เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 653 ลาก่อนนะเจ้าหนู
ตอนที่ 653 ลาก่อนนะเจ้าหนู
พี่ชายท่านนี้ร้อนเงินถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
ดูเหมือนเขาจะมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาแล้วสิ
“เจ้าน่ะไม่ต้องมาแกล้งตาย รีบส่งของมีค่าออกมาให้ข้าได้แล้ว”
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปใช้เท้าเขี่ยร่างของชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีเขียวอีกครั้ง
อีกฝ่ายกัดฟันกรอด ระเบิดเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น “เจ้าตัวชั่วร้าย เจ้าโจรน้อย เจ้าจะต้อง…”
“ใช่ ข้านี่แหละโจร”
หลินเป่ยเฉินยังคงส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่นและไร้เดียงสา “ไม่ทราบว่าเจ้ามีปัญหาหรือไม่?”
ฟิ้ว!
ลูกดอกเหล็กดอกใหม่พุ่งเข้าไปปักต้นขาของเหลียงซือเฉิน
ตอนแรก เหลียงซือเฉินมีสีหน้าประหลาดใจ…
หลังจากนั้น…
ใบหน้าของคุณชายหนุ่มก็กระตุกอย่างควบคุมไม่ได้
เขาไม่ได้เป็นคนขัดคำสั่งสักหน่อย
แล้วทำไมหลินเป่ยเฉินถึงต้องมายิงลูกดอกใส่เขาด้วย?
หรือเด็กหนุ่มคนนี้เสียสติไปแล้ว
“ฮื่อฮื่อฮื่อ รีบส่งมอบของมีค่าของเจ้าออกมาให้ไว… อวี่หวัน เจ้าสุนัขรับใช้ไร้ประโยชน์…”
ใบหน้าของบุตรชายท่านผู้ว่าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เขาไม่กล้าขึ้นเสียงใส่หลินเป่ยเฉิน จึงหันมาระบายโทสะใส่อวี่หวันผู้คุ้มกันชุดเขียวแทน
อวี่หวันน้ำตาไหลพราก จำเป็นต้องสะกดกลั้นความอับอายของตนเองเอาไว้
เขาทำงานหนักตลอดระยะเวลาหลายปีกว่าจะรวบรวมเงินได้ถึงหนึ่งหมื่นเหรียญทองคำ เช่นเดียวกับศิลาบูชาอีกสิบก้อน ชุดเกราะคุณภาพสูงอีกหลายชุด และกระบี่คุณภาพดีของร้านขายกระบี่อาจารย์ฟานอีกกว่าสิบเล่ม…
แต่ของมีค่าทั้งหมดนี้ตกไปอยู่ในมือของหลินเป่ยเฉินเรียบร้อยแล้ว
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความพิศวง
ทำไมจอมยุทธ์ในเมืองเจาฮุยถึงได้ร่ำรวยขนาดนี้นะ?
ยอดฝีมือยางฉู่เหิน หลิวฉีไห่ และไต้จือฉุนมีฐานะยากจนข้นแค้น แต่ในทางกลับกัน อวี่หวันผู้ทำงานเป็นสุนัขรับใช้คุณชายจอมเสเพลกลับพกเงินติดตัวเยอะขนาดนี้
เอ๊ะ!
หรือว่าหลังจากนี้ เขาจะลองปล้นทรัพย์พวกจอมยุทธ์ในเมืองเจาฮุยดูดีนะ?
ความคิดนี้ทำให้หัวใจของหลินเป่ยเฉินรู้สึกคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น
จากนั้น เขาจึงหันหน้ากลับมามองเหลียงซือเฉินและพรรคพวก
“ข้ามีถุงเก็บของวิเศษอยู่ใบหนึ่ง… ในนั้นบรรจุเงินเอาไว้มากมาย… ขอเชิญคุณชายหลินที่เคารพจงเอามันไปเถิด…”
เหลียงซือเฉินไม่ได้มีสมองโง่เขลา จึงเข้าใจแล้วว่าในสายตาของหลินเป่ยเฉินสิ่งใดมีค่ามากที่สุด
“กำไลหยกของข้าก็เป็นวัตถุเก็บของวิเศษเช่นกัน ในนั้นบรรจุอยู่ด้วย…”
“แหวนของข้าก็ยังเป็น…”
บรรดาคุณชายสหายรักของเหลียงซือเฉินต่างก็ยินดีสละเงินทองของมีค่าของตนเองโดยไม่ลังเล เพราะหวังที่จะมีชีวิตอยู่รอดต่อไป
