เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 525 ข้าก็พอมีดีอยู่บ้างเหมือนกัน
ตอนที่ 525 ข้าก็พอมีดีอยู่บ้างเหมือนกัน
นายทหารชาวทะเลกลุ่มนั้นมีหัวหน้าอยู่ด้วยกัน 3 คน คนแรกมีแขนเป็นหนวดปลาหมึก แต่มีศีรษะและขาเหมือนมนุษย์ปกติ ส่วนอีกคนมีลำตัวเป็นมนุษย์แต่มีหัวเป็นกุ้งยักษ์ และหัวหน้าคนสุดท้ายมีลักษณะเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง แต่บนแผ่นหลังมีกระดองเต่าที่ทำให้เขาดูเหมือนคนหลังค่อม
ส่วนนายทหารที่ติดตามมาเหล่านั้นมีลักษณะเป็นมนุษย์ทั่วไป สวมใส่กระดองที่เป็นชุดเกราะสีขาว ถือกระดองเต่าแทนโล่เหล็ก กระบี่เหน็บอยู่ข้างเอว และมีอุปกรณ์ตกแต่งร่างกายขั้นพื้นฐานของชาวทะเลอยู่ตามแขนขาครบองค์ประกอบ
บรรดาเด็กหนุ่มที่ถูกรุมทำร้ายบัดนี้นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นดิน แต่ละคนแขนขาหัก ได้รับบาดเจ็บสาหัสกันอย่างถ้วนหน้า
แต่ก็ยังคงมีลูกศิษย์ของสถานศึกษากระบี่ที่สามอีกหลายสิบชีวิตที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาปกป้องเพื่อนๆ ผู้บาดเจ็บ
เมื่อนายทหารหนวดปลาหมึกเห็นเช่นนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ ก่อนจะสะบัดหนวดปลาหมึกออกมาเหมือนกับสายแส้ ฟาดเด็กหนุ่มสามคนลอยกระเด็นออกไป
โลหิตสาดกระจายในอากาศ
“อ๊าก…”
เด็กหนุ่มเหล่านั้นส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่ตัวคนหล่นกระแทกพื้นสนามประลองยุทธ์ของสถานศึกษา
กลุ่มลูกศิษย์คนที่เหลือยืนมองด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ยังไม่รีบถอยไปอีก หัวหน้าของข้าต้องการแต่เพียงผู้เป็นแกนนำกลุ่มผู้ประท้วงเท่านั้น พวกเจ้าอย่าได้สร้างปัญหาให้แก่ตนเองเลย…”
มนุษย์กระดองเต่าพูดออกมาเสียงดัง
“พวกเจ้า… กล้ามีเรื่องกับพวกเรา… เพราะฉะนั้น… จะต้องตายกันให้หมด…”
นี่คือประโยคที่พูดออกมาจากปากของมนุษย์หัวกุ้ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขายังพูดภาษามนุษย์ได้ไม่ถนัดเท่าไหร่
“พวกเจ้าจะมาพาศิษย์พี่เฝิงหลุนไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“เราแค่ทำการเรียกร้องตามสิทธิขั้นพื้นฐานของเรา”
“ถ้าต้องอยู่ภายใต้การปกครองของพวกเจ้า พวกเราขอตายเสียยังดีกว่า…”
“มิผิด พวกเราขอตายยังจะดีกว่า”
“นี่คือสิ่งที่พวกข้าได้เรียนรู้มาจากอาจารย์ฉุยหมิงโหลวและอาจารย์เถียนเถียน!”
กลุ่มลูกศิษย์คำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น พวกเขาเกี่ยวแขนคล้องมือกันยืนตั้งเป็นกำแพงมนุษย์ ปกป้องเพื่อนผู้ได้รับบาดเจ็บที่นอนร้องโอดโอยอยู่ด้านหลัง
“ดื้อด้าน เจ้าพวกมนุษย์โง่เขลา… จงตายซะ”
มนุษย์กระดองเต่าพูดด้วยสีหน้าเย็นชา ในมือถือกระบี่ที่ทำขึ้นมาจากกระดูกชิ้นใหญ่ ย่างสามขุมเข้าไปหากำแพงมนุษย์อย่างไร้ความเมตตา
คมกระบี่สาดประกายเจิดจ้า
เหล่าเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่แถวหน้าตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว แต่พวกเขายอมตายดีกว่ายอมถอย เด็กหนุ่มหลับตาลงรอรับความตายที่กำลังจะเข้ามาถึงตัว
แต่ผ่านไปเนิ่นนาน คมกระบี่ก็ยังเข้ามาไม่ถึง
ได้ยินเสียงอุทานดังขึ้นข้างใบหู
เหล่าเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่แถวหน้าค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งที่จะว่าคุ้นตาก็คุ้นตา จะว่าแปลกหน้าก็แปลกหน้า ได้ยืนหยัดขวางหน้าพวกเขา และใช้นิ้วมือคีบปลายกระบี่กระดูกของมนุษย์กระดองเต่าเอาไว้อย่างง่ายดาย
“หลินเป่ยเฉิน!”
“ศิษย์พี่หลิน”
เสียงอุทานดังขึ้นต่อเนื่อง ไม่มีใครสามารถเก็บงำความประหลาดใจเอาไว้ได้อีกต่อไป
บัดนี้ กลุ่มลูกศิษย์ของสถานศึกษากระบี่ที่สาม ซึ่งเพิ่งจะอยู่ในอาการหมดหวังเมื่อสักครู่ ในที่สุด พวกเขาก็ได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เหมือนคนกำลังจะจมน้ำที่มีเรือผ่านมาช่วยชีวิต ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายแวววาวด้วยความสดใสซึ่งไม่เคยปรากฏขึ้นมานานแล้ว
ในที่สุด ตำนานผู้สูญหายประจำสถานศึกษาก็กลับมาแล้วใช่หรือไม่?
“เจ้ามนุษย์ผู้โอหัง ปล่อยกระบี่ของข้าเดี๋ยวนี้”
ชายหนุ่มกระดองเต่าคำรามด้วยความโกรธแค้นและตกตะลึง เขาพยายามดึงกระบี่กลับคืนไปหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลว ราวกับว่านิ้วมือของเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นคีมคีบเหล็กก็ไม่ปาน
“เจ้ากล้ามาขึ้นเสียงใส่ข้าได้อย่างไร?” หลินเป่ยเฉินคำรามตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ “มนุษย์เต่า เจ้ากล้าดีอย่างไรมาขึ้นเสียงใส่ข้า?”
หลินเป่ยเฉินบิดข้อมือเล็กน้อย
กร๊อบ! กร๊อบ! กร๊อบ!
ได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก
เป็นเสียงกระบี่กระดูกของมนุษย์กระดองเต่าแตกหัก
มนุษย์กระดองเต่าเจ้าของกระบี่เพียงรู้สึกเกิดแรงสั่นสะเทือนที่มือเท่านั้น ยังไม่ทันมีเวลาได้ตอบโต้ กระดูกกว่าครึ่งร่างของเขาก็แตกหักไม่เหลือชิ้นดี ส่งผลให้ตัวคนต้องส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
มนุษย์กระดองเต่าลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นดิน
นี่คืออาการบาดเจ็บที่ไม่สามารถรักษาได้แล้ว
แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
นี่คือความเจ็บปวดที่ตายดีกว่าอยู่ เสียงกรีดร้องโหยหวนยังคงแผดดังอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มคนอุทานด้วยความตกตะลึง
นายทหารชาวทะเลพร้อมใจกันถอยออกไปด้วยความหวาดหวั่น
มีเพียงหัวหน้านายทหารอีกสองนายเท่านั้นที่รีบเข้ามาดูอาการมนุษย์กระดองเต่าด้วยความร้อนรน
หลินเป่ยเฉินไม่ได้ลงมืออีก
เขาหันหน้ากลับมาสอบถามเพื่อนร่วมสถาบันของตนเองว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เมื่อวันก่อน ศิษย์พี่เฝิงหลุนและศิษย์พี่เกาหมินนำพวกเราไปเดินขบวนประท้วงเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ปล่อยตัวอาจารย์เถียนกับอาจารย์ฉุยจากการถูกจับกุมโดยไม่เป็นธรรม มันเป็นการเดินขบวนอย่างสันติแท้ๆ พวกเราไม่ได้ก่อความวุ่นวายอันใดเลยด้วยซ้ำ…”
“ใช่แล้วขอรับ อยู่ดีๆ พวกมันก็บุกเข้ามาในสถาบันของเราโดยไม่มีคำอธิบาย แล้วก็เริ่มต้นทำร้ายศิษย์ทุกคนที่พบเจอ…”
“แบบนี้มันจะมากเกินไปแล้ว”
“พวกมันอยากจะฆ่าศิษย์พี่เฝิงหลุนขอรับ”
เมื่อบรรดาลูกศิษย์ในสถานศึกษากระบี่ที่สามเห็นว่าหลินเป่ยเฉินกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง พวกเขาก็รีบบอกเล่าเรื่องราวด้วยความกระตือรือร้น
เฝิงหลุน?
