เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 411 สำรวจสิ่งของที่เก็บเกี่ยวได้
ตอนที่ 411 สำรวจสิ่งของที่เก็บเกี่ยวได้
ในระหว่างที่กินดื่มอย่างปลอดภัยอยู่นั้น หลินเป่ยเฉินพลันนึกอะไรขึ้นมาได้
เขานำถุงเก็บของสีแดงและกำไลหยกออกมาถือ พบว่าค่ายอาคมที่ปิดปากพวกมันอยู่ถูกสลายไปแล้ว และเมื่อใช้พลังจิตสำรวจดูสิ่งของที่อยู่ด้านใน หลินเป่ยเฉินก็สามารถมองเห็นได้โดยไม่มีสิ่งใดขวางกั้น
ภายในถุงเก็บของสีแดงมีเหรียญทองคำอยู่ประมาณ 3,000 เหรียญ แล้วก็มีบัตรฝากเงินสีดำทมิฬ มองผ่านๆ ไม่ทราบว่าเป็นบัตรระดับสูงหรือระดับธรรมดา แต่นี่เป็นถุงเก็บของของท่านอ๋องน้อยแห่งแคว้นไห่อัน ย่อมไม่ใช่บัตรระดับธรรมดาอยู่แล้ว
แต่หลินเป่ยเฉินไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับโรงฝากทรัพย์กระบี่สวรรค์ เขาจึงไม่ทราบว่าถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของ จะสามารถนำบัตรไปเบิกเงินมาได้หรือไม่?
นอกจากนั้น ก็ยังมีคัมภีร์อีกหลายเล่ม
แต่คัมภีร์เล่มหนึ่งที่โดดเด่นสะดุดตาหลินเป่ยเฉินก็คือคัมภีร์อัคคีฟ้าประทาน
“คัมภีร์วิทยายุทธ์ระดับ 5 ดาว น่าจะมีประโยชน์สำหรับเราไม่น้อย”
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความลิงโลดใจ
ตอนที่พวกเขาต่อสู้กัน สวี่หวั่นหลัวสามารถควบคุมเปลวไฟสีม่วงเหล่านั้นไม่ให้เผาไหม้เสื้อผ้าของตนเอง
หลินเป่ยเฉินก็น่าจะทำได้สำเร็จเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น วิชานี้ยังสามารถนำมาปรับใช้กับรูปแบบการใช้กระบี่ได้อีกด้วย
“นับว่าเจ้าอ๋องน้อยก็เป็นผู้มีพระคุณของเราเหมือนกันนะเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินอดอุทานออกมาไม่ได้
ส่วนในกำไลหยกนั้น มีเหรียญทองคำอยู่จำนวนหนึ่ง แล้วก็บัตรฝากเงินสีแก้วใส ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวอื่นๆ อย่างเช่นเครื่องประดับและชุดชั้นในสตรี
เครื่องประดับดูมีราคาแพงมากทีเดียว
หลินเป่ยเฉินเก็บเหรียญทองคำเอาไว้ และนำบัตรฝากเงินสีแก้วใสไปรวมไว้ในถุงใส่ของสีแดง เมื่อเก็บข้าวของทุกอย่างออกจากด้านในกำไลหยกหมดแล้ว เด็กหนุ่มก็ยื่นกำไลหยกให้แก่หวังจงพร้อมกับกล่าวว่า “เอาไปกำจัดทิ้งให้เกิดประโยชน์ที่สุด ถ้าสามารถแลกเปลี่ยนมาเป็นเงินได้ก็จะดีมาก”
หวังจงพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะหัวเราะในลำคอ พูดว่า “นายน้อยไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้งานถนัดของบ่าวเลยขอรับ นายน้อยโปรดวางใจหวังจงได้เลย”
หลินเป่ยเฉินผงกศีรษะ กำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
แต่แล้วในทันใดนั้นเอง หัวใจของเขาก็กระตุกวูบอย่างไม่มีเหตุผล
เด็กหนุ่มหันหน้ากลับไปมองที่ประตูทางเข้าตำหนักไม้ไผ่
ไม่ทราบว่ามีชายชราในชุดเสื้อคลุมสีเขียวมายืนอยู่ที่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ มิหนำซ้ำ ชายชราคนนั้นกำลังใช้สายตาสำรวจมองทุกสิ่งทุกอย่างของสนามหญ้าด้านหน้าตำหนักด้วยสีหน้าที่ไม่น่าไว้ใจสักนิด
เมื่อรู้สึกได้ว่าหลินเป่ยเฉินกำลังจ้องมองมาที่ตนเอง ชายชราคนนั้นก็หันกลับมาส่งยิ้มให้เขา
รอยยิ้มนี้ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับขนลุก
ชายชราคนนี้มีอายุมากกว่า 60 ปี รูปร่างสันทัด ผมสีดอกเลา แต่คิ้วเป็นสีดำ บนใบหน้ามีรอยตีนกายับย่น ระดับพลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายหนาแน่นรุนแรง สามารถบอกได้เลยว่าเป็นผู้มีฝีมือสูงส่งแน่นอน และเค้าโครงหน้าตาของชายชรานั้น หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าสมัยหนุ่มๆ ตาเฒ่าคนนี้คงหล่อเหลาไม่ใช่น้อย
แม้ว่าจะยิ้มมาอย่างเป็นมิตร แต่หลินเป่ยเฉินกลับรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ทำให้ร่างกายเย็นเฉียบ เหมือนกับว่ามีกระบี่กำลังพาดอยู่ที่ลำคอของเขาก็ไม่ปาน
ในบ้านสุนัขที่ตั้งอยู่ข้างสนามหญ้านั้น เจ้าหมาป่าน้ำแข็งที่กำลังท้องแก่หันมาพบเห็นชายชราปริศนา แล้วแผงขนบนคอก็ลุกชัน เจ้าหมาป่าแยกเขี้ยวขู่ ขยับออกมาจากบ้านสุนัขของมันพร้อมกับส่งเสียงคำรามในลำคอแหบต่ำ
“ท่านเป็นใครไม่ทราบ?”
หวังจงสังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบออกไปรับหน้าแขกผู้มาเยือน “ท่านผู้เฒ่า ที่นี่เป็นบ้านเรือนผู้คน ไม่ใช่สถานที่สาธารณะ ได้โปรดกลับออกไป อย่ารบกวนเวลานายน้อยรับประทานอาหาร”
ชายชราปริศนายิ้มแย้มเล็กน้อย ก่อนจะยกมือโบกสะบัดแขนเสื้อ
พลัน หวังจงลอยกระเด็นไปทันที
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ ต้องรีบกระโดดไปรับพ่อบ้านชราด้วยความเร็วไว
เด็กหนุ่มพบว่าหวังจงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาหมดสติไปเสียแล้ว
“ไม่ต้องตกใจ วันนี้ผู้เฒ่าไม่ได้มาเพื่อเอาชีวิตใคร พ่อบ้านคนนี้แค่กำลังพักผ่อนอยู่เท่านั้น”
ชายชราปริศนายิ้มมุมปาก เดินเข้ามาในตำหนักไม้ไผ่และทรุดนั่งลงที่โต๊ะอาหารเหมือนเป็นบ้านของตนเอง เขาจ้องมองถ้วยโจ๊กว่างเปล่าที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ พร้อมด้วยตะเกียบไม้ที่ยังไม่ถูกใช้อีกหลายคู่ ชายชราเอื้อมมือหยิบน่องไก่ไปกัดกินสองคำ ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “อร่อยมาก ถึงฟันของผู้เฒ่าจะไม่ค่อยดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถรับประทานไก่ได้อร่อย”
“ถ้าอย่างนั้น… ท่านผู้เฒ่าก็ไม่ต้องเกรงใจ”
หลินเป่ยเฉินแย้มยิ้มอย่างเป็นมิตรพร้อมกับกล่าวว่า “หากผู้เฒ่าชอบรับประทาน ข้าน้อยจะสั่งให้คนไปเตรียมไก่ต้มมาให้ท่านอีกตัว”
ชายชราปริศนาส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ “ผู้เฒ่าแก่ชราแล้ว ฟันฟางไม่ค่อยดี ไม่ควรรับประทานเยอะเกินไป… มีแต่เจ้ายังหนุ่มยังแน่น ซ้ำพลังยังสูงล้ำขนาดนี้ นับว่าหาได้ยากยิ่ง ผู้เฒ่าได้กลิ่นบางอย่างที่คุ้นเคยจากร่างกายของเจ้า และนั่นทำให้ผู้เฒ่าดีใจมากนัก”
กลิ่นบางอย่างที่คุ้นเคย?
หรือว่าตาเฒ่าคนนี้… จะเป็นพวกเดียวกับเฒ่าทะเล?
“ผู้เฒ่าชื่นชมเกินไปแล้ว…”
หลินเป่ยเฉินยิงฟันยิ้ม “แต่ไม่ทราบว่ากลิ่นที่ท่านผู้เฒ่ากล่าวถึง มันคือกลิ่นอะไรหรือขอรับ?”
