เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 518 ผู้แอบอ้างต้องตาย
ตอนที่ 518 ผู้แอบอ้างต้องตาย
“รูปปั้นองค์เทพีมีชีวิต”
บรรดานักบวชสาวส่งเสียงร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
รูปปั้นเหล่านี้ได้รับพลังศรัทธาและคำสวดภาวนาจากชาวเมืองหยุนเมิ่งเป็นเวลาหลายสิบปี และการดำรงอยู่ของรูปปั้น ก็เพื่อขับไล่ปีศาจร้ายให้ออกไปจากตัวเมือง
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้อธิบายทุกอย่างแล้ว
ความศรัทธาของทุกคนกลับคืนมาดังเดิม
ตู้ม! ตู้ม!
เกิดเสียงระเบิดที่ดังกระหึ่มออกไปหลายร้อยลี้
รูปปั้นหินทั้งสิบตัวกระจายกำลังก่อสร้างค่ายกลกระบี่ โอบล้อมหน้าหลังคุณชายเหลียนซาน และฟันกระบี่ในมือโจมตีใส่ผู้ทรยศทุกทิศทุกทาง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
มวลอากาศปั่นป่วน
คุณชายเหลียนซานที่ยังคงถือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือข้างหนึ่ง พยายามใช้ไม้เท้าด้ามนั้นปัดป้องคมกระบี่ที่โจมตีเข้ามา
ปีกกระบี่ทั้งสี่ข้างที่อยู่บนแผ่นหลังกระพือพัดปลดปล่อยลำแสงโจมตีโต้กลับออกมาอย่างต่อเนื่อง ลำแสงที่พุ่งออกมานั้นทำให้มวลอากาศโดยรอบระเบิดตัวตูมตามเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
รูปปั้นหินของเทพีกระบี่พลันลอยตัวขึ้นสูงหลบหลีกการโจมตีได้อย่างเฉียดฉิว
ท้องฟ้ายังคงเกิดความปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง
แสงสว่างสีเงินปรากฏขึ้นจากทุกทิศทุกทาง เหมือนกับว่ามีใครสักคนยิงดอกไม้ไฟสีเงินขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับดวงดาราพร่างพรายในอากาศ แต่พลังที่แผ่ปกคลุมออกมานั้นเต็มไปด้วยการทำลายล้างที่น่าหวาดกลัว
แม้แต่ผู้ที่มีพลังสูงส่งอย่างฉุยเฮาเฟิงกับติงซานฉือ ก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว
ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้อีกต่อไปว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นไร
เพราะนี่คือสงครามระหว่างเทพเจ้า
นี่คือการต่อสู้ระหว่างร่างทรงเทพเจ้า
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่จะสำคัญแต่เพียงกับหลินเป่ยเฉินและคุณชายเหลียนซานเท่านั้น แต่มันยังสำคัญต่อชาวเมืองหยุนเมิ่งอีกด้วย หากการต่อสู้ยกระดับความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าว่าแต่วิหารเทพกระบี่บนยอดเขาจะพังทลาย แม้แต่ตัวเมืองหยุนเมิ่ง ก็คงจะกลายเป็นดินแดนแห่งความตายในอีกไม่ช้า
แต่ต้องเป็นผู้แอบอ้างชนิดใดกันนะ ถึงสามารถต่อสู้กับตัวแทนของเทพีกระบี่ที่แท้จริงได้ยาวนานถึงขนาดนี้?
ฉุยเฮาเฟิงและติงซานฉือยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ
ในระหว่างที่เฝ้าดูรูปปั้นหินทั้งสิบตัวต่อสู้อยู่กับคุณชายเหลียนซาน หลินเป่ยเฉินก็อดไม่ได้ต้องส่งข้อความไปทางแอปวีแชทว่า “ทำไมถึงยังเอาชนะฝ่ายนั้นไม่ได้อีก? นี่เรียกว่าใช้สิบรุมหนึ่งแล้วนะ เอาชนะให้มันจบๆ ไปเลยไม่ได้หรือไง?”
