เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 503 หมัดมังกรไฟ
ตอนที่ 503 หมัดมังกรไฟ
หลินเป่ยเฉินระเบิดพลังที่แท้จริงออกมาแล้ว
เปลวไฟสีเงินพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าดูสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ในเวลาเดียวกัน
วิชาโลหิตกระชากวิญญาณ
และการเปิดเพลงจากแอป NetEase Cloud Music
สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้พลังลมปราณของหลินเป่ยเฉินไต่ระดับขึ้นมาจากยอดปรมาจารย์ระดับที่ 1 ขึ้นสู่ยอดปรมาจารย์ระดับที่ 3
เมื่อประกอบเข้ากับร่างกายที่แข็งแรงผิดมนุษย์มนา หลินเป่ยเฉินจึงสามารถต่อสู้กับผู้ที่มีระดับพลังสูงกว่าตนเองได้อย่างไม่มีปัญหา
หลินเป่ยเฉินโคจรพลังลงไปที่กำปั้นของตนเองและกระแทกหมัดออกไปข้างหน้า
เปลวไฟสีเงินพุ่งเหมือนมังกรตัวใหญ่ออกไปจากกำปั้นของเขา
มังกรไฟตัวนั้นพุ่งเข้าไปหาจูปี้ฉี
จูปี้ฉีหมุนตัวกระโดดหลบ ก่อนยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา กลุ่มเมฆดำบนท้องฟ้าส่งเสียงร้องคำรามดังมากขึ้น และในจังหวะที่ชายชราสับมือลงมานั้นเอง กระบี่สายฟ้าเล่มหนึ่งก็ได้พุ่งลงมาจากก้อนเมฆด้วยความรวดเร็วน่าหวาดกลัว
กระบี่สายฟ้าที่มาพร้อมกับพลังกดดันมหาศาลพุ่งโจมตีหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นเหล็กไหล ไม่กระโดดหลบ แต่เลือกที่จะควบคุมเปลวไฟของตนเองขึ้นไปปะทะกับกระบี่สายฟ้าที่พุ่งเข้ามา
มังกรไฟสีเงินปะทะเข้ากับกระบี่สายฟ้าอย่างแรง
ตู้ม!
เกิดการระเบิดของมวลพลังขนาดใหญ่
หลินเป่ยเฉินอาศัยจังหวะชุลมุนพุ่งเข้าไปประชิดตัวจูปี้ฉี
เขาต่อยหมัดจะออกไปอย่างต่อเนื่อง
เปลวไฟสีเงินสว่างวาบ
จูปี้ฉีส่งเสียงคำรามในลำคอ ยกกระบี่ในมือขึ้นปัดป้อง
แต่กระบี่ของชายชราไม่สามารถต้านทานกำปั้นของเด็กหนุ่มได้เลย เพียงถูกต่อยรัวๆ เข้าไปไม่กี่ครั้ง กระบี่ก็แตกกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
หลินเป่ยเฉินขยับเข้าหาคู่ต่อสู้เหมือนพยัคฆ์ร้ายกระหายเลือด
จูปี้ฉีถอยร่นด้วยความทุลักทุเล
เขาพยายามโคจรพลังสายฟ้าหลายครั้ง แต่ก็ถูกหลินเป่ยเฉินขัดจังหวะได้ทุกครั้งไป
แม้แต่ชุดเกราะสายฟ้าที่สวมใส่อยู่บนลำตัว ก็โดนกำปั้นไฟสีเงินต่อยแตกกระจายไปเช่นกัน
“ตัวจริงของเจ้าหน้ากากแดงผู้นี้เป็นใครกันแน่?”
“ทำไมเปลวไฟของมันถึงสามารถต้านทานสายฟ้าของเราได้?”
“ต่อให้พลังสายฟ้าของเราจะทำอะไรมันไม่ได้ แต่ในค่ายอาคมแห่งนี้มีพลังที่ช่วยเสริมการโจมตีของเราทุกทาง แล้วมันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?”
จูปี้ฉีครุ่นคิดด้วยความเดือดดาล
ทั้งที่ระดับพลังของเขาสูงกว่าอีกฝ่ายแท้ๆ
แต่เพราะเหตุใดกัน ยามที่บุรุษหน้ากากแดงโคจรพลังปราณธาตุไฟสีเงินออกมา ระดับพลังในร่างกายกลับเพิ่มสูงมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
ยิ่งต่อสู้กันไปนานเท่าไหร่ จูปี้ฉีก็รู้ตัวว่าตนเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น
แต่ไม่มีทาง
เขาจะแพ้ไม่ได้
เขาไม่ต้องการรับรู้รสชาติความตายเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว
“ท่านเทพได้โปรดช่วยข้าน้อยด้วย”
ชายชราส่งเสียงคำรามอยู่ในใจ
แล้วมวลพลังที่ลอยอยู่ในอากาศก็ไหลรินเข้าสู่ร่างกายของจูปี้ฉีในพริบตาต่อมา
ระดับพลังของมือกระบี่สุราโลหิตเพิ่มสูงมากขึ้นอีกเท่าตัว
หลินเป่ยเฉินสังเกตเห็นเช่นกันและรู้ดีว่าจะปล่อยให้การต่อสู้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ไม่ได้
เขาดาวน์โหลดกระบี่สายฟ้าออกมาใช้งานโดยไม่ลังเล
พลังปราณธาตุไฟสีเงินถูกโคจรลงไปในตัวกระบี่สายฟ้า
กระบี่เล่มนี้เคยเป็นของจูปี้ฉี แต่องค์หญิงแห่งท้องทะเลก็มอบมันเป็นของขวัญให้แก่หลินเป่ยเฉิน และด้วยความที่กระบี่สายฟ้าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มันจึงสามารถทนทานเปลวไฟจากร่างกายของเขาได้
มีแต่เพียงกระบี่เล่มนี้เท่านั้นที่สามารถทนทานเปลวไฟของเขาได้
กระบี่สายฟ้าที่เดิมทีมีสีม่วงเข้ม พลันมีม่านพลังสีเงินครอบคลุมอยู่ด้านนอก คลื่นพลังแผ่ออกไปจากตัวกระบี่อย่างรุนแรง ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง!
นี่คือกระบี่สังหาร
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินใช้กระบวนท่าทุกอย่างออกมาโดยไม่คิดปิดบังอีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เข้าร่วมการแข่งขันจตุรมิตรสามัคคี หลินเป่ยเฉินใช้ออกมาเพียงวิชากระบี่ 17 คาบสมุทรเท่านั้น ครั้งนี้เมื่อเขาใช้วิชาอื่นๆ ก็คงไม่มีใครสะดุดใจเกิดความสงสัยแน่นอน
หลินเป่ยเฉินต้องรีบกำจัดจูปี้ฉีให้เร็วที่สุด เพื่อกลับไปเฝ้าวิหารต่อในเวลาที่เร็วที่สุด
มิฉะนั้นแล้ว ถ้าตัวแทนอีกห้าคนของฝ่ายวิหารเกิดพ่ายแพ้ในการต่อสู้ พวกศัตรูก็จะยกขบวนขึ้นไปโจมตีวิหารบนยอดเขา และด้วยความที่มีเซียวปิงอยู่รับมือเพียงลำพัง รับรองได้ว่าต้องเกิดหายนะใหญ่หลวงตามมาแน่นอน
เมื่อถึงตอนนั้น หลินเป่ยเฉินก็คงไม่มีหน้ากล้าไปพบนักพรตหญิงชินอีกแล้ว
เด็กหนุ่มตวัดกระบี่
เปลวไฟสีเงินพุ่งออกไปข้างหน้าพร้อมเสียงมังกรคำรามดังสะเทือนเลือนลั่น
แน่นอนว่าการโจมตีในครั้งนี้มีอานุภาพทำลายล้างสูงสุด
กลุ่มก้อนเมฆดำบนท้องฟ้าสลายหายไปทันทีด้วยอานุภาพการโจมตีของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์
หลินเป่ยเฉินยังคงโจมตีต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
วูบ!