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าหงึกหงัก “ถ้าข้าไม่รับน้ำใจของพวกเจ้าเอาไว้ ก็ถือว่าคุณชายหลินคนนี้คงใจจืดใจดำเกินไปสักหน่อย ข้าไม่อยากทำให้พวกเจ้าผิดหวัง เพราะฉะนั้น คงต้องขอรับของมีค่าเหล่านี้เอาไว้แล้ว”
เด็กหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเวทนา และไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่นัก
แต่ในใจจริงนั้น เขากำลังมีความสุขมาก
หลินเป่ยเฉินลองคำนวณเงินของคุณชายเหล่านี้ดูคร่าวๆ ก็พบว่าเขาได้มามากกว่าหนึ่งแสนเหรียญทองคำเลยทีเดียว
แต่ก็ไม่สามารถลบล้างความผิดที่ชายหนุ่มเหล่านี้เคยทำในอดีตได้อยู่ดี
พลัน ในใจของหลินเป่ยเฉินเกิดความรู้สึกอาฆาตแค้นขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล
“คุณชายหลิน พวกเราทำทุกอย่างที่ท่านต้องการแล้ว ได้โปรดปล่อยเราไปเถิด”
“ใช่แล้ว เราขอสาบานว่าจะไม่ตามรังควานท่านเด็ดขาด…”
“คุณชายหลินผู้สูงส่ง พวกเรายินดีเป็นผู้รับใช้ท่าน…”
“คุณชายเพิ่งมาถึงนครเจาฮุยคงไม่ทราบว่าที่เมืองนี้มีสถานที่คาวโลกีย์อยู่นับไม่ถ้วน ขอแค่มีเงิน สาวงามจำนวนมากก็พร้อมที่จะมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าท่าน พวกเราสามารถพาท่านไปสนุกสนานได้นะคุณชาย ถึงตอนนี้เราจะยังไม่รู้จักกัน แต่ในอนาคตข้างหน้า เราอาจกลายเป็นเพื่อนรักกันก็เป็นได้…”
เพื่อความอยู่รอด บรรดาคุณชายจากตระกูลดังประจำเมือง ถึงกับยอมใช้ทุกวิถีทางเพื่อเจรจากับเด็กหนุ่มแล้ว
หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบๆ
“พวกเจ้าพูดจริงหรือ?”
ดวงตาของเขาเป็นประกายแวววาว
น้ำเสียงฟังดูมีความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
“อะแฮ่ม…” ใครบางคนส่งเสียงกระแอมไอขึ้นจากด้านข้าง
ปรากฏว่าเป็นหลิวเฉิงเหนียนเด็กสาวร่างสูงกำลังทำสีหน้าบอกเป็นทำนองว่า ‘ข้านึกอยู่แล้วว่าเจ้าต้องเป็นคนเช่นนี้’
หลินเป่ยเฉินกลับมาได้สติอีกครั้ง
“เฮ้อ”
เขาจ้องมองเหลียงซือเฉินและพรรคพวกด้วยดวงตาเป็นประกายมากกว่าเดิมพร้อมกับพูดว่า “พวกเจ้าเห็นว่าหลินเป่ยเฉินเป็นคนแบบนั้นหรือไง? เฮอะ… นอกจากข้อเสนอเหล่านี้จะยังไม่สามารถไถ่บาปให้พวกเจ้าได้แล้ว พวกเจ้ากลับคิดที่จะฉุดข้าให้ต่ำตมลงไปอีก ช่างน่ารังเกียจเสียจริง… เห็นทีครั้งนี้ข้าคงต้องลงโทษพวกเจ้าแล้ว”
พูดจบ เด็กหนุ่มก็ดาวน์โหลดแว่นกันแดดออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์
นี่ก็เป็นของใช้อีกอย่างที่เขาซื้อมาจากแอป Taobao เพื่อเอาคะแนนผู้ซื้อเท่านั้น
มันมีราคาถูกมาก
หลินเป่ยเฉินชอบเอาไว้ใส่เวลาเก๊กหล่อ
แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่แว่นเวทมนตร์สามารถใส่แล้วมองเห็นอนาคตได้อย่างที่เขาคิด
เด็กหนุ่มจึงต้องใส่เวลามั่นใจว่าตนเองจะชนะคู่ต่อสู้เท่านั้น
เขาพอใจกับหน้าตาของตนเองเวลาใส่แว่นดำมาก
เมื่อหลินเป่ยเฉินใส่แว่นดำแล้ว เขาก็ดูดีมีสง่าราศีมากขึ้น
“หันหน้าไปทางอื่น แล้วหลับตาของเจ้าลงซะ”
หลินเป่ยเฉินพูดกับเด็กสาวทั้งสองคน
“ท่านจะทำอะไรกับพวกเขา?”
หลิวเฉิงเหนียนถามออกมาด้วยความสงสัย “แล้ววัตถุสีดำบนใบหน้าของท่านคืออะไร?”
