เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 346 ถึงตาท่านแล้ว...
ตอนที่ 346 ถึงตาท่านแล้ว…
ไม่ว่าจะเป็นชาวเมืองที่รวมตัวกันอยู่ในลานจัตุรัส หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่มือปราบระดับสูง พวกเขาต่างก็ถูกพลังกดดันจากแผ่นยันต์เล่นงานจนต้องคุกเข่าลงไปกับพื้นดิน
“ได้โปรดช่วยข้าน้อยสังหารตัววายร้ายผู้นี้ด้วยเถิด!”
ถังกู่จินส่งเสียงคำรามก้องแผ่นฟ้า ระเบิดพลังลมปราณออกจากร่างกายเต็มอัตรา
เขาเป็นผู้มีพลังปราณธาตุไฟ เมื่อระเบิดพลังลมปราณออกมา เปลวไฟก็ลุกโชนทั่วร่างกาย ส่งผลให้ในขณะนี้ผู้ตรวจการมณฑลหนุ่มมีสภาพเหมือนลูกบอลไฟที่มีชีวิต เปลวไฟจากแขนของเขาเชื่อมโยงกับเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้แผ่นยันต์ตลอดเวลา
ครืน!
กระบี่ลำแสงหมุนวนฉวัดเฉวียนในอากาศ
ได้ยินเสียงคมกระบี่พุ่งตัดสายลมน่าขนลุก
พลังงานทั้งหมดนั้นมีเป้าหมายเดียวคือการบดขยี้หลินเป่ยเฉิน
“ได้โปรดช่วยข้าน้อยสังหารตัววายร้ายผู้นี้ด้วยเถิด!”
ถังกู่จินส่งเสียงคำรามออกมาเป็นครั้งที่สอง
ร่างกายของเขาลุกเป็นไฟตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า คลื่นความร้อนแผ่ไปรอบบริเวณอย่างน่าหวาดกลัว แม้แต่หลิงอู๋กับหลิงจุนเซวียนก็อดตกตะลึงไม่ได้
ถังกู่จินเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น รับผิดชอบเรื่องการบริหารผู้คน คิดไม่ถึงเลยว่ากลับมีระดับพลังไม่ต่ำต้อย
ปรากฏว่าผู้ตรวจการมณฑลคนนี้มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์เลยทีเดียว
เมื่อผนึกกำลังเข้ากับแผ่นยันต์กระบี่โค้งมังกรบิน พลังของถังกู่จินก็สูงส่งยิ่งกว่าไป๋ไห่ชินด้วยซ้ำ !!!!
“ได้โปรดช่วยข้าน้อยสังหารตัววายร้ายผู้นี้ด้วยเถิด!”
ถังกู่จินตะโกนออกมาเป็นครั้งที่สาม
ทุกครั้งที่ผู้ตรวจการมณฑลหนุ่มส่งเสียงตะโกน เงาร่างคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในอากาศก็จะเกิดแสงสว่างวูบไหว
กระบี่ทั้งห้าเล่มที่บินวนฉวัดเฉวียนอยู่ในอากาศ พลันหันมาชี้ที่หลินเป่ยเฉินเป็นจุดเดียว
เมื่อสิ้นเสียงตะโกนครั้งที่สาม กระบี่ลำแสงเหล่านั้นก็เปล่งประกายเจิดจ้า
ท้องฟ้าเหนือวิหารเทพกระบี่ส้่นสะเทือน เหมือนกับว่าไม่สามารถรองรับพลังอันกล้าแข็งเหล่านี้ได้
ขนาดผืนฟ้ายังสะเทือน แล้วนับประสาอะไรกับผู้คน?
แต่บัดนี้ หลินเป่ยเฉินมีระดับพลังทัดเทียมฟ้าดินแล้ว
“สังหารมารดาเจ้าเถิด!”
พูดจบ เด็กหนุ่มก็สะกิดปลายเท้าลอยตัวขึ้นไปในอากาศ
ผลั่ก! ผลั่ก! ผลั่ก! ผลั่ก! ผลั่ก!
กระบี่ลำแสงทั้งห้าเล่มนั้นถูกกำปั้นของหลินเป่ยเฉินต่อยแตกกระจัดกระจาย
เกิดเป็นลำแสงสว่างไสวทั่วแผ่นฟ้า
หลินเป่ยเฉินลอยตัวอยู่กลางอากาศ ลักษณะเหมือนเทพเจ้าที่เหาะเหินอยู่ท่ามกลางดวงดาวระยิบระยับ เพียงพริบตาเดียวเขาก็มาถึงเบื้องหน้าถังกู่จิน เด็กหนุ่มไม่รอช้า ตวัดเท้าถีบใส่ใบหน้าของผู้ตรวจการมณฑลอย่างแรง!
“โอ๊ย…”
ถังกู่จินอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด
รอยรองเท้าปรากฏเด่นหราบนใบหน้าของเขา ถังกู่จินล้มลงตกบันไดเวที ร่างกายไถลไปไกลหลายสิบวาก่อนที่จะหยุดชะงักอยู่บนพื้นดินที่แตกร้าว!
วูบ!
หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวลงมายืนอยู่บนเวที
เขาเดินลงบันไดมุ่งตรงเข้าไปหาผู้ตรวจการมณฑลอย่างเชื่องช้า
“ไม่หัวเราะแล้วหรือขอรับ?” หลินเป่ยเฉินทอดสายตาจ้องมองไปที่ถังกู่จินด้วยความเหยียดหยาม
ถังกู่จินจมูกหักบิดเบี้ยว ใบหน้าผิดรูปผิดร่าง ฟันหลุดออกมาเกือบหมดปาก ในปากมีแต่เลือดไหลทะลักสีแดงฉาน เขาได้แต่ร้องคำรามด้วยความไม่อยากเชื่อ “นี่มันเป็นไปไม่ได้…”
เขามีแผ่นยันต์กระบี่โค้งมังกรบินอยู่ในมือแท้ๆ แล้วจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร?
ถังกู่จินไม่มีทางยอมรับความจริงได้เด็ดขาด
“ยังไม่ยอมแพ้อีกใช่ไหม?” หลินเป่ยเฉินถามพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
บัดนี้ เขาเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างกายถังกู่จิน
ผู้ตรวจการมณฑลรู้สึกเจ็บปวดบริเวณลำคอ
แล้วร่างของเขาก็ลอยขึ้นจากพื้นดิน
ปรากฏว่าถังกู่จินถูกเด็กหนุ่มกระชากคอเสื้อให้ลุกขึ้น
“เจ้า…” ถังกู่จินตกอยู่ในอาการตื่นกลัวสุดขีด เขาพยายามดิ้นรนแต่มันก็ไร้ประโยชน์ กระบี่ปราณวารีพาดอยู่ที่ด้านข้างลำคอของเขา บัดนี้แม้แต่ขยับแขนขาธรรมดา ถังกู่จินก็ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว
“หัวเราะสิ” หลินเป่ยเฉินตบหน้าผู้ตรวจการมณฑลจอมชั่วร้าย
เพี๊ยะ!
“ไม่อยากหัวเราะแล้วหรือไง?”
หลินเป่ยเฉินกระชากคอเสื้อถังกู่จินขึ้นมาเขย่าเหมือนเด็กอนุบาลกำลังเล่นกับตุ๊กตา
ถังกู่จินมึนงงสับสนจนไม่สามารถตอบรับคำใดได้อีกแล้ว
“บอกให้หัวเราะทำไมไม่หัวเราะ”
หลินเป่ยเฉินคำรามด้วยน้ำเสียงดุร้ายราวกับเป็นคนเสียสติ
ถังกู่จินโดนตบหน้าไปหลายฝ่ามือติดๆ กัน บัดนี้ความรู้สึกเดียวที่มีอยู่คือศีรษะกำลังจะระเบิดแล้ว
“ข้า…”
“ข้าทำไม”
เพี๊ยะ!
