึ้นและชี้นิ้วไปที่กลางหน้าผากของหลงหน่า
หญิงสาวส่งเสียงร้องครางในลำคอ ร่างกายกลับมาเป็นมนุษย์ปกติอีกครั้ง แต่ผิวหนังของนางปรากฏเกล็ดมังกรสีแดงขึ้นอยู่เต็มไปหมด นี่คือร่างที่แท้จริงของหลงหน่า นางถูกพลังมหาศาลกดทับจนไม่สามารถขยับร่างกายได้อีก
เวลาเดียวกันนี้ องค์ชายเจี้ยนอวี่ถอนหายใจ
คลื่นพลังทำลายล้างพลันระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา
แล้วนายทหารหลายหมื่นคนของกองทัพเป่ยเฉินที่ยังไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกคลื่นพลังพายุหมุนสังหารสิ้น กลายเป็นม่านหมอกเลือดในอากาศ
“ไม่นะ…”
หลงหน่าทำได้เพียงพึมพำออกมา เพราะไม่สามารถช่วยเหลือผู้ใดได้เลย
“ข้าอุตส่าห์เลี้ยงดูเจ้ามาหลายสิบปี แต่หลังจากเจอหลินเป่ยเฉินไม่กี่วัน เจ้าก็เลือกติดตามมันผู้นั้นแทนข้า นั่นเท่ากับว่าเจ้าเลือกมัน และเจ้าเลือกที่จะทรยศข้าผู้นี้”
องค์ชายเจี้ยนอวี่จ้องมองหลงหน่าด้วยแววตาผิดหวัง
หลงหน่าตอบกลับไปว่า “เจ้าไม่ใช่องค์ชายของข้า เจ้าเป็นใครกันแน่…”
“ข้าเป็นใครอย่างนั้นหรือ?”
กระจกเงินในมือขององค์ชายเจี้ยนอวี่สะท้อนประกายระยิบระยับ “ข้าเป็นนักเดินหมาก เป็นจอมบงการ เป็นชาวไร่ผู้เก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นนักล่า…ข้าใช้เวลานับหมื่นปีหมดไปกับการทำงานหนัก และในที่สุด ข้าก็ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตของตนเองแล้ว”
“คำนับบรรพบุรุษ”
บนท้องฟ้า หวังจงโค้งตัวคำนับอีกครั้ง
เป้าหมายในการคำนับครั้งนี้อยู่ที่องค์ชายเจี้ยนอวี่
นี่เข้ากับบุคลิกของหวังจงเป็นอย่างดี ชายชรามักลงมือโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีเวลาตั้งตัว
“ฮ่า ๆๆๆ!”
องค์ชายเจี้ยนอวี่หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ
เสียงหัวเราะของเขาสะเทือนฟ้าสะเทือนดินและอาจจะสะเทือนลงไปถึงยมโลกด้วยเช่นกัน
เขาลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะขยายร่างกลายเป็นมนุษย์ยักษ์ที่มีความสูงเท่ากับตึกหลายร้อยชั้น
“จอมโจรปล้นศพ คนขุดสุสาน ท่านถึงกับกล้ามาลอบโจมตีข้าเช่นนี้ แสดงว่าท่านจำข้าได้แล้วใช่หรือไม่?”
องค์ชายเจี้ยนอวี่กล่าวพร้อมกับยื่นกระจกออกมาข้างหน้าเพื่อใช้ป้องกันร่างกาย
เปรี๊ยะ!
รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนกระจกเงิน
ทว่าลมหายใจต่อมา รอยแตกร้าวนั้นก็สมานตัวก่อนจะเลือนหายไป
“เจ้าจะเรียกข้าว่าคนขุดสุสานก็ได้”
หวังจงจ้องมองไปที่องค์ชายเจี้ยนอวี่ “แต่อย่าได้เรียกข้าว่าจอมโจรปล้นศพเลย”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง “จิตใจของท่านยังมีคุณธรรมสูงส่งไม่เปลี่ยนแปลง ท่านไม่เคยมีความปรารถนาที่จะได้ครอบครองความยิ่งใหญ่…แต่บัดนี้ ข้ากลับมาแล้ว”
กระจกเงินสะท้อนประกายวิบวาว
ลำแสงสีเงินถูกยิงออกมา
โจวเทียนอวิ๋นซึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศในตอนนี้ ยังไม่ทันได้มีเวลาพูดคำใด ก็ถูกลำแสงสีเงินยิงใส่จนตัวคนลอยกระเด็นไปไกลถึงเส้นขอบฟ้าและหายลับไปจากสายตาเป็นครั้งที่สาม
“ตัวชั่วร้ายที่ทรยศบิดาบุญธรรมของพวกเราถึงสองครั้งสองคราอย่างเจ้า ข้ารู้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งเจ้าต้องกลับมา”
หวังจงหัวเราะเยาะ ตอบกลับไป “เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกลับมาในรูปแบบนี้”
“ยังมีเรื่องที่ท่านคิดไม่ถึงอีกมากมายนัก”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ยิ้มแย้มอย่างอบอุ่น “คนขุดสุสาน ท่านดุด่าข้า ข้าไม่โกรธท่านหรอก ข้ายินดีมอบโอกาสครั้งสุดท้ายให้ท่านถวายตัวรับใช้ข้า ระหว่างที่พวกเราร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาหลายพันปี ในกลุ่มยี่สิบสี่ชนชั้นบรรพบุรุษดั้งเดิม มีเพียงท่านผู้เดียวเท่านั้นที่ข้าเคารพนับถือจากใจจริง”
“ข้าไม่ต้องการความเคารพจากคนโสโครกอย่างเจ้า”
หวังจงหัวเราะเหยียดหยาม “ขนาดในยุคสมัยที่เจ้าเป็นวีรบุรุษของผู้คน ข้าก็ยังไม่เคยมีความคิดที่จะรับใช้เจ้าเลย มาตอนนี้ เจ้าคิดหรือว่าข้าจะรับใช้เจ้า?”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย “ท่านติดตามหลินเป่ยเฉินมานานเกินไป สุดท้ายก็ติดนิสัยของมันผู้นั้นมาไม่รู้ตัว…เฮ้อ วีรบุรุษที่แท้จริงมักจะโดดเดี่ยวอยู่เสมอ เส้นทางสู่ชีวิตอมตะเมื่อไม่มีผู้คนร่วมเดินเคียงข้าง มันช่างเป็นชีวิตที่เงียบเหงายิ่งนัก”
จากนั้นเขาก็กวาดสายตามองนครศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังตกอยู่ในความโกลาหล ก่อนจะหันมากล่าวกับหวังจงต่อไปว่า “ข้าต้องการมอบเกียรติยศให้แก่ท่าน แต่น่าเสียดายที่ท่านไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี…ข้าไม่รู้เลยว่าตนเองควรชื่นชมท่านหรือสมน้ำหน้าท่านมากกว่ากัน”
“เอาที่เจ้าสบายใจเถอะ”
ชายชราตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