เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 676 กลายเป็นคนตาบอดตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอนที่ 676 กลายเป็นคนตาบอดตั้งแต่เมื่อไหร่
ในที่สุด หลังถูกเฉียนเหมยขโมยซีน หลินเป่ยเฉินก็สามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนกลับมาได้สำเร็จ
สุดท้าย หลงเสี่ยวเถียนก็ต้องหันมาให้ความสนใจที่หลินเป่ยเฉิน
“เจ้าคือ…”
ดวงตาของเขาหันกลับมาจากทิศทางที่ฉุยเฮาเฟิงหายตัวไป เขาต้องทนเห็นนักโทษประหารของตนเองบินหนีไปต่อหน้าต่อตา ความโกรธแค้นจึงไหลทะลักเต็มหัวใจ
หลงเสี่ยวเถียนจ้องมองหลินเป่ยเฉินและพูดว่า
“เจ้าเป็นใคร? เจ้ากล้าดีอย่างไร…”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกผิดหวังเหลือเกิน
คนใหญ่คนโตอย่างหลงเสี่ยวเถียนทำไมถึงไม่รู้จักเขานะ?
“ข้าคือพ่อเจ้า”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นมาเหนี่ยวไกปืนอีกครั้ง
หลงเสี่ยวเถียนไม่เสียทีที่เป็นถึงขุนพลใหญ่ เขามีฝีมือสูงส่ง เมื่อเห็นหลินเป่ยเฉินยกมือขึ้น ก็รู้แล้วว่าอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาถึงตัว ชายหนุ่มหมุนตัวหลบโดยสัญชาตญาณ หัวไหล่ของเขาถูกกระแทกอย่างแรงเหมือนโดนค้อนทุบ ตัวคนกลิ้งกระเด็นไปด้านหลัง หยดเลือดสาดกระจายในอากาศ
การหมุนตัวหลบด้วยสัญชาตญาณ คือสิ่งที่ช่วยชีวิตของหลงเสี่ยวเถียนเอาไว้
กระสุนจึงพุ่งเข้าสู่หัวไหล่ แทนที่จะเป็นกลางหน้าผาก
แต่กระดูกหัวไหล่ก็แตกละเอียด เกิดเป็นความเจ็บปวดทรมานถึงขีดสุด
หลงเสี่ยวเถียนถูกความหวาดกลัวกลืนกิน
จังหวะที่ร่างหล่นลงกระแทกพื้นหิน หลงเสี่ยวเถียนต้องหมุนตัวกลิ้งไปอีกหลายตลบ เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีที่ตามติด
โครม! โครม! โครม!
แผ่นหินปูพื้นจำนวนนับไม่ถ้วนแตกกระจายเป็นฝุ่นผง
บัดนี้ พื้นหินของลานประหารเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่จำนวนหลายหลุม มันเป็นหลุมลึกที่มองแทบไม่เห็นก้น
“วิชาฝ่ามือลำแสงพิฆาต?”
ในใจหลงเสี่ยวเถียนคิดด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นร่างกายจึงเกิดความหนาวเย็นด้วยความหวาดกลัว คล้ายกับตกลงสู่ถ้ำน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น
การต่อสู้หลายครั้งในเมืองหยุนเมิ่งก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินสามารถสร้างชื่อเลื่องลือขึ้นมาได้ก็ด้วยวิชานี้เอง
มันสามารถโจมตีได้แม้แต่ผู้มีพลังระดับยอดปรมาจารย์ตอนปลาย
นี่คือวิชาวิทยายุทธ์ที่น่ากลัวมาก
ว่ากันตามความเข้าใจของผู้ฝึกยุทธ์ทั่วยุทธภพ ยิ่งทักษะการต่อสู้มีความรุนแรงมากแค่ไหน ระดับพลังลมปราณในร่างกายก็ต้องยิ่งสูงล้ำมากเท่านั้น
ประเมินได้ว่านี่ต้องเป็นวิชาที่มาจากคัมภีร์ฝึกยุทธ์ระดับ 6 ดาว หรือสูงสุดก็ไม่เกิน 7 ดาว เพราะคัมภีร์ระดับ 8 ดาวขึ้นไปนั้น ต้องเป็นผู้มีพลังอยู่ในขั้นเซียนเท่านั้นถึงจะสามารถฝึกฝนได้
ดังนั้น วิชาฝ่ามือลำแสงพิฆาตจึงน่ากลัวมาก
มันกลายเป็นวิชาที่สร้างความแตกตื่นให้กับทุกฝ่าย
