เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 599 ได้เวลาแก้แค้นแล้ว
สำหรับชาวทะเล ความตายที่มาถึงโดยไม่รู้ตัว ทำให้ความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นสลายหายวับไปในพริบตา
พวกมันตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว
การที่อยู่ดีๆ แม่ทัพใหญ่และขุนพลคู่กายต้องศีรษะระเบิดกระจาย นับเป็นสัญญาณเตือนจากสวรรค์
นี่คือสัญญาณเตือนจากฟากฟ้าว่ามีมัจจุราชกำลังรอเล่นงานพวกมันอยู่
ชาวทะเลไม่เคยเห็นการโจมตีเช่นนี้มาก่อน
ฆาตกรลงมือในความเงียบ
ไม่มีพลังลมปราณให้สัมผัสได้
รู้ตัวอีกทีแม่ทัพของพวกมันก็ตายแล้ว
ยังคงมีนักรบชาวทะเลอีกหลายนายขี่ม้าน้ำยักษ์พุ่งออกมาข้างหน้า แต่ศีรษะของพวกมันก็ต้องระเบิดกระจายในลมหายใจต่อมา
ศีรษะขนาดใหญ่ แตกกระจายเป็นม่านหมอกเลือด ไม่ต่างจากลูกแตงโมลูกหนึ่ง
และนั่นทำให้ขบวนนักรบชาวทะเลกว่า 2,000 นายไม่กล้าเคลื่อนไหวอีกแล้ว
ชาวทะเลส่งสัญญาณแจ้งเตือนกันอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
แม่ทัพฉลามวาฬซึ่งมีร่างกายใหญ่โตมากกว่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์เดินออกมาข้างหน้า
“กราบเรียนท่านแม่ทัพเปินเล่ย พวกมนุษย์มันลอบโจมตีเราจากความมืดขอรับ…”
นายทหารบนหลังม้าน้ำตัวหนึ่งรายงาน “แม่ทัพเหาซื่อ… โดนพวกมันลอบสังหารไปแล้ว”
“แม่ทัพเหาซื่อเนี่ยนะโดนลอบสังหาร?”
ผู้ที่ถูกเรียกว่าแม่ทัพเปินเล่ยเป็นยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ฉลามวาฬ มันเพ่งสายตามองไปข้างหน้าและเห็นร่างที่ไร้ศีรษะนอนอยู่บนสะพานโครงกระดูก
หนึ่งในแม่ทัพของหน่วยจู่โจมที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดก็คือแม่ทัพเหาซื่อ หมวกโลหะที่เคยอยู่บนศีรษะแตกกระจาย หัวที่เคยอยู่เหนือบ่าก็หายไปแล้ว เลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุดยั้ง นี่คือการสังหารตายคาที่ แม้แต่หอกซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของแม่ทัพเหาซื่อก็ยังเสียบอยู่กับสายรัดบนตัวม้าน้ำยักษ์ กระบี่ยังคงเหน็บอยู่ข้างเอว แต่แม่ทัพเหาซื่อไม่มีโอกาสได้ใช้งานพวกมันอีกแล้วตลอดกาล
เปินเล่ยอดตัวสั่นเทาขึ้นมาไม่ได้
ว่ากันตามลำดับความแข็งแกร่ง แม่ทัพเหาซื่อมีฝีมือสูงส่งมากกว่ามัน แต่ก็ยังต้องถึงแก่ความตายโดยไม่รู้ตัว
คิดได้ดังนั้น แม่ทัพฉลามวาฬก็หันมาคว้าคอหนึ่งในนายทหารม้าน้ำที่อยู่ด้านข้างและโยนมันผู้นั้นออกไปข้างหน้า
นายทหารม้าน้ำผู้โชคร้ายถูกใช้เป็นหนูทดลองการลอบสังหาร กลิ้งกระเด็นไปบนพื้นสะพานโครงกระดูก
มันรีบลุกขึ้นมาด้วยความลนลาน สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
แต่สิ่งที่คิดว่าจะเกิดขึ้น กลับไม่เกิดขึ้น
เปินเล่ยกระทืบเท้าซ้ายของตนเองลงไปบนพื้น
คลื่นแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นทำให้นายทหารชาวทะเลอีกประมาณห้าถึงหกตัวลอยกระเด็นไปข้างหน้า
การลอบสังหารยังไม่เกิด
รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเปินเล่ย แต่จังหวะที่มันกำลังจะพูดอะไรออกมานั้นเอง สัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็เตือนว่ามีอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาหา เปินเล่ยหันหน้ามองไปทางหอคอยหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างไกล…
โผละ!
