เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 347 ได้เวลาเอาคืน
ตอนที่ 347 ได้เวลาเอาคืน
เจ้าหน้าที่มือปราบที่กุมกระบี่กระชับด้ามหอก ขึ้นชื่อเรื่องความจงรักภักดีต่อผู้บังคับบัญชาเป็นที่หนึ่ง ต่อให้ถูกสั่งไปบุกน้ำลุยไฟพวกเขาก็ไม่เคยปฏิเสธ แต่บัดนี้ ทุกคนกลับชะงักขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
พวกเขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ดวงตากว่า 2,000 คู่เห็นแสงสว่างเป็นประกายเจิดจ้า พลังอันศักดิ์สิทธิ์อาบไล้ไปทั่วร่างกาย
พวกเขามีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่มือปราบ
เป็นนายทหารที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง
แต่สิ่งที่ทุกคนกำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ไม่ใช่มนุษย์
ทว่าเป็นเทพเจ้า
กองทัพเจ้าหน้าที่มือปราบกราบไหว้บูชาเทพีกระบี่มาตั้งแต่จำความได้ พวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับตำนานของเทพีกระบี่ตั้งแต่ที่เริ่มฝึกวิทยายุทธ์ และกลายเป็นผู้ศรัทธาในตัวเทพีกระบี่อย่างเปี่ยมล้น นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้จับกระบี่ ทุกคนก็สาบานตนว่าจะเป็นสาวกของเทพีกระบี่ตลอดไป พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องท่าน รวมถึงช่วยปัดเป่าภัยอันตรายให้พ้นไปจากบรรดาลูกศิษย์ของท่านด้วยเช่นกัน
แต่เทพีกระบี่ไม่เคยปรากฏกายออกมาให้พวกเขาได้เห็นหลายร้อยปีแล้ว
มีเพียงบางครั้งคนบางคนจะได้พบเห็น หรือได้ยินเสียงคำสั่งสอนของท่านเป็นครั้งคราว แต่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ที่นายทหารกว่า 2 พันคนจะพบเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้พร้อมกันมาก่อน
นี่คือปรากฏการณ์ศักดิ์สิทธิ์
เจ้าหน้าที่มือปราบทุกคนกลับมาได้สติอีกครั้ง
เมื่อเห็นเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ที่กำลังเกิดขึ้น ไป๋ไห่ชินก็ถึงกับลืมเลือนความเจ็บปวดไปเสียสนิท เขานอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นดิน ได้แต่จ้องมองขึ้นไปที่เทพีกระบี่เหมือนปลาใกล้ตาย
ในเวลาเดียวกันนี้ ถังกู่จินเกิดความรู้สึกตื่นกลัวจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง
หลิงไท่ซวี หลิงจุนเซวียน หลิงอู๋และพรรคพวกคนอื่นๆ ทยอยคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นดิน
นักพรตหญิงชินที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฏกายออกมาเลยตั้งแต่เริ่มการถ่ายทอดสด บัดนี้นางก็เดินออกมาจากวิหารอย่างแช่มช้า ด้านหลังยังมีลูกศิษย์ติดตามออกมาอีกเป็นจำนวนมาก พวกนางกำลังสวดมนต์ด้วยท่วงทำนองอันขรึมขลัง ฟังไม่ออกว่าเป็นภาษาอะไร แต่ดูจะมีความศักดิ์สิทธิ์มากมายทีเดียว
ในลานจัตุรัสขณะนี้ ไม่มีใครจะไม่คุกเข่าลงไปบนพื้นดินอีกแล้ว
นอกจากหลินเป่ยเฉิน
เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
นี่หรือเทพีกระบี่?
