เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 486 ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องน้ำลายไหล
ตอนที่ 486 ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องน้ำลายไหล
เจียงจี้หลิวเบิกตาโตด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
ประกายในดวงตาของเด็กหนุ่มแขนขาดสว่างไสวเหมือนดาวตกที่ปรากฏเพียงวูบเดียวก็เลือนหายไป
“เจ้าเคยเห็นแขนกลของอาจารย์ฉู่เหินหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินถามคำถามนี้ออกมาเป็นครั้งที่สองด้วยความหวั่นใจ
เพราะครั้งแรกที่เขาถามกงกง เจ้าหมอนั่นกลับตอบมาว่าไม่เคยเห็น เล่นเอาหลินเป่ยเฉินแทบไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว
แต่โชคดีที่ครั้งนี้เจียงจี้หลิวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีด้วยการพยักหน้า
“ข้าเคยเห็นแล้ว แขนกลคู่นั้นเป็นงานประดิษฐ์ของช่างฝีมือระดับสูง แต่เกรงว่าสิ่งที่เป็นของวิเศษเช่นนี้ คงหาได้ยากยิ่ง…” เจียงจี้หลิวถอนหายใจออกมาด้วยความหมดหวัง แต่แล้วเขากลับเบิกตาโตมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความไม่อยากเชื่อ “หรือว่าแขนกลคู่นั้น… จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ
ฮ่าฮ่า
ให้ตายสิ ยิ่งมองเขาก็ยิ่งชอบสีหน้าของเจียงจี้หลิวในตอนนี้จริงๆ
“ไม่ใช่แค่เกี่ยวข้องกับข้าเท่านั้นนะ”
หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปากและอธิบายต่อ “เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่ชอบเอาความดีความชอบสักเท่าไหร่ ข้าไม่เคยพูดคุยเรื่องนี้กับผู้ใดมาก่อน แต่ข้าจะบอกความลับกับเจ้าก็แล้วกัน ตราบใดที่มีวัตถุสำหรับหลอมแขนกลขึ้นมาได้แล้วล่ะก็ เจ้าจะเอาแขนเป็น 10 ข้าง ข้าก็สามารถสร้างให้ได้ในเวลาไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น…”
เจียงจี้หลิวอ้าปากเหวอเมื่อได้ยินคำตอบของหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินพูดต่อ “เจ้าไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ? แต่เจ้าก็คงทราบข่าวใช่ไหมว่ากงกงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนขาด มือขาด ขาขาดไปอย่างละข้าง บัดนี้ ข้ากำลังทำการหลอมอวัยวะเทียมเพื่อไปต่อเติมให้กับเขาแล้ว และสำหรับคนที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ นอกจากจะกลับมามีร่างกายสมบูรณ์ดังเดิม ประสิทธิภาพในการต่อสู้ก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน อุ๊วะฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงจี้หลิวเงียบไปอีกอึดใจใหญ่ ก่อนจะส่ายหน้า กล่าวว่า “ไม่ได้ ต่อให้ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง ข้าก็ยอมรับความช่วยเหลือของเจ้าไม่ได้…”
“เพราะเหตุใด?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความประหลาดใจ “ข้ากำลังจะมอบชีวิตใหม่ให้เจ้าเลยนะ?”
เจียงจี้หลิวตอบกลับมาด้วยความซาบซึ้งใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดี แต่ถ้าข้ายอมรับความช่วยเหลือจากเจ้า ข้าก็ต้องตอบแทนเจ้า ทว่า ระหว่างเจ้ากับนายท่านของข้าล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูกัน อีกไม่ช้าก็เร็ว ก็จะต้องเกิดการเผชิญหน้ากันแน่นอน ข้าไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าต่อสู้กับนายท่านได้เด็ดขาด ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงไม่สามารถยอมรับความช่วยเหลือจากเจ้าได้จริงๆ”
“เฮ้อ คนอย่างเจ้านี่มันน่าเบื่อเหลือเกิน”
หลินเป่ยเฉินพูดอย่างเหนื่อยใจ “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้หวังอะไรตอบแทนจากเจ้าทั้งนั้น เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องความขัดแย้งระหว่างข้ากับนายท่านของเจ้าหรอก เรื่องราวของเว่ยหมิงเฉินน่ะ เดี๋ยวข้าจะหาทางจัดการเอง แต่เจ้าต้องได้รับบาดเจ็บก็เพราะข้า ข้าไม่สามารถแบกรับความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตได้จริงๆ เพราะฉะนั้น โปรดอนุญาตให้ข้าช่วยเหลือเจ้าด้วยเถิด”
“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าต้องไม่ลืมว่าจักรวรรดิของพวกเรากำลังมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นศึกภายนอกหรือภายใน บัดนี้ เพื่อนร่วมสถาบันของข้าอย่างศิษย์พี่ฮัน ก็ยังต้องไปเป็นทหารออกรบที่แนวหน้า ทั้งๆ ที่เขามีพลังต่ำต้อยกว่าเจ้าด้วยซ้ำ แต่ศิษย์พี่ฮันกลับไม่ลังเลที่จะปฏิบัติหน้าที่ปกป้องดินแดนของพวกเรา…”
“แล้วเจ้าล่ะ?”
“เจ้าจะละทิ้งฝีมือกระบี่อันยอดเยี่ยมของตนเอง ละทิ้งโอกาสที่จะได้ช่วยเหลือผู้คนเป็นจำนวนมาก กลับไปใช้ชีวิตต่ำต้อยเป็นคนเลี้ยงสุกรอย่างนั้นหรือ!”
“เทียบกับศิษย์พี่ของข้าแล้ว เจ้าเพียงสูญเสียแขนไปสองข้างเท่านั้น แต่ศิษย์พี่ฮันกลับต้องสูญเสียบิดาของเขาไปตั้งแต่ยังเด็กให้กับศัตรูของพวกเราที่อยู่ในสนามรบ… ข้าขอบังอาจให้คำแนะนำว่า ในเมื่อเจ้ายังมีโอกาสดีที่จะปกป้องครอบครัวและประเทศชาติของตนเองได้อยู่ แล้วเหตุไฉนเจ้าถึงคิดปฏิเสธอีกเล่า?”
“เอาเถอะ ข้าพูดจบแล้ว ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ต้องพูดอะไรออกมาทั้งนั้น เพราะข้าไม่ยอมรับคำปฏิเสธ”
หลินเป่ยเฉินพูดประโยคเหล่านี้ออกมารวดเดียวจบ
หลังจากนั้น เขาถึงได้รู้สึกโล่งอกมากขึ้น
ให้ตายสิ
หลินเป่ยเฉินอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตปรากฏตัวออกมาเพื่อช่วยเหลือเจียงจี้หลิว แต่แทนที่หมอนี่จะสำนึกบุญคุณ กลับคิดที่จะปฏิเสธความช่วยเหลือของเขาเสียอย่างนั้น
เจียงจี้หลิวยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลินเป่ยเฉินจะสามารถพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมาได้เช่นกัน
หรือนี่จะเป็นตัวตนที่แท้จริงของหลินเป่ยเฉิน?
ชั่วเวลาชงน้ำชาหนึ่งถ้วยผ่านพ้นไป
ในที่สุด เจียงจี้หลิวก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาหลินเป่ยเฉิน
ในดวงตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ต้องรีบยกมือกอดอกตนเองอีกครั้ง และก้าวถอยหลังเว้นระยะห่างมากกว่าเดิม พร้อมกับพูดว่า “เจ้า… เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“ข้ายินดีรับความช่วยเหลือจากเจ้าแล้ว”
เจียงจี้หลิวตอบ “ได้โปรดช่วยต่อแขนกลให้ข้า เหมือนที่เจ้าทำกับอาจารย์ฉู่เหินด้วยเถิด”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ตัดสินใจได้ดี เห็นแก่ที่เจ้าเป็นสหายใหม่ของข้า ข้าจะลดราคาให้เป็นพิเศษก็แล้วกัน ค่าใช้จ่ายในการสร้างแขนกลคู่ใหม่ รวมแล้วทั้งสิ้น 10,000 เหรียญทองคำ ไปรีบเตรียมเงินมาให้พร้อมซะ แต่ก่อนอื่น เจ้าต้องจ่ายมัดจำ 1,000 เหรียญทองคำ เจ้าจ่ายเงินได้ครบเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้แขนเร็วมากเท่านั้น…”
เจียงจี้หลิวพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ต้องจ่ายเงินด้วยหรือ?
ก็ไหนว่าจะช่วยเหลือกันโดยไม่หวังผลตอบแทนไงล่ะ?
แต่นี่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับบุคคลที่ไร้ยางอายอย่างหลินเป่ยเฉินอยู่แล้ว
ดังนั้น มือกระบี่พันหน้าจึงต้องกัดฟันกรอดและพยักหน้าตอบกลับไป “ตกลง วันพรุ่งนี้ข้าจะนำเงินเต็มจำนวนมาจ่ายให้เจ้า”
“ประเสริฐ”
หลินเป่ยเฉินยกนิ้วโป้งชื่นชม “เดี๋ยวกลับไปจากที่นี่ ข้าจะสั่งให้ช่างประดิษฐ์เริ่มทำออเดอร์ของเจ้าทันที”
ทำออเดอร์อย่างนั้นหรือ?
มันหมายความว่าอะไร?