ในเวลาเพียงไม่นาน ยอดฝีมือหลายท่านได้ออกตามหาคัมภีร์วิชานี้
หลายคนถึงกับพยายามฝึกฝนด้วยตัวเอง แม้จะไม่มีคัมภีร์ก็ตาม
แต่น่าเศร้าที่ไม่มีใครทำได้สำเร็จ
ด้วยเหตุนี้ วิชาฝ่ามือลำแสงพิฆาตจึงกลายเป็นปริศนาตลอดมา
มันมีพลังโจมตีน่าหวาดกลัว
มีวิธีการใช้น่าสนใจ
บรรดาขุนนางใหญ่และจอมยุทธ์ชื่อดังจำนวนมาก จึงคาดเดาว่าเบื้องหลังหลินเป่ยเฉินจะต้องมีสำนักใหญ่ หรือไม่ก็ยอดฝีมือในตำนานสักคนคอยฝึกสอนเขาอยู่อย่างแน่นอน… แม้แต่อดีตเซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุนผู้เป็นอาจารย์ของเด็กหนุ่มอย่างเป็นทางการ ก็ไม่มีคุณสมบัติดีพอที่จะสอนวิชานี้ให้กับเขาได้ด้วยซ้ำ
บัดนี้ วิชาฝ่ามือลำแสงพิฆาตได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
มิหนำซ้ำ ผู้ใช้งานยังเป็นคนตาบอด
หรือคนตาบอดผู้นี้จะเป็นผู้ฝึกสอนหลินเป่ยเฉิน
ทันใดนั้น หลงเสี่ยวเถียนก็ล้มเลิกความคิดที่จะเผชิญหน้ากับคนตาบอดผู้นี้ไปทันที
“พวกเรารีบเชิญตัวใต้เท้าเฉินตงหยางมาเดี๋ยวนี้…”
หลงเสี่ยวเถียนร้องตะโกนสุดเสียง ในเวลาเดียวกันนี้ ก็พยายามตะเกียกตะกายหลบหนีเข้าไปในกลุ่มคนดูอย่างไม่คิดชีวิต
หลงเสี่ยวเถียนสามารถหลบหนีเข้าไปอยู่ด้านหลังค่ายอาคม ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเป็นเกราะกำบังยามเกิดเหตุฉุกเฉินข้างลานประหารได้สำเร็จ
“ส่งพวกนางออกไป”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมาสั่งงานเฉียนเหมยโดยไม่ยิงปืนไล่ตามใต้เท้าหลงไปให้เปลืองกระสุนอีก
“รับทราบเจ้าค่ะ นายท่าน”
เฉียนเหมยเลียนแบบวิธีของหลินเป่ยเฉินด้วยการจับแขนเด็กชายและเด็กหญิงข้างละคน ก่อนจะหมุนตัวและโยนพวกเขาออกไปในอากาศ
เด็กน้อยทั้งสองร่วมมือด้วยความไม่เต็มใจ ถึงพวกเขาจะส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นกลัว แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด
ห่างออกไปหลายลี้
ปรากฏผู้คนกระโดดขึ้นมารับตัวเด็กน้อยทั้งสองเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ
“เหวอ…”
คราวนี้หญิงสาวผู้เป็นมารดาส่งเสียงร้องอุทานออกมาบ้าง
นางก็ถูกเฉียนเหมยจับโยนออกไปเช่นกัน
เจ้าหน้าที่มือปราบระดับสูงคนหนึ่งพยายามกระโดดขึ้นไปเพื่อขัดขวางการหลบหนี
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นลั่นกระสุนอีกครั้ง
ม่านหมอกเลือดสาดกระจายบนท้องฟ้า
เจ้าหน้าที่มือปราบร่วงตกลงมาจากกลางอากาศเหมือนนกพิราบตัวหนึ่ง
หลังจากนั้น ปรากฏเงาร่างสองสายพุ่งตัวขึ้นจากกลางอากาศ พวกเขาต่อสู้กันไม่กี่กระบวนท่า ฝ่ายหนึ่งก็เป็นผู้ชนะ และสามารถรับตัวหญิงสาวแม่ลูกสองไว้ในอ้อมแขนได้ทันเวลา…
หลินเป่ยเฉินต้องเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย
เพราะเงาร่างสองสายที่ต่อสู้กันเมื่อสักครู่นี้ ดูเหมือนจะเป็นฉู่เหินกับหลิวฉีไห่นั่นเอง
น่าสนใจแฮะ
อาจารย์อาวุโสทั้งสองท่านนี้ ตอนเขากับเฉียนเหมยโยนท่านผู้ว่าฉุยหรือเด็กน้อยทั้งสองคนนั้นออกไป พวกท่านไม่ได้สนใจช่วยเหลือผู้คนสักนิด
แต่พอโยนแม่เด็กที่ยังสาวยังสวยออกไปบ้าง ถึงกับแย่งชิงจนชกต่อยกันเชียวหรือ?