นางสวมใส่ชุดเกราะเหล็กและหมวกเหล็กที่ปิดบังหน้าตา แต่รูปร่างและทรวดทรงองค์เอวนั้นเป็นเช่นเดียวกับรูปปั้นในวิหารทุกกระเบียดนิ้ว
ต่อให้หลินเป่ยเฉินจะเป็นผู้ที่ศรัทธาในเทพีกระบี่อย่างครึ่งๆ กลางๆ แต่เขาก็ยืนยันได้ทันทีว่านี่คือเทพีกระบี่ตัวจริงแน่นอน
เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถปลอมแปลงได้
ในส่วนลึกจากช่องว่างของท้องฟ้า มีเปลวไฟพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา ช่วยเสริมสร้างบารมีให้เทพีกระบี่ดูมีความน่าเคารพนับถือมากยิ่งขึ้น
นับตั้งแต่ที่ทะลุมิติมาอยู่ในโลกใบนี้ นี่คือครั้งแรกที่หลินเป่ยเฉินได้พบกับเทพีกระบี่ในตำนานตัวเป็นๆ
เด็กหนุ่มไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตนเองออกมาเป็นคำพูดได้เลย
แต่ถ้าจะให้อธิบายออกมาได้ใกล้เคียงที่สุด ก็คงต้องเปรียบเปรยว่าเขาเหมือนกับเป็นชาวอเมริกันรุ่นใหม่ผู้เชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์สุดหัวใจ แล้วอยู่ดีๆ ก็เห็นเทพเจ้าธอร์ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับค้อนสายฟ้านั่นแหละ มันเป็นเหตุการณ์ที่ดูเหลือเชื่อและทำลายความเป็นเหตุเป็นผลทั้งหมดลงไปไม่เหลือชิ้นดี
“เทพีกระบี่หิมะไร้นาม ในที่สุดก็เลิกโกหกเราได้ซะทีนะ”
สุดท้ายนางก็ช่วยประสานงานให้เทพีกระบี่มาช่วยเหลือเขาจริงๆ ด้วย
แม้ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงินถึง 3 แสนเหรียญทองคำก็ตาม
แสงอาทิตย์สว่างไสว
แต่ลำแสงจากร่างกายเทพีกระบี่สว่างไสวกว่านั้นหลายเท่า
“ข้าน้อยคำนับท่านเทพีกระบี่!”
“ข้าน้อยคำนับท่านเทพีกระบี่!”
“ข้าน้อยคำนับท่านเทพีกระบี่!”
พลัน ในลานจัตุรัสเต็มไปด้วยเสียงประสานกึกก้องราวกับคลื่นสึนามิ ชาวเมืองและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นดินส่งเสียงแสดงความเคารพต่อเทพีกระบี่เป็นหนึ่งเดียว
ทุกคนรับลำแสงศักดิ์สิทธิ์จากบนท้องฟ้าด้วยความตื่นเต้น
ถังกู่จินเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ได้รู้สึกยินดีในเหตุการณ์นี้
“มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?” เขาคิดด้วยความเป็นกังวล
ถังกู่จินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าการปรากฏตัวของเทพีกระบี่ต้องมีความเกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉินอย่างแน่นอน… และท่านไม่ได้ปรากฏตัวเพื่อลงโทษเด็กหนุ่มผู้นั้น แต่เทพีในตำนานปรากฏตัวออกมาเพื่อช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินต่างหาก
เสียงแห่งความเคารพบูชาเทพีกระบี่ดังก้องกังวานไปทั่วทุกสารทิศ
เทพีกระบี่ก้มหน้ามองกลุ่มมนุษย์ในลานจัตุรัส
“ข้าตรวจจับได้ถึงพลังปีศาจชั่วร้าย และข้ามาที่นี่เพื่อกำจัดปีศาจจากขุมนรก… ในนามของเทพีผู้ศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะจุดเปลวไฟเพื่อเผาไหม้สาวกปีศาจ และทวงคืนความเป็นธรรมให้แก่ผู้บริสุทธิ์อีกครั้ง!”
