เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 304 เฉาพั่วเถียนผู้พ่ายแพ้
บทที่ 304 เฉาพั่วเถียนผู้พ่ายแพ้
หลินเป่ยเฉินก็ทุ่มเททุกอย่างหมดหน้าตักเช่นกัน
เขาระเบิดพลังลมปราณออกมาจากร่างกายทุกสัดส่วน
ร่างกายอยู่ในขั้นกระบี่กระดูกเหล็ก
ใช้งานวิชาโลหิตกระชากวิญญาณ
ในมือถือกระบี่ร่ายรำกระบวนท่าจากคัมภีร์กระบี่รักนิรันดร์
เขาไม่ได้อยากจะต่อสู้กับเฉาพั่วเถียนอีกต่อไปแล้ว
เพราะถ้าสู้กันปกติ ชัยชนะที่ได้มามันย่อมไร้ความหมาย
หลินเป่ยเฉินแค่อยากจะระบายความแค้นที่อัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ
เขาแค่อยากจะรู้สึกสะใจเท่านั้น
ภาพใบหน้าของผู้เสียชีวิตในหุบเขาชายแดนเหนือผุดขึ้นมาในสายตาของหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มไม่สนใจที่จะเปิดเผยถึงไพ่ตายของตัวเองแล้ว
เขาแค่อยากจะบดขยี้เฉาพั่วเถียนให้ได้จริงๆ
แต่เด็กหนุ่มผมทองผู้ยืนหยัดอยู่เบื้องหน้าในขณะนี้ ก็มีพลังทะลุขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 4 ไปแล้ว ซึ่งนั่นสร้างความประหลาดใจให้แก่หลินเป่ยเฉินเป็นอย่างยิ่ง
หลินเป่ยเฉินแน่ใจว่าไอ้หัวทองมันต้องโกงแน่นอน
เขารู้จักนิสัยของมันดี
นั่นยิ่งทำให้เขาโกรธแค้นมากกว่าเดิม
สาเหตุที่หลินเป่ยเฉินต้องโกงก็เพราะเขาทะลุมิติมาจากโลกอื่น แต่สำหรับเฉาพั่วเถียนที่เป็นคนของโลกจอมยุทธ์แห่งนี้ ยังมีหน้ามาโกงได้อีกหรือ?
หน้าไม่อายที่สุด
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
หลินเป่ยเฉินย่อตัวลงมาระดับเอวและกระแทกฝ่ามือออกไปข้างหน้า 2 กระบวนท่าซ้อน
เมื่อโคจรพลังในร่างกายออกมาเต็มสูบ ทุกครั้งที่เขาใช้วิชาฝ่ามือเทพเจ้า ร้อยก้าวสู่ปรภพ มวลอากาศก็จะบิดตัวเป็นเกลียวคลื่น สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และไม่ว่ามวลอากาศนั้นจะเคลื่อนที่ไปยังจุดใด รอบบริเวณของจุดนั้นในรัศมี 2 วาก็จะเกิดความเสียหายขึ้นอย่างหนักหน่วง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
พลังฝ่ามือของเด็กหนุ่มลอยไปกระแทกเข้ากับส่วนต่างๆ ของดาดฟ้าเรือ ได้ยินเสียงโครงเหล็กดังสะท้อนโกร่งกร่าง แล้วรอยฝ่ามือก็ปรากฏขึ้นตามดาดฟ้าเรือและเสาโลหะหลายต้น
นี่คือเรือรบหลวงขั้นนายกองของกองทัพ วัสดุที่นำมาสร้างได้มาจากการเล่นแร่แปรธาตุ และยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยการลงค่ายอาคมพิเศษ จึงยากที่จะมีกระบี่หรือลูกศรเจาะทะลุพื้นผิวของลำเรือได้…
เมื่อผู้รับชมการถ่ายทอดสดเห็นฉากเหล่านั้น พวกเขาก็รู้สึกหนังหัวชายิบขึ้นมาทันที
นี่คือความน่ากลัวของหลินเป่ยเฉิน
หากพลังฝ่ามือของเขากระแทกถูกตัวคน คนผู้นั้นก็จะต้องระเบิดตายแน่นอน
แต่โชคดีที่ถึงแม้ว่าเฉาพั่วเถียนจะสติขาดหายด้วยความโกรธแค้น แต่สัญชาตญาณการต่อสู้ของเขายังอยู่ครบถ้วน
เขาใช้วิชาประจำเมืองไป๋หยุน กระโดดขึ้นไปในอากาศและเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถหลบหลีกการโจมตีจากหลินเป่ยเฉินได้อย่างปลอดภัย
วูบ!
ทันใดนั้น คมกระบี่สาดประกาย
เฉาพั่วเถียนจู่โจมออกมาแล้ว
นี่คือกระบวนท่าที่มีระดับการโจมตีรุนแรงที่สุดที่เขาสามารถใช้ออกมาได้
พลังของมันสามารถผ่าเรือรบหลวงของกองทัพให้ขาดออกได้เป็นสองท่อน
“เจ้าจงตายซะเถิด” เฉาพั่วเถียนระเบิดเสียงคำราม
หลินเป่ยเฉินไม่ได้หลบหลีก
เขาดาวน์โหลดดาบศีลธรรมมาถืออยู่ในมือและฟาดฟันออกไปด้วยพละกำลังในร่างกายที่พุ่งสูงถึงขีดสุด
นี่คือกระบวนท่าจากวิชากระบี่สามสัณฐานแห่งเป่ยไห่ที่เขาเคยเอาชนะหวังซินอวี่มาแล้ว
พลังคลื่นน้ำสาดกระจาย
ม่านหมอกเลือดพุ่งออกมาจากรูขุมขน
นี่คือการปะทะกันของความแข็งแกร่งจากทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง
ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง มวลอากาศรอบกายปั่นป่วนระเบิดตัว เกิดเป็นรัศมีสีเหลืองทองและสีแดงเลือดแผ่กระจายไปรอบบริเวณจุดศูนย์กลางของการต่อสู้
การต่อสู้ของเด็กหนุ่มทั้งสองคนถูกห้อมล้อมด้วยม่านสีเลือด
บนหน้าจอถ่ายทอดสดเต็มไปหยดเลือดสีแดงสด
ชาวเมืองหลายคนที่จิตใจไม่เข้มแข็งพอต้องยกมือขึ้นมาปิดตาด้วยความขวัญเสีย เลือดสีแดงสดพวกนั้นมีมากมายจนน่ากลัวเกินไป พวกมันปิดบังหน้าจอ ทำให้พวกเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน…
วูบ!
เงาร่างสองสายก็แยกย้ายออกจากศูนย์กลางการต่อสู้ ฝ่ายหนึ่งแยกมาทางซ้าย อีกฝ่ายย้ายไปทางขวา
หลินเป่ยเฉินซวนเซเล็กน้อยในขณะที่ทิ้งตัวกลับลงมายืนบนพื้นดาดฟ้าเรือ แต่สีหน้าของเขายังคงเยือกเย็น ดาบขนาดใหญ่ในมือครูดไปกับพื้นเกิดเป็นประกายไฟลากเป็นทางตามดาดฟ้าเรือ สายรัดผมขาดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ผมสีดำยาวสลวยของเขาบัดนี้จึงถูกปล่อยลงมาปลิวไสวตามแรงลม ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้เด็กหนุ่มมีความสง่างามราวกับเทพเจ้าจากสรวงสวรรค์
เฉาพั่วเถียนมีสภาพที่แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง
เขาลอยกระเด็นไปกระแทกกับราวกั้นดาดฟ้าเรือ ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ไม่กี่อึดใจต่อมาตัวคนก็ไถลลงไปนอนกองอยู่บนพื้นท่ามกลางกองเลือดสีแดงสด
กระบี่ในมือของเขาแตกหักไปแล้ว
เสื้อที่เขาสวมใส่มีแต่รอยฉีกขาด ไม่ทราบเลยว่าถูกคมดาบจากหลินเป่ยเฉินฟันใส่ไปกี่แผล ตลอดทั่วลำตัวของเขาเต็มไปด้วยรูพรุน เลือดสีแดงสดกำลังไหลทะลักออกมาจากบาดแผลเหล่านั้นไม่หยุด ทำให้ในขณะนี้ เฉาพั่วเถียนเหมือนกำลังนอนแช่อยู่ในอ่างน้ำเลือดไม่มีผิด
“เจ้า…”
เฉาพั่วเถียนพยายามจะยันกายลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
เมื่อมองไปที่หลินเป่ยเฉินและพบว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย เฉาพั่วเถียนก็รู้สึกตกตะลึงและโกรธแค้น
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ
เห็นได้ชัดว่าเขา… จะต้องเอาชนะเจ้าเศษเดนคนนี้ได้โดยไม่ลำบากไม่ใช่หรือ?
“ทีนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง?” หลินเป่ยเฉินยกดาบขึ้นมาอีกครั้งและพูดว่า “เข้าใจหรือยังว่าเจ้าอ่อนแอมากแค่ไหน?”
เฉาพั่วเถียนชักสีหน้าด้วยความเดือดดาล
แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดคำใด ร่างกายที่บาดเจ็บก็ส่งสัญญาณเตือนอีกครั้ง เด็กหนุ่มผมทองกระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่ และในกลุ่มเลือดที่สำลักออกมานั้น ก็ผสมลิ่มเลือดที่บ่งบอกว่าอวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายร้ายแรง
“นี่ข้า…”
เฉาพั่วเถียนมองเลือดที่ใช้มือรองเอาไว้ใต้ปาก บนมือของเขาปรากฏลิ่มเลือดก้อนใหญ่ เมื่อเห็นดังนั้น เด็กหนุ่มผมทองก็ร้องเสียงหลงด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต “ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส…หลินเป่ยเฉิน เจ้าคิดฉวยโอกาสสังหารข้า”
เพียงเห็นลิ่มเลือดไม่กี่ก้อน เฉาพั่วเถียนก็มีสภาพเหมือนคนที่ตกอยู่ในฝันร้าย ใบหน้าของเขาซีดขาว ความกล้าหาญของเด็กหนุ่มอัจฉริยะจากเมืองไป๋หยุนเหือดหายไปเหมือนเม็ดทรายในนาฬิกาทราย
“บาดเจ็บสาหัสอย่างนั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้ ข้าว่าเจ้าแข็งแรงดีจะตาย”
หลินเป่ยเฉินยกดาบขึ้นมาตั้งท่าเตรียมโจมตีและกล่าวว่า “เจ้ายังมีแรงเหลือพอที่จะสู้กับข้าได้อีกเป็นร้อยยก”
ระหว่างนั้นเขาก็พลิ้วกายด้วยความเร็วไว เส้นผมสีดำปลิวไสวไปตามแรงลม
เขาจะไม่ฆ่าเฉาพั่วเถียนง่ายๆ หรอก
แต่หลินเป่ยเฉินจะปล่อยให้ไอ้หัวทองมีความหวังว่าจะรอดชีวิตก่อนสักเล็กน้อย
หลังจากนั้นเขาถึงจะดับความหวังของมันซะ
สิ่งที่สำคัญก็คือ มันจะเป็นการประกาศให้กับศัตรูทั้งโลกได้รับรู้ว่า หากคิดมีปัญหากับหลินเป่ยเฉินจะต้องมีจุดจบเช่นใด
เพราะเขาไม่จำเป็นต้องมอบความเมตตาให้กับพวกตัวชั่วร้ายหรอกกระมัง?
กำจัดทิ้งไปนั่นแหละดีแล้ว
หลินเป่ยเฉินไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าพลาดโอกาสนี้แล้ว เขาจะมีโอกาสได้จัดการเฉาพั่วเถียนอย่างนี้อีกหรือไม่?
เพราะฉะนั้น จิตสังหารจึงลอยออกไปจากดาบของเขาอย่างชัดเจน
“ไม่นะ…”
เฉาพั่วเถียนหวาดกลัวจนตัวสั่นเทาและร้องออกมาด้วยความตกใจ “ข้ายอมแพ้แล้ว…ข้ายอมแพ้แล้ว…ท่านผู้สังเกตการณ์ ได้โปรดช่วยข้าด้วย…”
เมื่อเห็นว่าความตายกำลังจะมาถึงตัว เฉาพั่วเถียนผู้มีภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งดุดัน ก็ยอมรับความพ่ายแพ้โดยดุษฎี
เขารวบรวมพลังลมปราณเศษเสี้ยวสุดท้ายที่เหลืออยู่ในตัว ใช้งานมันกับวิชาตัวเบาเพื่อเคลื่อนกายตรงไปหาผู้สังเกตการณ์ที่ประจำการอยู่บนเรือ
ใครจะรู้เลยว่าเขาลอยตัวออกมาได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีมวลพลังที่ไม่มีใครสามารถสัมผัสได้พุ่งมาจากฝั่งท่าเรือ และมวลพลังเหล่านั้นก็ไหลรินเข้าไปในร่างกายของเฉาพั่วเถียน…นั่นส่งผลให้เด็กหนุ่มหัวทองทิ้งตัวลงมาจากกลางอากาศและยืนตัวแข็งทื่ออย่างกะทันหัน
“โอกาสนี้แหละ”
หลินเป่ยเฉินดวงตาลุกวาว กระโดดเข้าไปฟันดาบใส่โดยไม่ลังเล
ฟู่!
คมดาบของเขาจมหายลงไปบนหัวไหล่ซ้ายของเฉาพั่วเถียนครึ่งหนึ่งแล้ว
จังหวะนั้นเอง…
“หยุดมือก่อน”
ในที่สุด ผู้สังเกตการณ์ประจำเรือก็ออกมาทำหน้าที่ของตนเองแล้ว
เสียงตะโกนของเขาพอดัง ตัวคนก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับกระบี่ที่ถูกชักออกมาจากฝัก เพื่อยกขึ้นมาต้านทานดาบใหญ่ในมือของหลินเป่ยเฉินโดยเฉพาะ
หลินเป่ยเฉินเพิ่มแรงกดลงไปที่ตัวดาบ
“เจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?” ผู้สังเกตการณ์รู้สึกได้ถึงพลังลมปราณที่เพิ่มมากขึ้นจากดาบศีลธรรม และทันใดนั้น เขาก็รับรู้ได้ถึงจิตสังหารจากหลินเป่ยเฉิน สีหน้าจึงเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยในขณะที่ลดน้ำเสียงลง กลายเป็นพูดกระซิบว่า “หลินเป่ยเฉิน เจ้าจงตั้งสติให้ดี บัดนี้เจ้าสามารถบดขยี้เฉาพั่วเถียนได้แล้ว…เจ้าไม่อยากได้ตำแหน่งผู้ชนะการแข่งขันประจำปีหรืออย่างไร?”
เขาคิดว่านี่คือประเด็นสำคัญที่สุดในชีวิตของหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินลองพยายามทดสอบระดับพลังของผู้สังเกตการณ์ประจำเรืออยู่อีกสองสามรอบ แต่ก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีพลังแข็งแกร่งมากกว่าที่คิด สุดท้ายเขาจึงถอนหายใจด้วยความเสียดาย ดูเหมือนว่าโอกาสที่เขาจะได้สังหารเฉาพั่วเถียนด้วยมือของตัวเองจะหลุดลอยไปเสียแล้ว
“ข้าน้อยขออภัย…” หลินเป่ยเฉินรั้งดาบถอยหลังกลับไป เมื่อคมดาบถูกดึงขึ้นจากไหล่ซ้ายของเฉาพั่วเถียน เลือดเป็นสายก็พุ่งกระฉูดออกมาเหมือนน้ำพุ
หากผู้สังเกตการณ์เข้ามาถึงตัวช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เฉาพั่วเถียนก็คงถูกคมดาบของหลินเป่ยเฉินฟันตัวขาดเป็นสองท่อนไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความเศร้า
ผู้สังเกตการณ์ประจำเรือถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาคอยเอาใจช่วยหลินเป่ยเฉินมาตั้งแต่แรก
ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะมีภาพลักษณ์เป็นพวกหน้าเงิน มีนิสัยลามกจกเปรต สติปัญญาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ผู้สังเกตการณ์ก็มองออกว่าหลินเป่ยเฉินจะต้องเป็นมือกระบี่ที่ยอดเยี่ยมได้แน่นอน
ในขณะที่เฉาพั่วเถียนผู้มีสถานะสูงส่งด้วยความที่เป็นลูกศิษย์จากเมืองไป๋หยุน แท้จริงแล้วกลับเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว มีนิสัยชั่วร้าย และพร้อมที่จะหักหลังทุกคนได้เสมอ
ผู้สังเกตการณ์ไม่อยากจะให้หลินเป่ยเฉินฆ่าเฉาพั่วเถียนตายด้วยความวู่วาม เพราะมันจะทำให้หลินเป่ยเฉินต้องสูญเสียตำแหน่งผู้ชนะการแข่งขันประจำปีนี้ไป และถ้าเป็นอย่างนั้น ก็หมายความว่าความพยายามทั้งหมดที่เด็กหนุ่มทุ่มเทมาตลอดหลายวันก็จะสูญสลายหายไปในพริบตา
แต่ผู้สังเกตการณ์ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่า ในจังหวะนั้นเอง สิ่งที่ไม่น่าเชื่อพลันบังเกิดขึ้น
————————————–