น่าอายจริงๆ
เฮ้อ
เหตุไฉนจึงได้บ้าผู้หญิงกันถึงเพียงนี้
หลินเป่ยเฉินส่ายหน้าด้วยความระอาใจ
เด็กหนุ่มถือปืนอยู่ในมือซ้าย ถือกระบี่อยู่ในมือขวา พุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ไม่ว่าเขาเคลื่อนกายไปตรงจุดใด เจ้าหน้าที่มือปราบในบริเวณนั้นก็จะต้องได้รับบาดเจ็บกันอย่างถ้วนหน้า
เมื่อเห็นเจิ้งกุยถูกสังหาร และหญิงสาวแม่ลูกสองได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย หลิวเฟยซูที่ยืนอยู่อีกฝั่งก็หยิบกระบี่ขึ้นมาแล้วเช่นกัน เขากำลังจะเดินเข้าหากลุ่มเจ้าหน้าที่มือปราบซึ่งคุมตัวลูกเมียของเขาเอาไว้
หลินเป่ยเฉินไม่เสียเวลาคิดมาก ยกมือขึ้นเหนี่ยวไกยิงอีกหลายนัด
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เจ้าหน้าที่มือปราบผู้ควบคุมตัวหลิวเฉิงเหนียนปรากฏรูโลหิตอยู่บนหน้าผาก เลือดไหลทะลักเนืองนองออกมาตอนที่พวกเขาล้มลงเสียชีวิต
“ช่วยลูกเมียของท่านเสร็จแล้ว ก็รีบหนีไปซะ”
หลินเป่ยเฉินพูด
หลิวเฟยซูวิ่งเข้าไปหาภรรยาและลูกๆ ของตนเองด้วยความดีใจ เขาปลดพันธนาการให้พวกนางพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณคุณชายบอดมากขอรับ…”
คุณชายบอดอะไรอีกล่ะเนี่ย!
ทำไมทุกคนถึงได้เห็นเขาเป็นคนตาบอดกันไปหมด
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น กลับเป็นหลิวเฉิงเหนียนที่จดจำหลินเป่ยเฉินได้ตั้งแต่เขาปรากฏตัวออกมา
แต่ครั้งนี้เด็กสาวเรียนรู้ที่จะทำตัวฉลาดแล้ว
ถึงในหัวใจนางจะรู้สึกดีใจมาก แต่เด็กสาวก็ปิดปากเงียบ เพราะกลัวว่าความตื่นเต้นที่มากเกินไปของตนเอง จะทำให้ตัวตนที่แท้จริงของหลินเป่ยเฉินถูกเปิดเผย
แต่สิ่งที่เด็กสาวคิดไม่ถึงเลยก็คือ ไม่กี่ลมหายใจต่อมา หลินเป่ยเฉินกลับเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเสียอย่างนั้น
วูบ!
กระบี่สีเงินในมือของเขาสะบัดไหว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าคือหลินเป่ยเฉิน เด็กหนุ่มผู้มีหน้าตาหล่อเหลาที่สุดในจักรวรรดิเป่ยไห่”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะและวิ่งเข้าไปหากลุ่มคนดู
เจ้าหน้าที่มือปราบที่แฝงตัวอยู่กับกลุ่มชาวบ้าน รีบแสดงตัวออกมาทันที
เมื่อพวกของหลิวเฟยซูเห็นดังนั้น พวกเขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป รีบตามติดเข้าไปเป็นกำลังเสริมของเด็กหนุ่มตาบอด
“หยุดพวกมันเอาไว้ หยุดพวกมันเอาไว้ให้กับข้า…”
ยิ่งหลงเสี่ยวเถียนเห็นว่าสถานการณ์เริ่มพลิกกลับตาลปัตร เขาก็ระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
จังหวะนั้น
“น่าขำสิ้นดี พวกเจ้าคิดจะหนีไปที่ใด?”
คลื่นพลังกดดันแผ่เข้ามาจากระยะไกล
เงาร่างผู้คนวูบไหว
ก้อนเมฆบนท้องฟ้ากระจายหายไปด้วยพลังคุกคามจากบุคคลผู้นี้
แรงกดดันหนักหน่วงราวกับจะทำให้ภูเขาถล่มทลาย
หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ
หรือว่ายอดฝีมือผู้มีพลังอยู่ในขั้นเซียน จะปรากฏตัวออกมาเพื่อจัดการเขาแล้ว?