คมกระบี่สาดประกาย
แขนของจูปี้ฉีขาดกระเด็นออกไปหนึ่งข้าง
“เจ้า… หลินเป่ยเฉินเป็นคนมอบกระบี่เล่มนี้ให้แก่เจ้าใช่หรือไม่?” จูปี้ฉีถามออกมาด้วยเสียงคำรามแห่งความตกตะลึง
เขานึกแปลกใจตั้งแต่แรกเห็นที่พบว่ากระบี่เล่มนี้ไม่หลอมเหลวด้วยอิทธิฤทธิ์ของเปลวไฟจากตัวบุรุษหน้ากากแดง
จูปี้ฉีแสยะยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
นั่นเป็นเพราะว่า…
“ฮ่าฮ่าฮ่า นับว่าเจ้าขุดหลุมฝังศพตนเองโดยแท้ เจ้าบุคคลสัปดน กระบี่ของข้า มันจะไปเชื่อฟังเจ้าได้อย่างไร… กระบี่สายฟ้า จงกลับมาหาข้าผู้เป็นเจ้าของเจ้าบัดเดี๋ยวนี้” จูปี้ฉีคำรามด้วยความบ้าคลั่ง
เขายกแขนที่เหลืออีกข้างโคจรพลังด้วยท่วงท่าแปลกประหลาด
ปรากฏประกายสายฟ้าสว่างวูบวาบบนฝ่ามือชายชรา
ทันใดนั้น กระบี่สายฟ้าในมือหลินเป่ยเฉินก็เหมือนมีชีวิต มันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับไม่อยากอยู่ในการครอบครองของเด็กหนุ่มอีกต่อไป
เห็นได้ชัดว่าจูปี้ฉีได้แบ่งวิญญาณของตนเองส่วนหนึ่งเอาไว้ในกระบี่เล่มนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่กระบี่สุราโลหิตมั่นใจว่ากระบี่คู่กายจะต้องลอยกลับมาหาตนเองแน่นอนนั้น คมกระบี่พลันสาดประกายวูบเบื้องหน้าของเขา หลังจากนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในสายตาของจูปี้ฉีก็เริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว
“ข้า…”
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในพริบตาเดียวทำให้จูปี้ฉีตั้งตัวไม่ทัน
ศีรษะของเขาหลุดออกจากบ่า
ต่อจากนั้น ชายชราก็เห็นร่างกายของตนเองค่อยๆ ล้มลงไปบนพื้นดิน
เพราะเหตุใด กระบี่สายฟ้าถึงไม่ยอมกลับมาหาเขา?
หรือว่ากระบี่สายฟ้าได้ตกไปเป็นของฝ่ายตรงข้ามโดยสมบูรณ์แล้ว?
หลากหลายข้อสงสัยบังเกิดขึ้นในใจของชายชรา
ปากของจูปี้ฉีกระตุกด้วยความโกรธแค้น
ใช้กระบี่ของเขา มาฆ่าเขาอย่างนั้นหรือ?
จูปี้ฉีหลับตาลง
แล้วพลังปราณปีศาจที่ซ่อนอยู่ในร่างกายก็ไหลทะลักออกมา
ศพแขนขาดที่นอนอยู่ด้านข้าง ค่อยๆ มีแขนข้างใหม่งอกออกมา เช่นเดียวกับศีรษะบนพื้นดินที่ค่อยๆ กลิ้งกลับไปอยู่บนลำคออีกครั้ง…
นี่คือเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดพิสดารมากเกินไป
ศพคนตายที่อยู่ในสภาพยับเยินเหมือนตุ๊กตาผ้าเก่าขาด พลันได้รับการเย็บปะอวัยวะทุกส่วนกลับคืนเข้าที่เดิมอีกครั้ง
“เจ้าฆ่าข้าได้ ข้าก็ฟื้นกลับขึ้นมาใหม่ได้เหมือนกัน”
จูปี้ฉีตีลังกากลับมาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เสียงพูดของเขายิ่งแปลกประหลาดไปจากเดิม
ร่างกายมีพลังปราณปีศาจรั่วไหลออกมาตลอดเวลา
“นี่มันอะไรกันเนี่ย…”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตกใจจนดวงตาแทบหลุดออกจากเบ้า
จูปี้ฉีสามารถชุบชีวิตตัวเองได้อย่างนั้นหรือ?
ตาเฒ่าคนนี้เป็นพวกที่ฆ่าไม่ตาย?
ทันใดนั้น ดวงตาของเด็กหนุ่มก็เป็นประกายแวววาว
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดจูปี้ฉีที่พ่ายแพ้ให้แก่อาจารย์ของเขาและสมควรตกทะเลตายไปแล้ว ถึงได้กลับมาปรากฏตัวในวันนี้อีกครั้งเหมือนไม่เป็นอะไรเลย
และเขาก็ได้เข้าใจอีกเช่นกันว่าความรู้สึกแปลกประหลาดที่เหมือนจูปี้ฉีไม่ใช่คนเดิมคืออะไรกันแน่
ตกลงว่าตาแก่คนนี้เป็นหุ่นยนต์?
หรือว่าเป็นผีดิบ?
ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหนกันนะ ถึงสามารถตายแล้วฟื้นได้บ่อยๆ อย่างนี้?
นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
“ต้องยอมรับเลยว่าเจ้ามีฝีมือแข็งแกร่งมาก”
จูปี้ฉีแสดงสีหน้าเคารพยกย่อง พร้อมกับพูดว่า “แต่การต่อสู้ในวันนี้ เจ้าถูกกำหนดให้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ตั้งแต่แรก ต่อให้เก่งกาจแค่ไหน ก็ยากที่จะฝืนชะตาฟ้าดินกำหนด ฮ่าๆๆๆ มาเถิด จงเข้ามารับรู้รสชาติความหมดหวังและลองสัมผัสรสชาติความตายดูสักที!”
ระหว่างที่พูดประโยคเหล่านี้ กลุ่มเมฆดำบนท้องฟ้าก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง พวกมันส่งเสียงคำรามครืนครัน มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบตลอดเวลา
นี่คือสถานการณ์ที่น่าหมดหวังสำหรับวีรบุรุษหน้ากากแดง ผู้เผชิญคู่ต่อสู้ซึ่งไม่มีวันตาย
แต่ในจังหวะที่กำลังจะลงมือโจมตีนั้นเอง จูปี้ฉีกลับต้องหยุดชะงักอย่างกะทันหัน
“ข้า…”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนสีหน้าของชายชรา
จากนั้น ริมฝีปาก จมูกและดวงตา ก็มีเปลวไฟสีเงินยวงพวยพุ่งออกมา
แล้วเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ก็กลืนกินทั้งร่างของจูปี้ฉี
ชายชรายืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความตกตะลึง
ตัวคนกลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่
กลิ่นเนื้อและผิวหนังที่ไหม้เกรียมลอยขึ้นมาเตะจมูก
“ไม่นะ…”
จูปี้ฉีร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นกลัว
เขารู้สึกได้ว่าความตายกำลังคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง
ไม่ทราบเลยว่าเปลวไฟสีเงินแทรกซึมเข้าไปสู่อวัยวะภายในร่างกายของจูปี้ฉีตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มันก็ทำให้จูปี้ฉีไม่สามารถใช้งานพลังปราณปีศาจได้อีกแล้ว
“รสชาติแห่งความหมดหวังอย่างนั้นหรือ? เฮอะ ผีดิบตายซากอย่างเจ้า มีดีอะไรมาข่มขวัญผู้อื่น”
หลินเป่ยเฉินมือหนึ่งถือกระบี่สายฟ้า เส้นผมของเขาปลิวไสวตามแรงลม จิตสังหารแรงกล้าแผ่ออกมาจากร่างกาย…
แล้วลูกบอลไฟสีเงินบริสุทธิ์ลูกหนึ่งก็ลอยขึ้นในอากาศ
ด้วยระดับพลังที่เพิ่มพูนมากขึ้น มันทำให้หลินเป่ยเฉินได้ตระหนักชัดถึงคุณประโยชน์ของแอปพลิเคชัน Keep
ลูกบอลไฟลูกนั้นกลืนหายเข้าไปในกระบี่สายฟ้า
นี่คือวิธีการที่หลินเป่ยเฉินใช้ควบคุมอาวุธของผู้อื่นได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
กระบี่ของจูปี้ฉีก็เหมือนกับร่างกายของจูปี้ฉี เมื่อถูกพลังเปลวไฟเทวะแทรกซึมเข้าไปภายใน การทำงานทุกอย่างก็จะหยุดชะงักลง
ความมืดย่อมพ่ายแพ้ต่อแสงสว่าง
แสงสว่างย่อมขับไล่ปีศาจร้ายได้ทุกตัวในโลกใบนี้