“น้องชายไม่ต้องเป็นห่วง”
ข้อความจากเทพีกระบี่หิมะไร้นามเด้งตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “อีกฝ่ายเป็นตัวแทนของปีศาจที่ระดับพลังไม่ต่ำต้อย เกรงว่าการจัดการในเวลาที่รวดเร็ว คงทำได้ไม่ง่ายนัก”
หลินเป่ยเฉินเห็นข้อความดังนั้นก็ต้องพิมพ์ตอบกลับไปอย่างใจคอไม่ค่อยดี “เดี๋ยวก่อนนะ นี่ท่านกำลังจะบอกว่าเทพีกระบี่ไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้หรือเปล่างั้นหรือ?”
“มันจะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร?”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามรีบตอบกลับมาทันที
นางพิมพ์ข้อความตามมาอีกยาวเหยียดว่า “เทพีกระบี่เป็นผู้ที่สูงส่งขนาดนั้น เป็นผู้ที่มีความเก่งกาจขนาดนั้น เป็นผู้ที่สามารถเผด็จศึกทุกสงครามในดินแดนทวยเทพมาได้ขนาดนั้น จะไม่สามารถเอาชนะปีศาจที่แฝงตัวอยู่บนโลกมนุษย์ได้อย่างไร ทว่า การต่อสู้แต่ละครั้งต้องใช้เวลาที่แตกต่างกันไป และเจ้าออกจะใจร้อนไปสักหน่อย เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก รากชงโหลวที่เจ้ามอบมานั้น เทพีกระบี่ใช่ฟื้นฟูพลังทั้งหมดกลับคืนมาได้แล้ว ที่ยังไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ในขณะนี้ก็เป็นเพราะเทพีกระบี่อยากรู้ว่า ปีศาจที่คอยหนุนหลังศัตรูของเจ้าอยู่มีความแข็งแกร่งมากแค่ไหนต่างหาก!”
หลินเป่ยเฉินอ่านข้อความด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ไม่เสียทีที่เป็นเทพีกระบี่ผู้ชาญฉลาด”
เขาพิมพ์ตอบกลับไปด้วยความชื่นชมจากใจจริง
“ถูกต้อง” เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความกลับมาอย่างเห็นด้วยหมดหัวใจ “ไม่มีใครฉลาดมากเลยกว่านางอีกแล้ว”
ในระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังพูดคุยกับเทพีสาวผ่านทางแอปพลิเคชันรับส่งข้อความอยู่นั้น การต่อสู้บนท้องฟ้าก็เกิดความเปลี่ยนแปลงที่น่าตกตะลึง
ไม่ทราบเลยว่าปีกกระบี่บนแผ่นหลังคุณชายเหลียนซานเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มันไม่ได้มีสีเงินบริสุทธิ์อีกแล้ว แต่ปีกกระบี่เหล่านั้นกลับกลายเป็นสีดำแดงด้วยคราบโลหิตที่แปดเปื้อนไปทั่วทุกอณู
เปรี้ยง!
ลำแสงระเบิดประกายออกมาจากปีกดำแดงเหล่านั้น
แล้วรูปปั้นเทพีกระบี่ตัวหนึ่งก็แตกกระจายไปกลางอากาศ
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
คุณชายเหลียนซานโจมตีต่อไปด้วยความรุนแรง ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงก่ำ
ปีกที่อยู่บนแผ่นหลังยิ่งกลายเป็นสีดำแดงเห็นเด่นชัดมากขึ้นกว่าเดิม
ระหว่างการโจมตีครั้งนี้ มีรูปปั้นหินต้องแตกกระจายไปแล้วถึง 4 ตัว
บัดนี้ เหลือรูปปั้นหินอีกเพียง 5 ตัวเท่านั้นที่ตั้งรับการโจมตีอย่างทุลักทุเล
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?” หลินเป่ยเฉินส่งข้อความกลับไปสอบถามอย่างร้อนรน “ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนกับว่าฝ่ายเทพีกระบี่กำลังจะพ่ายแพ้เลยล่ะ?”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม”
เมื่อเด็กหนุ่มอ่านมาถึงตรงนี้
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่รูปปั้นเทพีกระบี่ที่เหลืออยู่ทุกตัว พลันระเบิดกระจายเป็นผุยผงด้วยการโจมตีอย่างบ้าคลั่งจากปีกกระบี่ของคุณชายเหลียนซาน
“แน่ใจนะว่าทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?”