เสียงพูดของเทพีกระบี่ดังกังวานในหูของทุกคน
นี่คือความมหัศจรรย์ที่เชื่อมโยงสวรรค์กับมนุษย์โลกเข้าด้วยกัน
“เป็นเขาขอรับ…”
ถังกู่จินรีบร้อนลุกขึ้นยืนชี้ไปที่หลินเป่ยเฉินพร้อมกับพูดออกมาเสียงดัง “เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นสาวกปีศาจ เขาฆ่าคนไปมากมายเหลือเกิน วอนท่านเทพีกระบี่ช่วยชำระล้างบาปให้แก่เขาด้วยขอรับ!”
“ท่านเทพีกระบี่ได้โปรดช่วยกำจัดปีศาจร้ายให้พวกเราด้วย”
หลายคนส่งเสียงตะโกนออกมาพร้อมเพียงกัน
เมื่อมีถังกู่จินเป็นผู้นำ ชาวเมืองจำนวนมากก็เริ่มมีอาการจิตใจไขว้เขวขึ้นมาอีกครั้ง และพวกเขาก็เชื่อว่าในบรรดาผู้ที่อยู่ในลานจัตุรัสขณะนี้ หลินเป่ยเฉินน่าจะเป็นสาวกปีศาจมากที่สุดแล้ว
เขาสังหารเจ้าหน้าที่มือปราบอย่างเลือดเย็น และทำให้เซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุนต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส
เทพีกระบี่คงปรากฏตัวออกมาเพราะเรื่องนี้แน่นอน
แม้แต่หลิงจุนเซวียน ฉู่เหินและคนอื่นๆ ก็อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
“ในบรรดาพวกเจ้าที่รวมตัวกันอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ มีคนผู้หนึ่งเป็นผู้ศรัทธาในตัวข้าอย่างแท้จริง จิตใจของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความดีงามและความใสซื่อบริสุทธิ์ และข้าจะใช้ร่างกายของเขาถ่ายทอดคำสั่งต่อจากนี้…”
เสียงพูดของเทพีกระบี่ดังกังวานทั่วท้องฟ้า
พูดจบ
ร่างกายที่เป็นลำแสงสว่างไสวอยู่บนฟ้า ก็พุ่งวาบลงมาที่ลานจัตุรัสหน้าวิหารเทพกระบี่ ทุกคนเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง รู้สึกร้อนวูบวาบเมื่อลำแสงนั้นพุ่งทะลวงร่างกายผ่านไปคนแล้วคนเล่า
จนกระทั่งลำแสงนั้นหายวับไปในตัวของคนผู้หนึ่ง!
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องชะงักไปทันทีก็คือ บุคคลที่เทพกระบี่เลือกให้เป็นตัวแทนของท่านนั้นกลับกลายเป็น…
หลินเป่ยเฉิน?!
เขาถูกสงสัยว่าจะเป็นสาวกปีศาจไม่ใช่หรือ แล้วจะเป็นตัวแทนเทพีกระบี่ได้อย่างไร?
นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
หลินเป่ยเฉินคือผู้ที่ถูกเลือกอย่างนั้นหรือ?
เด็กหนุ่มเป็นผู้ที่ศรัทธาในเทพีกระบี่หมดหัวใจ
และได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนกำจัดปีศาจในวันนี้
พลัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้ชาวเมืองและเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่
ใช่แล้ว!
ที่ผ่านมาพวกเขาเข้าใจผิดมาตลอด
เทพีกระบี่ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเพราะว่าหลินเป่ยเฉินเป็นสาวกปีศาจประพฤติตัวชั่วร้าย
แต่ท่านปรากฏตัวออกมาเพราะว่าหลินเป่ยเฉินถูกใส่ความอย่างไม่เป็นธรรมตลอดหลายวันที่ผ่านมา และนั่นก็ทำให้เทพีกระบี่ไม่สามารถทนอยู่นิ่งเฉยได้อีกต่อไป
“คารวะท่านเทพเจ้า!”
“คารวะท่านเทพเจ้า!”