“เจ้า…กล้าทำร้ายข้าได้อย่างไร ข้าจะสั่งประหาร…”
“ประหารใครนะ”
เพี๊ยะ!
หลินเป่ยเฉินไม่ได้วางแผนที่จะพูดคุยอย่างมีเหตุผลกับถังกู่จินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
นี่เป็นเพียงการระบายอารมณ์ชำระแค้นเท่านั้นเอง
ชาวเมืองที่คุกเข่าอยู่ในจัตุรัสหน้าวิหารเทพกระบี่เบิกตาโตด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง
เมื่อเห็นสภาพของถังกู่จินในขณะนี้ พวกเขาก็อดรู้สึกเวทนาไม่ได้
ผู้ตรวจการมณฑลมีสภาพที่น่าอนาถมากเกินไปแล้ว
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไม่มีใครคิดเลยว่าถังกู่จินจะมีสภาพเช่นนี้
นี่คือครั้งแรกในชีวิตของถังกู่จินเลยกระมังที่ต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป?
ประเด็นสำคัญก็คือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ยังคงได้รับการถ่ายทอดสดไปทั่วเมือง มิหนำซ้ำ ยังมีการรับสัญญาณส่งต่อไปทั่วมณฑลเฟิงอวี่ และไม่แน่ อาจจะมีการรับสัญญาณถ่ายทอดไปทั้งจักรวรรดิเป่ยไห่แล้วก็เป็นได้
ในอนาคตหลังจากนี้ เวลาที่ผู้คนเอ่ยถึงถังกู่จิน ภาพจำของเขาก็จะกลายเป็นผู้ตรวจการมณฑลคนแรกที่พ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มอายุ 14 ปีอย่างสู้ไม่ได้
นับจากนี้ไป ถังกู่จินต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความอับอาย
ไม่มีสิ่งใดจะสามารถลบล้างความอับอายนี้ได้เลย
นั่นคือสิ่งที่ชาวเมืองกำลังคิด
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความอับอายระดับนี้ มีหรือที่ถังกู่จินจะยอมรับได้ ในที่สุดเขาก็ต้องส่งเสียงกรีดร้องออกมาว่า “มันกำลังจะฆ่าข้าตายอยู่แล้ว… พวกเจ้ายังไม่รีบเข้ามาจัดการมันอีก ข้าขอออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่มือปราบทุกคนจับตายหลินเป่ยเฉินเดี๋ยวนี้”
เจ้าหน้าที่มือปราบทั้งสองพันนาย เป็นนักรบฝีมือดีของจักรวรรดิเป่ยไห่
การเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ มีคำสั่งอยู่เพียงอย่างเดียวว่า…
พวกเขาต้องทำตามคำบัญชาของถังกู่จิน!
เมื่อได้รับคำสั่งดังนั้น เจ้าหน้าที่มือปราบทุกนายก็ชักกระบี่ออกมาจากฝัก กระชับด้ามหอกในมือ ประทับลูกศรเข้ากับคันธนูอีกครั้ง แล้วพวกเขาก็เริ่มจัดตั้งค่ายกลปิดล้อมหลินเป่ยเฉินอยู่ตรงกลาง
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ถังกู่จินระเบิดเสียงหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง “เจ้าอยากให้ข้าหัวเราะนักไม่ใช่หรือ?”
ผู้ตรวจการมณฑลจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาอาฆาตแค้น “หลินเป่ยเฉิน อยากจะสังหารข้าก็จงรีบทำเสีย แต่เจ้าหน้าที่มือปราบเหล่านี้ก็จะต้องสังหารเจ้าแน่นอน ต่อให้มีปีกเจ้าก็หนีไม่พ้น ฮ่าฮ่าฮ่า เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เจ้าหน้าที่มือปราบเหล่านี้ขัดคำสั่งของข้าได้”
“เหลวไหล”
“ถังกู่จิน เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่?”
“หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าขอสั่งให้พวกเจ้าหยุด!”
หลิงจุนเซวียนและหลิงอู๋ร้องคำรามออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“ยิงธนู! ยิงธนู! พวกเจ้าฟังข้าให้ดี ภารกิจของพวกเจ้าบัดนี้คือการสังหารหลินเป่ยเฉินให้ได้ ฆ่ามันซะ ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามันนน!”
ถังกู่จินระเบิดเสียงคำรามออกมาอย่างเสียสติ
พริบตาต่อมานั้นเอง
ได้ยินเสียงสายธนูดีดตัวดังผึง!
ลูกธนูถูกยิงออกมาแล้ว!
ต้องเข้าใจก่อนว่าบัดนี้มีเจ้าหน้าที่มือปราบที่เป็นนักธนูรายล้อมอยู่รอบเวทีมอบรางวัล รวมถึงสถานที่ประหารนักโทษ เมื่อมีการยิงธนูออกมาอย่างพร้อมเพรียง พวกมันก็พร่างพรมลงมาราวกับห่าฝนมัจจุราช
พลังแห่งการทำลายล้างเปี่ยมล้น
ถังกู่จินไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกต่อไป
ขอแค่ทำให้หลินเป่ยเฉินตายได้ก็พอแล้ว
แต่เด็กหนุ่มกลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
ปรากฏลำแสงเหลืองธรรมชาติสว่างวาบออกมาจากร่างกายของเขา
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจเล็กน้อย
เขาส่งข้อความในโทรศัพท์ว่า
“นี่ ถึงตาท่านแล้ว… บอกให้เทพีกระบี่ลงมือได้เลย”
“รับทราบ” ข้อความจากแอปวีแชทตอบรับกลับมา
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็หยุดชะงักอยู่กับที่เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนชั่วคราว
ทันใดนั้น…
ครืน!
ลานจัตุรัสหน้าวิหารเทพกระบี่เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
นี่เป็นการสั่นสะเทือนอย่างผิดธรรมชาติ โดยจุดศูนย์กลางแรงสะเทือนนั้นอยู่ที่วิหารเทพกระบี่ และมันก็กำลังแผ่พลังออกไปรอบบริเวณ
ลูกธนูจำนวนมากมายมหาศาลในอากาศสลายหายวับไปในพริบตาเดียว
ลำแสงจากพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง
รูปปั้นเทพีกระบี่ที่ตั้งอยู่ในจัตุรัสระเบิดลำแสงเป็นประกายสว่างจ้า
ท้องฟ้าปกคลุมด้วยแสงสว่างสดใส มวลอากาศปั่นป่วนแปรปรวน กลุ่มก้อนเมฆแหวกตัวออกเกิดเป็นช่องว่างของมิติแห่งกาลเวลา แล้วร่างที่เป็นแสงสว่างของเทพีกระบี่ในชุดเกราะเหล็ก ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเมืองหยุนเมิ่ง
“สวัสดีมนุษย์ทั้งหลาย เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!” นี่คือคำทักทายจากเทพีกระบี่
บัดนี้ ทุกคนที่อยู่ในลานจัตุรัสล้วนทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว พวกเขาทั้งรู้สึกตื่นเต้นและเหลือเชื่อ ในดวงตามีน้ำตาคลอเต็มเบ้า!
พวกเขาจดจำเทพีกระบี่ได้ไม่มีวันลืม
นางมีลักษณะเหมือนรูปปั้นที่ทุกคนกราบไหว้บูชาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
นางเป็นผู้ที่ชาวเมืองศรัทธาอย่างหมดหัวใจ
และวันนี้ เทพีกระบี่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่วิหารประจำเมืองอีกครั้ง
เทพีกระบี่จะปรากฏตัวออกมาเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนเสมอ!