เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 59 สงสัยปีนี้จะไม่มีเด็กเก่ง
บทที่ 59 สงสัยปีนี้จะไม่มีเด็กเก่ง
วิธีการฝึกพลังจิตถูกคิดค้นโดยจักรพรรดิผู้ก่อตั้งอาณาจักรทะเลเหนือ เซียนกระบี่หลี่เจี้ยนซิน
แน่นอนว่าคัมภีร์เล่มนี้เป็นเพียงบทเรียนขั้นพื้นฐาน กล่าวถึงวิธีการฝึกพลังจิตขั้นเริ่มต้น ถ้าผู้ฝึกมีระดับพลังไม่แข็งแกร่งมากพอ ก็จะไม่สามารถใช้งานพลังจิตระดับสูงได้เด็ดขาด แต่สิ่งที่เป็นอันตรายสำหรับการใช้พลังจิตก็คือ ยามเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีพลังจิตแข็งแกร่งมากกว่าตนเอง ผู้ใช้งานก็จะสูญเสียทักษะการต่อสู้ไปทันที
ทว่าพลังจิตก็มีคุณประโยชน์มหาศาล เพราะมันสามารถช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาสมุนไพรวิเศษ ศิลาที่เกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุ รวมถึงค่ายอาคมที่สร้างขึ้นจากพลังปราณได้เช่นกัน
ในเวลาไม่นาน ผู้ฝึกพลังจิตก็จะมีความแข็งแกร่งทั้งภายนอกและภายใน
ร่างกายจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
พลังจิตเป็นหนทางเดียวที่ทอดนำไปสู่ความแข็งแกร่งอันแท้จริง
นี่คือเนื้อหาสาระสำคัญของคัมภีร์เล่มนี้
นอกจากนั้นก็เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการฝึกฝน
การฝึกพลังจิต จะให้ความสำคัญอยู่สองอย่าง คือ…
การหายใจ
และการทำสมาธิ
สองอย่างนี้คือรากฐานเริ่มต้นของการฝึกพลังจิต
เมื่อฝึกฝนจนขึ้นสู่ขั้นปลายได้สำเร็จ ก็จะมีศาสตร์แห่งการนิมิตที่มีความซับซ้อนมากขึ้นให้เรียนรู้ต่อไป
แต่รายละเอียดของศาสตร์แห่งการนิมิตถูกพูดถึงไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์
ถึงอย่างนั้น หลินเป่ยเฉินอ่านจบก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวัง
เนื่องจากเขาคือเด็กใหม่แห่งโลกจอมยุทธ์ สิ่งสำคัญสำหรับหลินเป่ยเฉินในตอนนี้ คือการสร้างรากฐานให้แข็งแกร่ง การใจร้อนเรียนวิชาระดับสูงขณะนี้ ถึงรู้ไปก็เป็นเรื่องไร้ประโยชน์
เด็กหนุ่มอ่านคำอธิบายในคัมภีร์ และเริ่มต้นฝึกลมหายใจ รวมถึงนั่งสมาธิตามคำบรรยาย
ผลที่ได้ก็คือ…
“สงสัยเราจะไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกวิทยายุทธ์จริงๆ แฮะ”
หลังพยายามอยู่หลายครั้ง สุดท้ายหลินเป่ยเฉินก็ยอมแพ้
ความคิดของเขาสะเปะสะปะมากเกินไป
ทำให้ตายอย่างไรเขาก็รวบรวมสมาธิไม่ได้
ในฐานะที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นตัวช่วยมาตั้งแต่แรก หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่าไม่ควรคาดหวังกับตนเองมากเกินไปนัก
“เอาวะ ไหนๆ ก็โกงมาตั้งแต่แรกแล้ว…โกงต่อไปละกัน”
หลังถอนหายใจด้วยความอับอายตัวเอง หลินเป่ยเฉินก็นำโทรศัพท์มือถือออกมาสแกนคัมภีร์ฝึกพลังจิตโดยไม่ลังเล
เขาไม่แปลกใจอีกแล้วที่จะพบแอปพลิเคชันชื่อว่า “คัมภีร์การฝึกพลังจิตขั้นพื้นฐาน” อยู่ภายในแอปสโตร์
การดาวน์โหลดและติดตั้งแอปฝึกพลังจิตใช้ข้อมูลประมาณ 300 MB เมื่อติดตั้งเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็เปิดการใช้งานทันที
หน้าตาของแอปเป็นไปตามที่เขาคาดเดาเอาไว้ มีตัวการ์ตูนที่เป็นตัวแทนของหลินเป่ยเฉินกำลังนั่งหลับตาขัดสมาธิอยู่บนหน้าจอ ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ เห็นได้ชัดว่ากำลังทำสมาธิอยู่ในความเงียบสงบ