“อ๋อ อันนี้น่ะหรือ…”
หลินเป่ยเฉินอายเกินไปที่จะบอกว่ามันมีเอาไว้ใส่ทำเท่เฉยๆ เท่านั้น ดังนั้น เขาจึงตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าเป็นคนไม่ชอบเห็นเลือดและไม่ชอบฆ่าคน ถ้าเห็นเลือดก็ไม่สามารถฆ่าคนได้ เพราะฉะนั้น ข้าจึงต้องสวมใส่วัตถุเปลี่ยนสีการมองเห็นก่อนฆ่าคน เมื่อสวมใส่วัตถุสิ่งนี้แล้ว เจ้าจะไม่รู้สึกผิดเวลาฆ่าคนอีกต่อไป เพราะเจ้าจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนนั่นเอง”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ ใบหน้าของพวกเหลียงซือเฉินก็กลับกลายเป็นซีดขาวด้วยความตื่นกลัวทันที
พวกเขาส่งเสียงขอร้องอ้อนวอน
หลิวเฉิงเหนียนมีสีหน้าเคลือบแคลงสงสัย แต่นางกับหลู่หลิงซินก็หันหน้าไปทางอื่นตามคำสั่งของหลินเป่ยเฉินอย่างเชื่อฟัง
“ท่านจะฆ่าพวกเขาจริงๆ หรือ?”
หลู่หลิงซินหลับตาลงแล้ว แต่ก็ยังอดถามออกมาไม่ได้ “พวกเขาเป็นคุณชายที่มาจากตระกูลใหญ่ การสังหารพวกเขา จะทำให้ท่านต้องพบเจอปัญหามากมาย”
“ข้าไม่กลัว”
หลินเป่ยเฉินตอบ “หากฆ่าปิดปากให้หมดทุกคน แค่นี้ก็ไม่มีพยานรู้เห็นแล้ว”
หลู่หลิงซินถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ศิษย์พี่เฉิงเหนียนกับนางถือว่าเป็นพยานด้วยหรือไม่?
สิ่งที่หลิวเฉิงเหนียนกำลังคิดอยู่ก็คือ ‘ไหนบอกว่าตนเองไม่ชอบการฆ่าคนไงล่ะ?’
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เสียงลูกดอกพุ่งแหวกอากาศออกไปอีกครั้ง
จากนั้นเสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้น
หลินเป่ยเฉินพูดออกมาเป็นทำนองเพลงอย่างมีความสุข “ลาก่อนนะเจ้าหนู…”
หลู่หลิงซินกับหลิวเฉิงเหนียนสงสัยใจเป็นอย่างยิ่งว่าหลินเป่ยเฉินร้องเพลงออกมาอย่างมีความสุขขนาดนั้นเพราะอะไร สุดท้าย เด็กสาวทั้งสองก็ไม่สามารถทนความสงสัยได้อีกต่อไป พวกนางลืมตาขึ้นมาและหันกลับไปมองว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
และแล้ว ใบหน้าที่สวยงามของเด็กสาวทั้งสองก็ต้องแข็งค้างด้วยความตกตะลึง เพราะสิ่งที่พวกนางพบเห็นในขณะนี้ก็คือ …เหลียงซือเฉินและพรรคพวกถูกยิงลูกดอกใส่ตรงบริเวณกลางหว่างขา โลหิตสีแดงสดไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวดทรมาน
“เท่านี้ก็เรียบร้อย”
หลินเป่ยเฉินหมุนตัวเดินออกไปจากห้องรับแขกพร้อมกับพูดว่า “เมื่อไม่มีต้นเหตุก่ออาชญากรรมของพวกเจ้าอีกต่อไป ข้าก็อยากรู้นักว่าต่อจากนี้พวกเจ้ายังจะสามารถรังแกหญิงสาวได้อีกหรือไม่ ฮ่าฮ่าฮ่า… พวกเราไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปจากที่นี่เอง”
แล้วเขาก็เดินออกไปจากคฤหาสน์พร้อมด้วยหลู่หลิงซินกับหลิวเฉิงเหนียน
โดยที่มีเสียงร้องโหยหวนของคุณชายตระกูลใหญ่ดังออกมาจากด้านในคฤหาสน์ตลอดเวลา
หลู่หลิงซินกับหลิวเฉิงเหนียนเดินตามหลินเป่ยเฉินมาในความเงียบ พวกนางอดรู้สึกตัวเย็นเฉียบขึ้นมาไม่ได้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ
“ขอบคุณพี่ชายมากนะเจ้าคะ…”
หลู่หลิงซินกล่าวขอบคุณ
แต่แล้วในทันใดนั้นเอง หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้ว่าพลังลมปราณที่ตนเองแบ่งปันผ่านการกระจายสัญญาณไวฟายกำลังถูกดูดออกไปใช้งาน
เดี๋ยวก่อนนะ
หรือว่าเฉียนเหมยกับเฉียนเจินพบเจอศัตรู?
ไม่ได้การแล้ว
“พวกเรารีบไป”
พลัน เด็กหนุ่มช้อนเอวเด็กสาวข้างละคน และใช้วิชาตัวเบาพริ้วกายไปยังตำแหน่งที่จอดรถม้าด้วยความเร่งรีบ