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความสอบถามด้วยความร้อนรนในขณะที่จ้องมองเศษหินร่วงกราวลงมาจากท้องฟ้า
“เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม… ข้ากำลังจะเริ่มเดี๋ยวนี้”
นี่คือข้อความตอบกลับของเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
กำลังจะเริ่ม?
เริ่มอะไรล่ะ?
หลินเป่ยเฉินสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาชอบกล
ความรู้สึกที่ไม่เป็นมงคลเด่นชัดในจิตใจ
และในจังหวะนั้นเอง…
“ฮ่าๆๆๆๆ…”
คุณชายเหลียนซานระเบิดเสียงหัวเราะที่ก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า มวลอากาศเกิดความปั่นป่วนแปรปรวนอย่างวิปริตเมื่อเขาพูดว่า “หลินเป่ยเฉิน เจ้าคือผู้ทรยศ เจ้าละทิ้งความศรัทธาที่มีต่อเทพีกระบี่และยอมสวามิภักดิ์ต่อเทพเจ้าองค์อื่นได้อย่างไร้ยางอาย วันนี้ ข้าจะขอจบชีวิตที่น่าอับอายของเจ้าในนามของเทพีกระบี่ บาปกรรมที่เจ้าก่อกำลังจะต้อง…”
“ถ้าไม่พูดเจ้าจะตายหรือไร”
หลินเป่ยเฉินส่งเสียงขัดจังหวะ แผ่พลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากร่างกายอีกครั้งด้วยระดับรุนแรงมากกว่าเดิม
เขายกมือขึ้นสลายการโจมตีของคุณชายเหลียนซานได้อย่างง่ายดาย
“นี่มัน…”
ดวงตาของติงซานฉือเป็นประกายวาวโรจน์
ทางด้านฉุยเฮาเฟิงก็กำลังจ้องมองมือของหลินเป่ยเฉินด้วยความมหัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง
เพราะกระบวนท่าที่เด็กหนุ่มใช้ออกมาในขณะนี้ เป็นกระบวนท่าที่มือกระบี่ทั่วจักรวรรดิเป่ยไห่รู้จักกันเป็นอย่างดี
นี่คือกระบวนท่าที่ชื่อว่ากระบี่ล่าปีศาจ!
มักถูกใช้ออกมาเพื่อเอาชนะสาวกปีศาจโดยเฉพาะ!
นี่คือกระบวนท่าที่มือกระบี่ซึ่งรับราชการทุกคนถูกสั่งสอนและฝึกฝนเป็นอย่างดี
มองดูเพียงผิวเผินมันอาจเป็นกระบวนท่าที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน
แต่ความจริงนั้น ผู้ที่จะสามารถใช้กระบวนท่ากระบี่ล่าปีศาจได้อย่างมีอานุภาพที่สุด ไม่รู้เลยว่าต้องผ่านการฝึกฝนที่หนักหน่วงยาวนานขนาดไหน
แต่ความรุนแรงของกระบวนท่านี้จะแตกต่างไปตามระดับพลังของผู้ใช้งาน
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินรับการสถิตของวิญญาณเทพีกระบี่อยู่ในร่างกาย และผู้ที่ใช้กระบวนท่ากระบี่ล่าปีศาจออกมาย่อมต้องเป็นตัวของเทพีกระบี่เองแน่นอน อานุภาพการทำลายล้างของมันจึงกล่าวได้ว่าสามารถทำให้แผ่นดินถล่มภูเขาทลายได้อย่างไม่เกินจริงแม้แต่นิดเดียว
ไม่ว่าพลังปีศาจที่อยู่ในร่างของคุณชายเหลียนซานจะมีความแข็งแกร่งสักแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญหน้าการโจมตีด้วยเพลงกระบี่ล่าปีศาจ ซึ่งถูกใช้ออกมาโดยเทพีกระบี่ในขณะนี้ คุณชายเหลียนซานผู้แอบอ้างเป็นร่างทรงเทพเจ้า ก็ไม่มีทางที่จะต้านทานได้อีกต่อไป!
หลังจากนั้น ทุกคนก็เห็นกับตาว่าเศษหินที่ร่วงกราวลงมาจากฟากฟ้า พลันระเบิดลำแสงสว่างไสว แล้วพวกมันก็ลอยกลับขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง ก่อนที่จะแปรสภาพกลายเป็นดวงดาวระยิบระยับ ลอยตรงไปรวมตัวกันอยู่ที่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินเป็นจุดเดียว
กระบี่หินที่แตกหักก็กลับมาเป็นประกายวิบวับอีกครั้ง
เศษหินจากรูปปั้นที่แตกสลายลอยมารวมตัวกันอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินครบถ้วนแล้ว
ต่อจากนั้น เศษหินทั้งหมดก็รวมตัวกัน ก่อสร้างเป็นรูปปั้นหินตัวใหม่ที่มีความสูงใหญ่หลายร้อยเซี๊ยะ
รูปปั้นของเทพีกระบี่
ส่วนกระบี่หินในมือนั้น ก็รวบรวมมาจากเศษก้อนหินของกระบี่ที่แตกหักเช่นกัน
บัดนี้ รูปปั้นยักษ์ตัวใหม่มีความน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง
“ผู้แอบอ้างต้องตาย”
“กระบี่ล่าปีศาจ!”
รูปปั้นหินส่งเสียงคำราม
เสียงคำรามดังสนั่นไปทั่วทุกสารทิศ
ทันใดนั้น เกิดเป็นมวลพลังงานสว่างไสวอยู่ในมือหลินเป่ยเฉินทั้งสองข้าง
มือซ้ายของเขาเป็นพลังเวทย์มนต์ ส่วนมือขวาเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์
“ขอต้อนรับสู่การพิพากษา”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำราม
แล้วรูปปั้นยักษ์ก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ก้าวเดินในอากาศตรงเข้าไปหาคุณชายเหลียนซานพร้อมกับกระบี่หินในมือที่เงื้อขึ้นสูงและฟาดฟันลงไปด้วยความหนักแน่น
ราวกับว่ามวลอากาศกำลังจะขาดออกจากกัน
“ไม่นะ…”
คุณชายเหลียนซานเบิกตาโตด้วยสีหน้าพรั่นพรึง
บัดนี้ ปีกกระบี่สีดำแดงทั้งสี่ข้างที่อยู่บนแผ่นหลังกลับมีสภาพเป็นกิ่งไม้เน่าเปื่อย เมื่อเผชิญหน้าพลังทำลายล้างของกระบี่หินใหญ่ยักษ์เล่มนั้น ปีกกระบี่บนแผ่นหลังก็แตกสลายลงไปในพริบตา
โลหิตสีแดงสดสาดกระจายเต็มท้องฟ้า
ร่างที่โชกเลือดของคุณชายเหลียนซานร่วงลงไปสู่พื้นดิน
นี่คือผลลัพธ์ของการเป็นผู้แอบอ้างเทพเจ้า
การต่อสู้จบลงแล้ว