แล้วหัวของแม่ทัพฉลามวาฬก็ระเบิดกระจาย
ม่านหมอกเลือดสีแดงและสีขาวสาดกระจายในอากาศ
ร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ของแม่ทัพเปินเล่ยล้มโครมลงไป
ความคิดสุดท้ายในชีวิตของมันคือ ใครกันนะเป็นผู้ลอบสังหารในครั้งนี้? …เหตุไฉนถึงมีฝีมือสูงส่งเหลือเกิน
“อยู่ทางนั้น!”
ในที่สุด ก็เริ่มมีนักรบชาวทะเลสังเกตเห็นแล้วว่าการลอบโจมตีมาจากทิศทางใด
ณ เวลาเดียวกันนี้
“โฮก!”
มังกรเขียวที่บินอยู่บนท้องฟ้าเหนือเกาะกลางทะเลสาบพลันยิงลำแสงสีฟ้าครามออกมาจากปากของมัน
แล้วหอคอยสูงใหญ่ที่ตั้งอยู่ห่างไกลออกไปหลังนั้นก็กลายเป็นหอคอยน้ำแข็งทันที
บนยอดหอคอยก็ปกคลุมด้วยน้ำแข็งเช่นกัน และผลึกน้ำแข็งเหล่านั้นกำลังขยายอาณาเขตมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในจังหวะนั้น หลินเป่ยเฉินสร้างค่ายอาคมขึ้นมากำบังร่างของเหลียวหวังซู ก่อนที่ตัวเขาเองจะดีดกายลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
หลินเป่ยเฉินยกปืน 98k เล็งไปที่ส่วนหัวของมังกรยักษ์ และตัดสินใจเหนี่ยวไกยิงโดยไม่ลังเล
ฟู่!
ประกายไฟสาดกระจาย
กระสุนลำแสงพุ่งเข้าไปทำให้เกล็ดบนหัวมังกรเขียวหลุดกระจายไปหลายชิ้น
มังกรเขียวเงยหน้าร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด ลำตัวหมุนวนไปมา เลือดไหลทะลักออกมาจากช่องว่างของเกล็ดผิวหนังที่หายไป
เมฆดำกระจายตัว
ทันใดนั้น หญิงชราหลังค่อมก็มาปรากฏตัวอยู่บนหัวมังกรเขียว
ท่าร่างของนางคล่องแคล่วเป็นอย่างยิ่ง
แล้วมังกรเขียวก็หยุดการดิ้นทุรนทุรายทันที
ไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงที่เชื่อฟังเจ้านาย
“แม่ทัพแมวน้ำ ออกคำสั่งให้กองทัพของพวกเราบุกขยี้ชาวเมืองเดี๋ยวนี้”
นักบวชหรงสวมใส่เสื้อคลุมสีฟ้าคราม ซึ่งกำลังแผ่รัศมีสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้าเหนือจวนผู้ว่าบนเกาะกลางทะเลสาบ ทว่าในดวงตาของนางเป็นประกายวาวโรจน์มากกว่านั้น
“และเจ้าต้องเป็นคนนำทัพไล่ล่าสังหารมนุษย์ด้วยตนเอง”
เฒ่าทะเลซึ่งเป็นแม่ทัพแมวน้ำเดินขึ้นมารับคำสั่งบนสะพานโครงกระดูก
ได้เวลาแก้แค้นแล้ว
รอยยิ้มเย้ยหยันผุดขึ้นบนริมฝีปากของนักบวชหรง
นางสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณของหลินเป่ยเฉินจากระยะไม่ใกล้ไม่ไกล
ต้องยอมรับเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้มีพลังสูงส่งไม่ใช่น้อย
แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อยู่ดี
อยากจะพาชาวเมืองอพยพออกไปจากเมืองหยุนเมิ่งอย่างนั้นหรือ?