เจียงจี้หลิวที่คิดว่าก่อนหน้านี้ตนเองเริ่มมีความเข้าใจในตัวตนของหลินเป่ยเฉินมากขึ้น พลัน ต้องพบกับความงงงันอีกครั้ง เพราะเขาไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งเพิ่งพูดออกมาเลยสักนิด
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมากดถ่ายรูปไว้มากมาย
นี่คือทรัพย์สินมหาศาลก้อนแรกที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาอย่างแท้จริง
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ถ่ายเซลฟี่กับกองแร่หินบูชาสีดำทมิฬเหล่านั้น
เพียงไม่นาน
เด็กหนุ่มทั้งสองคนก็กลับออกมาจากเหมืองแร่หิน
อากวงปฏิบัติภารกิจของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เจ้าอยู่เฝ้าที่นี่”
หลินเป่ยเฉินก้มตัวลงไปลูบหัวของเจ้าหนูแสนรู้พลางพูดว่า “ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าเข้ามาขโมยแร่หินบูชาของข้า เจ้าสามารถฆ่ามันได้โดยไม่ต้องปราณี มิฉะนั้นแล้ว ข้าจะเพิ่มการบ้านให้เจ้าอีกเป็นสองเท่า”
“นายท่านไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ”
อากวงที่เนื้อตัวมอมแมมด้วยคราบดินโคลน รีบก้มลงไปเขียนข้อความบนกระดานชนวน และยกขึ้นมาให้หลินเป่ยเฉินอ่าน
ระหว่างทางกลับลงจากภูเขา
หลินเป่ยเฉินคิดอะไรอยู่เล็กน้อย แล้วเขาก็นึกถึงความรู้สึกในการเล่นโซเชียลบนโลกมนุษย์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ปกติ เขามักจะโพสต์สเตตัสในวีแชทให้เพื่อนๆ ได้ติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด โดยเฉพาะยามที่มีสิ่งสำคัญเกิดขึ้นกับชีวิตของตนเอง หลินเป่ยเฉินไม่เคยพลาดที่จะแบ่งปันประสบการณ์ล้ำค่าให้คนอื่นได้รับรู้
ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงโพสต์รูปของตนเองที่เพิ่งถ่ายในถ้ำเมื่อสักครู่ลงไปในวีแชท โมเมนต์
คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงวินาทีต่อมาเท่านั้นก็มีคนกดไลก์ให้เขาแล้ว
คนที่จะสามารถเห็นสิ่งที่หลินเป่ยเฉินโพสต์ได้ ก็ต้องเป็นเพื่อนกับเขาก่อนเท่านั้น
หรือว่าจะเป็น…
คนที่เขาคิดเอาไว้?
รูปโปรไฟล์ที่เป็นช่วงขาเรียวยาว
ดูเย้ายวนใจและคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง
เป็นเทพีกระบี่หิมะไร้นามจริงๆ ด้วย
ติ๊ง!
มีข้อความถูกส่งเข้ามาหาเขาในแอปวีแชททันที
“แหม รูปถ่ายเซลฟี่ของน้องชายช่างหล่อเหลาเหลือเกิน ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องน้ำลายไหลแล้ว… น้องชาย ทำไมช่วงหลังเจ้าถึงไม่ติดต่อมาหาข้าบ้างเลยนะ?”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามถึงกับส่งข้อความมาหาเขาแล้ว
มีแต่นางเท่านั้นที่ส่งข้อความมาหาหลินเป่ยเฉินได้
เพราะเทพีกระบี่หิมะไร้นามเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่หลินเป่ยเฉินมีอยู่ในแอปวีแชท
แต่ปัญหาก็คือ ก่อนหน้านี้เขาส่งข้อความไปหานางอยู่หลายครั้ง แต่เทพีกระบี่หิมะไร้นามกลับแกล้งตายไม่ยอมตอบเลยสักข้อความเดียว ซึ่งทำให้เด็กหนุ่มถึงกับเป็นกังวลว่านางอาจจะถูกศัตรูไล่ล่าอีกครั้งก็เป็นได้
แต่ในที่สุด กลับกลายเป็นว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา หลินเป่ยเฉินคิดมากไปเอง เทพีกระบี่หิมะไร้นามยังคงอยู่ดีมีความสุข เพียงแค่นางไม่ยอมตอบข้อความของเขาเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินใบหน้ากระตุกขึ้นมาทันที
เขานึกว่าตนเองเป็นคนที่กลับกลอกเจ้าเล่ห์ที่สุดในโลกแล้ว แต่ต้องยอมรับจริงๆ ว่ากลอกกลิ้งยิ่งกว่าเขา ก็คือเทพีกระบี่หิมะไร้นามผู้นี้นี่เอง