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความลิงโลดใจว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ใช้วิธีโกง ยังไงก็สะดวกกว่าการฝึกธรรมดาอยู่ดีอะนะ”
พลัน เสียงท้องของเขาก็ร้องโครกครากขึ้นมาด้วยความหิวโหยไม่ทันตั้งตัว
ทำไงดีหว่า
วินาทีนั้น เด็กหนุ่มถึงเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองสูญเสียพลังมากเกินไปแล้ว
เขาใช้เวลาทั้งวันหมดไปกับการออกตามหาเข็มกลัดดารา อาหารกลางวันไม่ได้กินสักคำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีกะจิตกะใจไปล่าสัตว์หรือไม่
หลินเป่ยเฉินคิดกับตัวเองด้วยความขมขื่นว่า “เป็นแบบนี้มีหวังฉันได้อดตายแน่ๆ”
แล้วกาลเวลาก็ไหลผ่านไป
นับตั้งแต่มาอาศัยอยู่ในโลกจอมยุทธ์ นี่คือครั้งที่ 2 ที่หลินเป่ยเฉินรู้สึกหิวโหยอย่างแท้จริง
ความหิวโหยนับเป็นความรู้สึกที่ทรมานชนิดหนึ่ง
ยิ่งหิวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทรมานมากขึ้นเท่านั้น
กระเพาะของเขาส่งเสียงร้องประท้วงดังโครกครากไม่หยุด
หลินเป่ยเฉินรู้สึกหิวจนปวดมวนในท้อง
ทันใดนั้น ตะกร้าผลไม้ก็ถูกยื่นออกมาจากส่วนลึกของกระโจมที่พัก
เสียงเยว่หงเซียงดังขึ้นด้วยความอ่อนโยนว่า “ขออภัยที่วันนี้ข้าล่าสัตว์ไม่ได้เลยสักตัว จึงทำได้เพียงเก็บผลไม้ป่ามาเท่านั้น หลินเป่ยเฉิน ถ้าเจ้าไม่ถือสา ก็จงรับประทานเถิด”
“ขอบใจนะ”
หลินเป่ยเฉินเก็บผลไม้ในตะกร้ามาประมาณ 3 ถึง 4 ลูก เมื่อรับประทานลงไปแล้ว รสชาติที่เปรี้ยวหวานของมันก็ช่วยทำให้ความหิวโหยลดทอนลงไปได้ไม่น้อย
แล้วบรรยากาศในกระโจมที่พักก็กลับมาอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ตั้งแต่คืนแรกเป็นต้นมา อู๋เสี่ยวฟางกับมู่ซินเยว่ไม่เคยมาปรากฏตัวที่กระโจมแห่งนี้ การที่หลินเป่ยเฉินกับเยว่หงเซียงต้องอยู่ด้วยกันตามลำพัง ทำให้พวกเขารู้สึกตึงเครียดอย่างประหลาด ทั้งคู่แทบไม่ได้พูดคุยกันเลยด้วยซ้ำ และนี่ก็นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พูดคุยกันหลายคำขนาดนี้
“เยว่หงเซียง อาการบาดเจ็บที่ข้อมือของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้น
เยว่หงเซียงตอบว่า “ดีขึ้นมากแล้ว”
“เหรอ”
หลินเป่ยเฉินไม่ได้พูดอะไรอีก
การสนทนาจบลง
หลังจากนำโทรศัพท์มือถือออกมาดูอีกครั้ง หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจเปิดแอปคัมภีร์ฝึกกระบี่สามท่าขั้นพื้นฐานและแอปฝึกพลังจิตให้ทำงานในพื้นหลังเอาไว้ ส่วนแอปอื่นๆ อย่างเช่น แอปฝึกโคจรพลังปราณนั้น เขาปิดการทำงานของมันไปแล้ว
เป้าหมายเฉพาะหน้าในตอนนี้ของเด็กหนุ่มก็คือ เขาอยากจะยกระดับทักษะการใช้กระบวนท่ากระบี่ดาราคล้อยและการใช้งานพลังจิตของตนเองให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
อีกอย่าง ตอนนี้เขาสามารถใช้พลังปราณในระดับสูงได้แล้ว การเปิดแอปของมันทิ้งเอาไว้จึงไม่ค่อยเกิดประโยชน์สักเท่าไหร่
เมื่อปิดแอปที่ไม่ใช้งานลงไป โทรศัพท์มือถือจึงไม่ต้องเปลืองแบตเตอรี่มากเกินจำเป็น
…
เพียงพริบตาเดียว ก็ผ่านไปได้ห้าวันแล้ว
เมื่อมีแผนที่นำทางในโทรศัพท์คอยช่วยเหลือ หลินเป่ยเฉินจึงออกตะลุยป่าต้องห้ามอย่างบ้าคลั่ง เพียงเขาคนเดียวก็สามารถเก็บเข็มกลัดดาราได้แล้วถึง 64 ชิ้น
นับเป็นจำนวนที่น่าตกใจ
เนื่องจากว่าหลิงเฉิน เทพธิดาอัจฉริยะประจำเมืองผู้รั้งตำแหน่งอันดับหนึ่ง ในขณะนี้เพิ่งจะหาเข็มกลัดดาราเจอแค่ 4 ชิ้นเท่านั้น
เซินเฟย เด็กหนุ่มจากสำนักยุทธ์อิสระ พบเข็มกลัด 2 ชิ้น
ส่วนสองเด็กหนุ่มจากสถานศึกษากระบี่หลวงอย่างเถาว่านเฉิงกับหลี่เทาได้เข็มกลัดมาคนละชิ้น
คนที่เหลือล้วนยังมือเปล่า
ทางด้านหลินเป่ยเฉิน เขาเก็บเข็มกลัดทุกชิ้นเอาไว้ในพื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์ ยังไม่ได้ส่งมอบให้กับคณะกรรมการเลยสักชิ้นเดียว
เพราะฉะนั้น จึงยังไม่มีใครรู้ความลับของเขา
เมื่อพินิจสิ่งที่เป็นไป จึงดูเหมือนว่าความคืบหน้าของการแข่งขันประจำปีนี้ ดำเนินไปอย่างเชื่องช้ายิ่ง
แม้แต่หนึ่งในเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการแข่งขันอย่างหลี่ชิงสวนก็ยังอดแปลกใจไม่ได้
เขาพูดหน้านิ่วคิ้วขมวดว่า “ปีนี้เด็กไม่เก่งเอาเสียเลย แข่งกันมาจนถึงป่านนี้แล้ว ยังได้เข็มกลัดแค่ไม่กี่ชิ้นกันเท่านั้น ถ้ายังเป็นแบบนี้ เราอาจได้ตัวแทนเข้ารอบต่อไปไม่ถึง 20 คน”
“จำนวนเข็มกลัดที่ถูกหาพบมันน้อยจนผิดปกติ ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง” หลีลั่วหรันขมวดคิ้วนิ่งคิดอะไรบางอย่าง
“หรือคนของกระทรวงศึกษาจะซ่อนเข็มกลัดได้มิดชิดมากเกินไป?” เฉินเจี้ยนหนานหัวหน้าหน่วยนักรบเมฆารู้สึกสงสารศิษย์พวกนี้ไม่น้อย
กาลเวลาเดินไปไม่หยุดยั้ง
อีกหนึ่งวันผ่านไป
เมื่อผ่านพ้นวันนี้ไป ก็จะเหลือการแข่งขันอีกเพียงวันเดียวเท่านั้น
บ่ายวันนี้ อยู่ดีๆ ชื่อของศิษย์สามสิบกว่าคน ก็กะพริบวูบวาบบนแท่นหินใจกลางลานจัตุรัส
พร้อมกันนั้น แท่นหินก็ส่งเสียงกริ่งแจ้งเตือนแหลมสูงดังระคายหู
“หืม? เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้มีศิษย์ถูกคัดออกมากมายขนาดนี้?”
หลี่ชิงสวนซึ่งออกไปตรวจสอบแท่นหินที่ลานจัตุรัส รีบวิ่งกลับมาแจ้งพวกเขาด้วยสีหน้าแตกตื่นว่า “ศิษย์พวกนั้นขอความช่วยเหลือมาจากตำแหน่งเดียวกัน หรือว่าพวกเขาจะพบเจอสัตว์ประหลาดยักษ์? ไม่น่าเป็นไปได้”
เฉินเจี้ยนหนาน ผู้การจากกองทัพนักรบเมฆาไม่กล้าล่าช้า รีบนำกลุ่มทหารของตนเองออกไปช่วยเหลือเด็กพวกนั้นทันที
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ศิษย์จำนวน 36 คน รวมถึงอัจฉริยะอย่างมู่เหยียนตงและเช่าหย่งหนิงจากสถานศึกษากระบี่หลวง ถูกหน่วยนักรบเมฆาช่วยเหลือกลับมายังค่ายที่พัก สภาพหน้าตาของทุกคนบอกได้ถึงความเศร้าเสียใจอย่างเห็นได้ชัด
หลี่ชิงสวนสอบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
เฉินเจี้ยนหนานตอบด้วยสีหน้าสงสารจับใจ “ศิษย์ทั้งสองกลุ่มถูกกลุ่มคนปริศนาลอบโจมตีระหว่างทาง ฝ่ายตรงข้ามมากันเยอะมาก พวกเขาไม่ทันเห็นว่าผู้ลอบโจมตีเป็นใคร สุดท้ายก็โดนแย่งเครื่องรางประจำตัวไปทุบทำลาย จนตนเองต้องถูกคัดออกจากการแข่งขัน แต่เราก็สามารถจับตัวผู้กระทำผิดจากที่เกิดเหตุมาได้สองคนเช่นกัน”
หลี่ชิงสวนกวาดสายตามองศิษย์เหล่านั้น “ท่านได้ตัวคนร้ายมาด้วยหรือ?”
เด็กหนุ่มร่างผอมเตี้ยคนหนึ่งพลันลุกขึ้นยืน พูดว่า “ข้าเป็นคนทำเอง”
หลี่ชิงสวนดวงตาเป็นประกายดุร้ายขึ้นทันที “เจ้าทำลายเครื่องรางของทั้ง 36 คนด้วยตัวคนเดียวเลยหรือ?”