เกาหมิน?
หลินเป่ยเฉินทอดสายตามองกลุ่มเด็กหนุ่มที่นอนบาดเจ็บอยู่บนพื้นดินและได้รับการคุ้มครองโดยกลุ่มคนจำนวนมาก
ปรากฏว่าเมื่อเดินเข้าไปถึง หลินเป่ยเฉินก็จดจำได้ว่าบุคคลที่ถูกพูดถึงทั้งสองคนนั้น เคยเป็นลิ่วล้อของอู๋เสี่ยวฟาง ซึ่งเคยมีปัญหากับเขาเมื่อตอนสอบกลางภาคครั้งที่แล้วนั่นเอง
โดยเฉพาะเฝิงหลุน หมอนี่เป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของมู่ซินเยว่
เพื่อจะเอาชนะใจเด็กสาวนางนั้นให้ได้ เขาถึงกับวางแผนหลอกล่อให้หลินเป่ยเฉินติดหนี้ของตนเองด้วยเงิน 20 เหรียญเงิน แต่แล้วจำนวนเงินเหล่านั้นก็ตกเป็นของหลินเป่ยเฉินโดยชอบธรรม และมันก็กลายเป็นเงินก้อนแรกที่เด็กหนุ่มนำมาใช้ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ
ส่วนเกาหมิน เจ้านี่ถือเป็นอัจฉริยะประจำชั้นเรียนปีที่ 2
ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่มคู่นี้กับหลินเป่ยเฉินไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
หลินเป่ยเฉินยังคงจดจำทั้งสองในฐานะตัวปัญหาประจำสถาบัน
แต่หลังจากที่หลินเป่ยเฉินสามารถคว้าตำแหน่งผู้มีพรสวรรค์ประจำเมืองได้สำเร็จ สถานศึกษากระบี่ที่สามก็ได้รับการปรับเปลี่ยนหลักสูตรการสอนใหม่ทั้งหมด สถานะของพวกเขาสูงส่งมากขึ้นกว่าเดิม ลูกศิษย์ในสถาบันได้รับความสนใจจากสำนักกระบี่ชื่อดังจำนวนมาก และนั่นก็ส่งผลให้เด็กหนุ่มหลายคนคิดกลับตัวกลับใจกลายเป็นคนใหม่
เฝิงหลุนกับเกาหมินบัดนี้มีสถานะเป็นถึงประธานลูกศิษย์ประจำสถานศึกษากระบี่ที่สามแล้ว
“พวกเจ้า… รู้หรือไม่ว่าตนเองจะต้องพบเจอกับเรื่องราวเช่นนี้?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ
เฝิงหลุนมีร่างกายชุ่มโชกไปด้วยโลหิต เขามองหน้าผู้สอบถามด้วยความคับแค้นใจ “คนแซ่หลิน เจ้าอย่าได้เที่ยวดูถูกผู้อื่นให้มากเกินไป คิดหรือว่าเมืองหยุนเมิ่งจะมีเจ้าเป็นวีรบุรุษแต่เพียงผู้เดียว ข้าเองนั้นก็พอจะมีดีอยู่บ้างเหมือนกัน…”
ถึงพูดจาวางท่าใหญ่โต แต่ความรู้สึกที่แท้จริงของเฝิงหลุนกำลังขมขื่นเป็นอย่างยิ่ง
นับตั้งแต่ที่หลินเป่ยเฉินสามารถคว้าตำแหน่งผู้มีพรสวรรค์ประจำเมืองมาครอบครองได้สำเร็จ และเขายังเป็นตัวแทนวิหารออกไปกวาดล้างกองทัพของพวกคุณชายเหลียนซาน หลินเป่ยเฉินก็มีสถานะเป็นวีรบุรุษประจำใจเฝิงหลุนมาตลอด แต่ที่เฝิงหลุนไม่อยากยอมรับความจริงในข้อนี้ ก็เป็นเพราะเขาไม่อยากอับอายต่อหน้าเพื่อนร่วมสถาบันจำนวนมากนั่นเอง
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินหรี่ตามองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยความพิศวง
เกาหมินยกมือปาดเลือดออกไปจากหน้าผากและกล่าวว่า “ศิษย์พี่หลิน ท่านรีบไปช่วยอาจารย์ของพวกเราดีกว่า พวกเขาถูกจับตัวอยู่ในคุกใต้ดิน อีกไม่นานก็คงโดนทรมานจนตายแล้ว…”
หลินเป่ยเฉินกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
ทันใดนั้น…
“ประเสริฐ เป็นเพียงมนุษย์ผู้ต่ำต้อย กล้าสังหารคนของพวกเรา วันนี้เจ้าอย่ามีชีวิตอีกต่อไปเลย”
เมื่อมนุษย์หนวดปลาหมึกเห็นว่าไม่สามารถช่วยเหลือมนุษย์กระดองเต่าได้แล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนคำรามด้วยความโกรธแค้น หนวดปลาหมึกทั้งแปดเส้นสะบัดฟาดออกมาด้วยความรวดเร็วและยืดหยุ่น เงาของหนวดปลาหมึกเหล่านั้นแผ่ปกคลุมผืนฟ้า มวลอากาศระเบิดตัว การโจมตีทั้งหมดพุ่งตรงไปที่หลินเป่ยเฉินเป็นจุดเดียว
ชาวทะเลที่มีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ เทียบเท่ากับมนุษย์ที่มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์แล้ว
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นคว้าจับหนวดปลาหมึกได้เส้นหนึ่ง ก็จัดการม้วนหนวดปลาหมึกเส้นนั้นเป็นก้อนกลม ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงมนุษย์หนวดปลาหมึกเป็นวงกลมอยู่ในอากาศหลายรอบ สุดท้ายก็เหวี่ยงไปกระแทกเข้าใส่กลุ่มนายทหารชาวทะเลพวกเดียวกันเองเสียงดังผลั่ก!
เหมือนลูกแตงโมสองลูกปะทะกัน
ม่านหมอกเลือดสาดกระจาย
เศษกระดูกกระจัดกระจาย
ปรากฏว่ามนุษย์หนวดปลาหมึกลอยไปกระแทกกับมนุษย์หัวกุ้งเข้าอย่างจัง ส่งผลให้พวกมันตกตายตามกันไปในเวลาอันรวดเร็วยิ่ง
ถึงหลินเป่ยเฉินจะไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้ แต่ร่างกายของเขาก็มีความแข็งแรงมากกว่ามนุษย์ทั่วไป อีกทั้งประสบการณ์ต่อสู้ในอดีต รวมถึงความสงบนิ่งของจิตใจ ก็ทำให้หลินเป่ยเฉินสามารถจัดการกับหัวหน้ากลุ่มนายทหารของพวกชาวทะเลได้อย่างง่ายดายน่าเหลือเชื่อ
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
ก่อนที่เหล่าคณะศิษย์ในสถาบันจะส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
ทุกคนยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุข เหมือนกำลังอยู่ในเทศกาลตรุษจีน
หลังจากพักรักษาตัวอยู่หลายเดือน หลินเป่ยเฉินก็กลับมาปกป้องพวกเขาแล้ว
“ข้าจะจัดการมันเอง ข้าจะจัดการพวกนั้นเดี๋ยวนี้…”
เฝิงหลุนลุกขึ้นยืนอย่างลากลำบาก ก่อนที่จะสะบัดกระบี่ในมือพุ่งเข้าไปกระหน่ำแทงชากศพของมนุษย์หนวดปลาหมึก มนุษย์หัวกุ้ง รวมไปถึงมนุษย์กระดองเต่าด้วยความโกรธแค้น “ฮ่าฮ่าฮ่า ตายกันไปให้หมด นับว่าวันนี้ เฝิงหลุนได้แก้แค้นแทนทุกคนแล้ว…”