ชาวเมืองทุกคนหันมาคำนับหลินเป่ยเฉินอย่างพร้อมเพียงกัน
ถังกู่จินยืนใบหน้ากระตุกอยู่ตรงนั้นด้วยความไม่อยากเชื่อ
ในจิตใจของเขาปรากฏถ้อยคำขึ้นมาสองพยางค์ว่า
จบแล้ว!
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่ตรงนั้น ในจิตใจปรากฏถ้อยคำขึ้นมาหลายพยางค์ว่า
อ้าวเฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า!
นี่มันอะไรกันเนี่ย
ทำไมถึงโยนภาระมาให้เขาดื้อๆ แบบนี้ล่ะ?
แล้วทำไมถึงต้องเลือกมาเข้าร่างเขาด้วย?
แบบนี้จะเกิดผลเสียอะไรหรือเปล่านะ?
หรือว่าเพราะเขามีหน้าตาหล่อเหลามากเกินไป
เทพีกระบี่เห็นแล้วจึงอดใจไม่ไหว?
แล้วถ้าเกิดเทพีกระบี่รู้ขึ้นมาว่าเขาทะลุมิติมาจากโลกอื่น ไม่ใช่หลินเป่ยเฉินตัวจริงเล่า จะเกิดอะไรขึ้น?
หลินเป่ยเฉินมีความคิดร้อยแปดพันประการตีกันในหัววุ่นวายไปหมด คำถามมากมายเกิดขึ้นในจิตใจของเขา ไม่ว่าจะเป็น ‘นี่เรียกว่าอาการผีเข้าหรือเปล่า?’ และ ‘หากวิญญาณของเทพีกระบี่มาอยู่ในร่างของเขาแล้ว เขายังจะสามารถควบคุมร่างกายของตนเองต่อไปได้หรือไม่?’ แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มอยากรู้มากที่สุดก็คือ ‘ต้องทำอย่างไรถึงสามารถครองสติเอาไว้ได้ในระหว่างที่ถูกคนอื่นสิงร่าง?’
ที่เขาคุยกับเทพีกระบี่หิมะไร้นามก่อนหน้านี้ มันไม่มีเรื่องอะไรแบบนี้เลยนี่นา
เด็กหนุ่มรีบนำโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความวีแชทไปหาอีกฝ่ายทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?”
ข้อความจากเทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาโดยเร็วไว “เทพีกระบี่บอกว่าหน้าที่ของท่านจบลงแล้ว ที่เหลือหลังจากนี้เป็นหน้าที่ของเจ้า ที่จะจัดการตัวชั่วร้ายพวกนั้นได้ตามใจชอบ”
“ตกลงว่าไม่มีใครมาสิงร่างข้าใช่ไหม?”
“เจ้าคิดว่าเทพีกระบี่จะสิงร่างใครง่ายๆ หรือไง?”
“ท่านไม่ได้โกหกข้าแน่นะ?”
“เหลวไหล ที่เทพีกระบี่ทำแบบนั้น ก็เพื่อไม่ให้ทุกคนสงสัยว่าเจ้าจะเป็นสาวกปีศาจอีกต่อไปไงเล่า”
“จริงด้วยสินะ… ว่าแต่ว่า ไม่มีคิดค่าบริการเสริมใช่ไหม?”
“คราวนี้ไม่มีแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าเทพีกระบี่เห็นแก่หน้าพี่สาวคนนี้ ท่านจึงยอมยกค่าบริการเสริมให้ทั้งหมด ว่าแต่เจ้าเถิดวางแผนไว้หรือยังว่าจะเอาอย่างไรต่อไป? ฆ่าศัตรูของเจ้าให้หมดเลยดีไหม บัดนี้ไม่มีใครห้ามเจ้าได้อีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินเก็บโทรศัพท์กลับเข้าที่
เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น
ได้เวลาเอาคืนแล้ว
เจ้าพวกคนชั่วทั้งหลาย!!!