ช่างไร้เดียงสาเสียจริง
ลำพังหลินเป่ยเฉินเพียงคนเดียวจะสามารถเคลื่อนย้ายผู้คนเป็นหมื่นคนได้อย่างไร?
หรือต่อให้มียอดฝีมือคอยช่วยเหลืออีกหลายคน มันก็เป็นเรื่องราวที่ฝืนชะตากรรมมากเกินไป
ยอดฝีมือเหล่านั้นหากเจอกองทัพชาวทะเลจะสามารถต้านทานได้นานสักแค่ไหน?
หลินเป่ยเฉินควรจะต้องเข้าใจในอีกไม่ช้าว่า การที่เขาเกิดมาในจักรวรรดิเป่ยไห่ ก็ถือเป็นการได้รับคำสาปชนิดหนึ่ง
หลินเป่ยเฉินจะต้องได้รับรู้รสชาติของความหมดหวัง
ที่ปรึกษากุยเหนียนและนายทหารชาวทะเลอีก 20 ชีวิต รับหน้าที่ควบคุมตัวฮันปู้ฟู่กับเยว่หงเซียงยืนอยู่ทางด้านหลังของนักบวชหรง
มังกรเขียวตัวนี้มีแผ่นหลังกว้างใหญ่ ย่อมสามารถแบกรับน้ำหนักผู้คนได้อย่างไม่มีปัญหา
มนุษย์เต่าทะเลจ้องมองไปยังทิศทางของเมืองหยุนเมิ่งบริเวณถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ จากนั้น ดวงตาก็เป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความคาดหวังอะไรบางอย่าง
ข่าวที่ว่าหลินเป่ยเฉินสังหารขุนพลโยวไฮว่พร้อมด้วยนักรบชาวทะเลอีกร้อยกว่าชีวิต รวมถึงช่วยเหลือพรรคพวกของตนเองออกจากจวนผู้ว่าหลังเก่าได้สำเร็จ ได้ถูกรายงานมาที่เกาะกลางทะเลสาบเรียบร้อยแล้ว
นับเป็นการแสดงฝีมือที่น่าประทับใจ
แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่ดี
ถึงจะได้รับความช่วยเหลือจากจักรวรรดิเป่ยไห่จริงๆ แต่ชีวิตของชาวเมืองหยุนเมิ่งก็ตกต่ำเกินกว่าที่จะกอบกู้อะไรกลับคืนมาได้อีก
เมื่อคิดถึงความอับอายที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติหน้าที่ผู้ส่งสาส์นเมื่อวันก่อน ในหัวใจของมนุษย์เต่าทะเลก็เริ่มกลับมาร้อนผ่าวด้วยความโกรธแค้น
ได้เวลาที่เด็กหนุ่มอวดดีอย่างหลินเป่ยเฉินจะรับรู้รสชาติของการเป็นเทวดาตกสวรรค์
คลื่นลูกเล็กย่อมไม่สามารถต้านทานคลื่นลูกใหญ่
เมื่อคลื่นลูกใหญ่ไล่หลังมา อีกเพียงไม่นาน มันก็จะกลืนกินคลื่นลูกเล็กโดยสมบูรณ์
เมื่อนักบวชหรงประกาศไล่ล่าสังหารชาวเมืองหยุนเมิ่ง กุยเหนียนก็แทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นหลินเป่ยเฉินต้องตกอยู่ในความทนทุกข์ทรมานเบื้องหน้ามัน
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
นับเป็นสิ่งที่สามารถใช้ได้ตลอดกาล
ผู้อ่อนแอต้องพ่ายแพ้ให้กับผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่า
และวันนี้ หลินเป่ยเฉินมีสถานะเป็นผู้อ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้ากองทัพชาวทะเลของพวกมัน
ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! #อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย