เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 333 ความว่างเปล่า
บทที่ 333 ความว่างเปล่า
“ทุกอย่างเตรียมการเรียบร้อยแล้วขอรับ ใต้เท้า” อู๋ซางหยานเดินเข้ามารายงานหลังเตรียมการทุกอย่างเสร็จสิ้น
ถังกู่จินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เดินออกมาจากห้องพักของตนเอง
เขาคือคนที่จะได้รับความสนใจมากที่สุดในการแถลงข่าวครั้งนี้
ทุกครั้งที่ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญหรือต้องรับหน้าที่ประกาศข่าวสารครั้งใหญ่ นี่คือธรรมเนียมที่ถังกู่จินจะต้องปฏิบัติเป็นประจำ เขาจะอาบน้ำเพื่อชำระจิตใจให้สงบ และเปลี่ยนเสื้อผ้ามาสวมใส่ชุดที่หรูหราและราคาแพงที่สุด เพื่อแสดงให้ทุกคนได้เห็นด้านที่ควรค่าต่อการเคารพในตัวเขา
“ดีมาก งั้นเราก็เอาหัวของหลินเป่ยเฉินไปที่ลานหน้าวิหารได้เลย”
ถังกู่จินอยากจะแถลงข่าวครั้งนี้ที่ลานจัตุรัสหน้าวิหารเทพกระบี่
หลินเป่ยเฉินสามารถหลบหนีไปได้จากที่นั่น
ก็จะต้องถูกประกาศจุดจบที่นั่นเช่นกัน
ด้านนอกมีรถม้าเตรียมไว้พร้อมแล้ว
ถังกู่จินและเจ้าหน้าที่มือปราบผู้ติดตามกำลังจะเดินออกไปนอกสำนักงานมือปราบ แต่ในจังหวะนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่ดังขึ้น
กลับกลายเป็นหลินเจิ้นหนาน หัวหน้าตระกูลหลินคนปัจจุบัน เดินนำหลินอี้ผู้เป็นบุตรชายเข้ามาด้วยอาการรีบร้อนผิดปกติ
“ใต้เท้าขอรับ ช้าก่อน” หลินเจิ้นหนานยกมือป้องปากตะโกนมาตั้งแต่ไกล “มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้วขอรับ ใต้เท้า ได้โปรดใต้เท้าอย่าเพิ่งไป… ข้ามีความลับสำคัญจะมารายงาน…”
ถังกู่จินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ยังจะมีสิ่งใดสำคัญมากไปกว่าพิธีแถลงข่าวการจับตายหลินเป่ยเฉินอีกหรือ?
แต่หลินเจิ้นหนานบัดนี้เป็นผู้มีสถานะสูงส่งภายในเมืองหยุนเมิ่ง ถึงจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง
“อ้าว ผู้อาวุโสหลิน มีอะไรหรือ ทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนี้?”
ถังกู่จินหยุดยืนและส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ขอรับ ใต้เท้า…” หลินเจิ้นหนานวิ่งเข้ามาหยุดยืนหอบหายใจอยู่เบื้องหน้าผู้ตรวจการมณฑล พูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“เรื่องอันใด?”
เมื่อได้รับฟังสิ่งที่หลินเจิ้นหนานรายงานด้วยการกระซิบข้างหูจบลง ถังกู่จินก็แผ่พลังลมปราณออกมาจากร่างโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความตกตะลึงชัดเจน “ผู้อาวุโสหลิน รู้ตัวหรือไม่ว่าท่านกำลังพูดอะไรอยู่? เรื่องนี้จะล้อเล่นไม่ได้เด็ดขาดเชียวนะ”
หลินเจิ้นหนานพยายามอำพรางสีหน้าดีใจสุดความสามารถ “กราบเรียนใต้เท้า บุตรชายของข้าน้อยกำลังหิ้วหัวปีศาจร้ายอยู่ทั้งคน ข้าน้อยจะกล้าเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นได้อย่างไร ขอเชิญใต้เท้าพิสูจน์ดูข้อเท็จจริงเถิดขอรับ”
ผู้ตรวจการมณฑลมีสีหน้าขุ่นเคืองขึ้นมาทันที
“พวกเรากลับเข้าข้างใน”
ถังกู่จินหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในสำนักงานอีกครั้ง
อู๋ซางหยานไม่ทราบว่าเกิดเหตุใดขึ้น แต่ดูจากสีหน้าของถังกู่จินแล้วนี่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เขาไม่กล้าถามมากความ ได้แต่เดินติดตามผู้เป็นนายท่านเข้าไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ
ภายในห้องรับแขก
กลุ่มคนที่มารวมตัวกัน ได้แต่หันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุไฉนใต้เท้าถังกู่จินถึงยังไม่เดินทางไปเปิดพิธีถ่ายทอดสดการแถลงข่าวจับตายหลินเป่ยเฉินอีก
“หลินอี้ ไหนเอาหลักฐานของเจ้ามาดูหน่อยซิ”
ถังกู่จินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ขณะนี้ อารมณ์ความรู้สึกของเขาเยือกเย็นลงมากแล้ว
“ขอรับใต้เท้า”
หลินอี้เดินเข้ามาวางกล่องไม้สีดำไว้บนโต๊ะตัวหนึ่ง หลังจากเปิดฝากล่องขึ้น ก็ได้กลิ่นคาวเลือดลอยฟุ้งขึ้นมาทันที
อู๋ซางหยานชะโงกมองดูสิ่งที่อยู่ด้านในกล่อง แล้วหัวใจของเขาก็ต้องกระตุกวูบ
สิ่งที่เขาเห็นคืออะไรหรือ?
อู๋ซางหยานเห็นศีรษะมนุษย์
ศีรษะของหลินเป่ยเฉิน
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
อู๋ซางหยานยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ
ก็ในเมื่อศีรษะของหลินเป่ยเฉินบัดนี้ ถูกเก็บรักษาอยู่ในแหวนเก็บของของเขาเป็นอย่างดี แล้วมันจะไปอยู่ในมือของหลินอี้ได้อย่างไร
“คุณชายหลิน บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น?” ถังกู่จินพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป
หลินเจิ้นหนานรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้แก่บุตรชายโดยเร็ว
หลินอี้มีสีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย แต่ก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ “กราบเรียนใต้เท้า หลังจากข้าน้อยสอบปากคำบรรดาพรรคพวกเพื่อนสนิทมิตรสหายของหลินเป่ยเฉินในคุกใต้ดินเสร็จเรียบร้อย ข้าน้อยก็ออกไปรับประทานอาหารที่โรงเตี๊ยมซงเหอ ระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารอยู่นั้น ข้าน้อยเห็นบุคคลผู้หนึ่งมีรูปร่างหน้าตาและลักษณะคล้ายคลึงกับหลินเป่ยเฉินแอบลอบเข้ามาในโรงเตี๊ยม ตอนแรกข้าน้อยคิดว่าตนเองตาฝาด เนื่องจากหลินเป่ยเฉินโดนคุณชายกวนสังหารไปแล้ว เขาจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่อีกได้อย่างไร”
“แต่ปรากฏว่าในโรงเตี๊ยมมีเจ้าหน้าที่มือปราบสองนายแวะมารับประทานอาหารอยู่ด้วยเช่นกัน พวกเขาเดินเข้าไปสอบถามเด็กหนุ่มที่มีลักษณะเหมือนหลินเป่ยเฉินคนนั้น แล้วความจริงก็เปิดเผยว่าเขาคือหลินเป่ยเฉินตัวจริงเสียงจริง เกิดการต่อสู้ระหว่างพวกเขา เจ้าหน้าที่มือปราบทั้งสองนายนั้นเสียชีวิต แต่พวกเขาก็ทำให้หลินเป่ยเฉินตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ข้าน้อยจึงเดินเข้าไปตัดหัวเขาในที่สุด…”
พูดจบแล้ว น้ำเสียงของเด็กหนุ่มก็แสดงความตื่นเต้นขึ้นมามากมาย
นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ
ทุกคนที่อยู่ภายในห้องรับแขกแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
มีหลินเป่ยเฉินอยู่อีกหนึ่งคน?
มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
ไม่ใช่ว่าหลินเป่ยเฉินถูกกวนเฟยตู้ฆ่าตายไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
“มีผู้ใดเป็นพยานให้เจ้าได้บ้าง?”
ถังกู่จินสอบถาม
หลินอี้รีบตอบโดยเร็ว “กราบเรียนใต้เท้า ข้าน้อยมีคนของสกุลหลินที่ติดตามไปรับประทานอาหารด้วย สามารถเป็นพยานยืนยันได้สามคน”
“นำตัวพวกเขาเข้ามา”
ถังกู่จินนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ด้วยสีหน้าเยือกเย็น
หลังจากนั้น ชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นคนของตระกูลหลินสามนาย ก็เดินโขยกเขยกเข้ามาในลักษณะที่มีผ้าพันแผลเปื้อนเลือดพันอยู่ทั่วทั้งตัว
“ผู้อาวุโสหลิน ท่านยืนยันได้หรือไม่ว่าพวกเขาเป็นคนของตระกูลท่านจริงๆ?”