ชายชราปริศนาตอบกลับมาทันทีว่า “กลิ่นของหญ้าเสริมปราณปาฏิหาริย์อายุ 500 ปี”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว รอยยิ้มหายวับไปจากใบหน้า
แขกที่ไม่ได้รับเชิญกล่าวต่อ “ผู้เฒ่าเองก็มีอายุไม่น้อยแล้ว จำเป็นต้องใช้หญ้าเสริมปราณปาฏิหาริย์เพื่อยืดอายุขัยออกไป สุดท้ายไม่ทันระวังตัว จึงถูกอาจารย์ของเจ้าขโมยหญ้าเสริมปราณไปต่อหน้าต่อตา เฮ้อ พูดไปแล้วก็น่าอายยิ่ง ผู้เฒ่าควรจะรู้ดีว่าบุคคลที่มาจากเมืองไป๋หยุนไม่สามารถไว้ใจได้ตั้งแต่แรก… แต่ผู้เฒ่าก็ทำให้อาจารย์ของเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีบาดแผลติดตัวไปมากมายทีเดียว คาดการณ์ได้ว่า ณ บัดนี้ อาจารย์ของเจ้าคงกำลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ใช่หรือไม่?”
“อาจารย์ของข้าได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็ต้องทวนคำถามด้วยความไม่อยากเชื่อ
อาจารย์ไม่เคยเห็นเล่าให้ฟังเลย
“ถูกแล้ว ตอนนั้นผู้เฒ่านึกว่าเขาตายแล้วด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงเลยว่ามันเป็นเพียงละครตบตาฉากหนึ่ง” ชายชราปริศนากล่าวต่อ “ผู้เฒ่านึกชื่นชมอาจารย์ของเจ้ามากทีเดียว ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาคงตายไปหลายรอบแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าอาจารย์ของเจ้านอกจากสามารถหลบหนีได้สำเร็จ ยังแอบขโมยหญ้าเสริมปราณปาฏิหาริย์ของข้าไปได้อีกด้วย”
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่ ก็ถามว่า “ตกลงท่านผู้เฒ่าเป็นคนปลูกหญ้าเสริมปราณปาฏิหาริย์เอาไว้หรือขอรับ?”
ชายชราเสื้อคลุมเขียวส่ายหน้า “ผู้เฒ่าไม่ได้เป็นคนเพาะปลูก มันงอกงามขึ้นมานานแล้ว ไม่เคยมีใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง แต่เมื่อผู้เฒ่าพบเห็นมันเป็นคนแรก มันก็ต้องเป็นของผู้เฒ่า”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ท่านผู้เฒ่า นี่คือสมุนไพรฟ้าประทานที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ใครมีความสามารถมากกว่ากัน ก็ควรได้ครอบครองมันถึงจะถูกต้อง ในเมื่อมันอยู่ในมืออาจารย์ข้า ก็หมายความว่าหญ้าเสริมปราณปาฏิหาริย์ต้นนั้น เป็นของอาจารย์ข้าแล้ว…”
พูดมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินหยุดเล็กน้อย ก่อนกล่าวต่อ “กราบเรียนตามความสัตย์จริง หญ้าเสริมปราณปาฏิหาริย์ 500 ปีต้นนั้น เป็นข้าน้อยรับประทานไปหมดสิ้น”
ชายชราเสื้อคลุมเขียวมีนามว่าจูปี้ฉียิ้มแย้ม ตอบว่า “เรื่องนั้นผู้เฒ่ารู้สึกได้ตั้งแต่แรก ไม่เป็นไรหรอก หึหึ ผู้เฒ่าได้กลิ่นของหญ้าเสริมปราณปาฏิหาริย์มาจากร่างกายของเจ้า กล่าวตามตรง มันเหมาะสมต่อร่างกายของเจ้า มากกว่าร่างกายของผู้เฒ่าอีก แต่เป็นอย่างนั้นก็ยิ่งดี เพราะเลือดของเจ้าก็ยิ่งมีประโยชน์มากกว่าเดิม ฮ่าฮ่าฮ่า นับว่าการเดินทางไกลของผู้เฒ่าในครั้งนี้ ไม่เสียเที่ยวเปล่าแล้วจริงๆ”
หลินเป่ยเฉินเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาในฉับพลัน “ท่านผู้เฒ่าหมายความว่าอย่างไร?”
จูปี้ฉีเทสุราจากในไหใส่ถ้วยให้แก่ตนเองหน้าตาเฉย “ผู้เฒ่าเกิดมาเป็นคนเสพติดสุรา โดยเฉพาะสุราที่หมักมาจากเลือดของคนหนุ่มอัจฉริยะ ผู้เฒ่าชมชอบดื่มกินเป็นที่สุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเลือดของเจ้าที่มีพลังของหญ้าเสริมการปาฏิหาริย์ไหลเวียนอยู่ในนั้น จะมีรสชาติดีเยี่ยมมากแค่ไหน เมื่อนำสมองและหัวใจของเจ้าไปดองเอาไว้ในไหเหล้า มันก็จะช่วยยืดอายุให้แก่ผู้เฒ่าอีกไม่น้อยกว่า 30 ปี”
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินแปรเปลี่ยนไปในทันที…
“เฒ่านรก แท้ที่จริงวันนี้ เจ้าเจตนามาหาเรื่องรังควานผู้คนใช่หรือไม่?”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มกลับมาแข็งกระด้าง แสดงออกถึงความดุดันเต็มเปี่ยม