ถังกู่จินหันไปมองหน้าหลินเจิ้นหนาน
หลินเจิ้นหนานตอบโดยทันทีว่า “กราบเรียนใต้เท้า พวกเขาทำงานรับใช้สกุลหลินมาสิบกว่าปีแล้ว ข้าน้อยขอรับประกันด้วยชีวิต ว่าพวกเขาเป็นคนของตระกูลหลินจริงๆ…”
ถังกู่จินพยักหน้า
หลินเจิ้นหนานต่อให้ขึ้นชื่อว่าเจ้าเล่ห์สักเพียงไหน แต่ก็คงไม่กล้าโกหกเขาในสถานการณ์นี้เด็ดขาด
“ไหนพวกเจ้าทั้งสามคนลองบอกมาซิ ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรกันแน่” ถังกู่จินหันกลับมามองหน้าชายฉกรรจ์ทั้งสามคนอีกครั้ง
ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนนี้เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับทั่วไป ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าพบคนใหญ่คนโตมาก่อน เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าถังกู่จินที่มีสถานะและระดับพลังสูงส่ง พวกเขาก็เกิดอาการตัวสั่นขึ้นมาเวลาตอบคำถามอย่างช่วยไม่ได้
“คุณชายหลินกล่าวได้ถูกต้องแล้วขอรับ…”
“เราพบหลินเป่ยเฉินในโรงเตี๊ยมซงเหอ…”
“มีเจ้าหน้าที่เดินเข้าไปสอบถามอะไรบางอย่าง แต่เจ้าเด็กนรกนั่นกลับชิงลงมือโจมตีก่อน พวกข้าน้อยทั้งสามคนรีบเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่ทันได้คิดอะไร แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นต้องเสียชีวิตทั้งหมด และพวกข้าน้อยก็ได้รับบาดเจ็บอย่างที่ท่านเห็น… หลินเป่ยเฉินยังคงโจมตีพวกเราด้วยพลังปีศาจของมันขอรับ”
“โชคดีที่นายน้อยมีความกล้าหาญมากพอ จึงสามารถตัดหัวมันทิ้งได้ทันเวลา”
แม้ว่าชายฉกรรจ์ทั้งสามคนนี้จะพูดตะกุกตะกัก แต่คำให้การก็สอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหลินอี้
จากมุมมองของถังกู่จิน อู๋ซางหยานและเจ้าหน้าที่คนที่เหลือ ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนนี้ไม่ได้โกหก ยิ่งพวกเขาได้รับบาดเจ็บตลอดตัว นั่นก็คือหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าพวกเขาพูดความจริง
หากชายฉกรรจ์ทั้งสามคนนี้สามารถอธิบายเหตุการณ์ได้อย่างคล่องแคล่วต่างหาก นั่นถึงจะน่าสงสัย
“เอาล่ะ พอได้แล้ว” ถังกู่จินพูด “พวกเจ้าทำได้ดีมาก เตรียมตัวรับรางวัลคนละ 100 เหรียญทองคำ”
“ขอบพระคุณใต้เท้า” ชายฉกรรจ์ทั้งสามรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ก็ไหนว่าถ้ามีส่วนช่วยเหลือในการจับกุมตัวหลินเป่ยเฉิน ก็จะได้รับเงินรางวัล 50,000 เหรียญทองคำไม่ใช่หรือ?
ภายในห้องรับแขกกลับมาตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ถังกู่จินหันกลับมามองหน้าอู๋ซางหยานและถามว่า “หัวที่กวนเฟยตู้นำมาส่งมอบให้พวกเราอยู่ที่ไหน?”
อู๋ซางหยานโคจรพลังลมปราณและนำกล่องไม้ใบหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ หลังจากนั้น เขาก็ค่อยๆ วางกล่องใบนั้นลงบนโต๊ะอย่างเชื่องช้า
กล่องยังคงถูกปิดผนึกเป็นอย่างดี
“เปิดดูซะ” ถังกู่จินออกคำสั่ง
อู๋ซางหยานโคจรพลังลมปราณสลายผนึกที่ฝากล่อง เสร็จแล้วจึงได้ยกฝากล่องขึ้น เพียงกวาดสายตามองดูแค่ครั้งเดียว หัวใจของชายหนุ่มก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม และต้องอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า “ทำไมกัน… มันเป็นไปได้อย่างไร?”
เพราะว่าภายในกล่องมีแต่ความว่างเปล่า
“หัวคนหายไปไหนแล้ว?”
“หายไปแล้ว… หายไปได้อย่างไรกัน…”
“หัวคนตายจะมีปีกบินหนีไปได้อย่างไร?”
ทุกคนได้แต่อุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าศีรษะของหลินเป่ยเฉินที่ควรจะอยู่ในกล่องเก็บหลักฐาน กลับอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย หนังหัวของพวกเขาชายิบ รู้สึกเหมือนถูกผีหลอกไม่มีผิด
ถังกู่จินก็ตกตะลึงไม่น้อยเช่นกัน
ถึงเขาจะเตรียมใจอยู่แล้วว่านี่คือเรื่องที่มีความเป็นไปได้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ ถังกู่จินก็ทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว
อู๋ซางหยานมีความมั่นใจเป็นนักหนาว่าสามารถเก็บหลักฐานได้ไม่มีหลุดรอด
ปัญหาเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่หัวคนตายจะสามารถหายไปเองได้อย่างไร?
“เดี๋ยวก่อนขอรับ เหมือนที่ด้านล่างจะมีอะไรบางอย่าง”
ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่มือปราบคนหนึ่งพลันชี้มือลงไปที่ด้านในกล่องเก็บหลักฐาน