เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 701 เจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าข้าคือใคร?
ตอนที่ 701 เจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าข้าคือใคร?
หลินเป่ยเฉินมองรูปภาพที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะต้องขมวดคิ้วใช้ความคิด
เขาอดรู้สึกสงสารธิดาอู๋ไห่จือตี้ขึ้นมาไม่ได้
ครั้งที่แล้วนางก็ถูกเทพีกระบี่หิมะไร้นามเล่นงานจนเป็นแผลที่แผ่นหลัง และเด็กหนุ่มสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเหตุผลที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามบุกไปโจมตีธิดาอู๋ไห่จือตี้ก็เป็นเพราะเขาเอง
ครั้งนี้ เทพีกระบี่หิมะไร้นามกลับแอบย่องเข้าไปทางด้านหลังปราสาทของธิดาอู๋ไห่จือตี้…
การมีเพื่อนบ้านเลวร้ายก็ถือเป็นเคราะห์กรรมชนิดหนึ่ง
แม้แต่อุจจาระในบ่อเก็บก็ยังถูกขโมยไปหมดสิ้น
หลินเป่ยเฉินไม่รู้เลยว่าทำไมเทพีกระบี่หิมะไร้นามถึงต้องขโมยสิ่งของปฏิกูลเช่นนี้ไปด้วย?
นางจะเอาไปทำปุ๋ย?
หรือว่าจะเอาไปศึกษาพฤติกรรมการกินและระบบการย่อยอาหารของธิดาอู๋ไห่จือตี้?
น่าเห็นใจเหลือเกิน
หลินเป่ยเฉินกดออกมาจากหน้าโปรไฟล์ของธิดาอู๋ไห่จือตี้และเปิดเข้าไปอ่านข้อความส่วนตัว
‘อิอิ เจ้าหมาบ้า บัดนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?’
‘เข้ามาคุยกันบ้างสิ’
‘นี่ เครื่องรางเทพเจ้าของข้า… ทำให้เจ้ามีสาวกเพิ่มมากขึ้นเลยใช่ไหมล่ะ?’
‘หุหุ เจ้าคงเอาไปใช้เป็นประโยชน์ได้มากเลยสินะ’
‘ลูกหมาป่าน้อยทั้งสองตัวของเจ้าน่ารักมาก ข้าส่งของขวัญเป็นปลาแห้งกับปลาหมึกแห้งไปให้เพิ่มเติมแล้ว อย่าลืมเอาไปให้พวกมันกินซะ…’
‘เฮ้อ น่าเบื่อชะมัดเลย’
‘ช่วงหลังการค้าขายของข้าเงียบเหงาที่สุด…’
‘ไม่รู้นะว่าใครเป็นคนไปปล่อยข่าวลือว่าในน้ำของข้ามีสารพิษ ทำให้บัดนี้ไม่มีลูกค้ากล้ามาซื้อน้ำของข้าอีกแล้ว…’
‘ใจคอเจ้าจะไม่กลับมาคุยกับข้าบ้างเลยหรืออย่างไร?’
‘บุรุษอย่างเจ้าเนี่ยนะ เดี๋ยวมาเดี๋ยวไปไม่บอกไม่กล่าว คิดจะคว้าหัวใจเทพธิดาอย่างพวกข้างั้นหรือ ฝันไปเถอะ’
นี่คือข้อความส่วนตัวทั้งหมดที่ธิดาอู๋ไห่จือตี้ส่งมาหาเขา
หลังจากอ่านข้อความเหล่านี้แล้ว หลินเป่ยเฉินก็นิ่งเงียบไปพักใหญ่
ครั้งสุดท้ายที่พูดคุยกัน ธิดาอู๋ไห่จือตี้ยังอาการไม่หนักถึงขั้นนี้
หลังจากอ่านข้อความส่วนตัวทั้งหมด หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เขาเรียบเรียงความคิดเล็กน้อย ก่อนจะพิมพ์ข้อความส่วนตัวส่งกลับไป ‘ขอโทษที พอดีช่วงนี้ข้าถูกตามล่า ไม่มีเวลามาพูดคุยกับท่านเลย ขอบคุณสำหรับปลาและปลาหมึกตากแห้ง เสี่ยวเอ้อร์กับเสี่ยวซาน… จะต้องชื่นชอบมากแน่ๆ’
หลินเป่ยเฉินไม่สามารถทำเป็นเมินเฉยต่อนางได้จริงๆ
เพราะเด็กหนุ่มรู้สึกว่าธิดาอู๋ไห่จือตี้ผู้นี้มีความวิกลจริตไม่แพ้ตนเอง
แน่นอนว่าความวิกลจริตของเขาเป็นการสวมบทบาทไปตามบุคลิกเจ้าของร่างเก่า
แต่ธิดาอู๋ไห่จือตี้อาจจะวิกลจริตจริงๆ ก็ได้
เกิดทำให้นางโมโหเดือดดาลขึ้นมา ธิดาอู๋ไห่จือตี้อาจออกคำสั่งให้ชาวทะเลไล่ล่าตามสังหารเขาก็เป็นได้
และหลินเป่ยเฉินจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
บัดนี้ เขาไม่ได้อยู่เพียงตัวคนเดียว หลินเป่ยเฉินมีผู้คนที่อยู่ภายใต้ความดูแลของเขามากมายนับไม่ถ้วน อีกอย่าง พวกเขากำลังจะลงหลักปักฐานอยู่ในนครเจาฮุย หากเกิดเหตุให้ต้องหลบหนีการไล่ล่าไปอยู่ที่อื่น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาลงทุนลงแรงสร้างมาทั้งหมดก็จะสูญสลายหายไปในพริบตา แน่นอนว่าเขาก็คงไม่สามารถทำภารกิจจากแอป Keep ได้สำเร็จอีกแล้ว
ดังนั้น หลังจากคิดไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ หลินเป่ยเฉินจึงได้คำตอบว่าตนเองควรหมั่นทำดีกับธิดาอู๋ไห่จือตี้อยู่เสมอ
เมื่อตอบข้อความเสร็จแล้ว เด็กหนุ่มก็เปิดกลับมาดูหน้าประวัติส่วนตัวของตนเอง และพบว่าเขาได้รับของขวัญเป็นปลาตากแห้งหกตัวกับปลาหมึกตากแห้งอีกสองตัว
หลินเป่ยเฉินจ้องมองด้วยดวงตาเป็นประกายแวววาว
ยิ่งจ้องมองมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกอยากลองชิมพวกมันสักคำ นั่นทำให้เขาต้องรีบเก็บปลาและปลาหมึกตากแห้งเหล่านั้นให้พ้นสายตาโดยเร็วที่สุด
หลินเป่ยเฉินนั่งดูดซับพลังจากศิลาบูชาต่อไป
นอกจากพลังลมปราณในร่างกายจะเพิ่มขึ้นแล้ว พลังจิตของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน
คัมภีร์การฝึกพลังจิตที่นักพรตหญิงชินเคยมอบให้เขาก่อนหน้านี้ ไม่สามารถใช้กับระดับพลังปัจจุบันของหลินเป่ยเฉินดังนั้น เขาจึงต้องรีบหาคัมภีร์ฝึกพลังจิตฉบับใหม่ให้ได้โดยเร็ว
ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
แค่เขาออกปากสักหน่อย ก็น่าจะมีคนนำมาประเคนให้ถึงที่แล้ว
โดยเฉพาะคัมภีร์ฝึกวิชาสำหรับผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นเซียน
หลินเป่ยเฉินมัวแต่ตั้งสมาธิอยู่กับความคิดในหัวมากเกินไป กว่าที่จะรู้สึกตัว ก็มีใครคนหนึ่งย่องมาถึงด้านหลังของเขาแล้ว
กลิ่นหอมบริสุทธิ์ลอยมาเตะจมูก
“โฮะๆๆ เจ้ามาก็ดีแล้ว ช่วยนวดไหล่ให้ข้าหน่อยสิ”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม
คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฉียนเหมย ซึ่งพักนี้พยายามเอาอกเอาใจเขาเป็นพิเศษ
หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่านางอยากจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตนเองในสายตาของเขาแทบแย่แล้ว
ดังนั้น ลมหายใจต่อมา ปีกกระบี่สีขาวบนแผ่นหลังของหลินเป่ยเฉินก็กางออกกว้าง หลินเป่ยเฉินก้มหน้ารับการนวดเค้นบริเวณต้นคอและหัวไหล่อย่างนุ่มนวล
หลินเป่ยเฉินส่งเสียงครางออกมาด้วยความพอใจ
แต่ไม่กี่ลมหายใจต่อมา มือของนางก็เย็นเฉียบผิดปกติ
“นี่ เฉียนเหมย ทำไมวันนี้มือของเจ้าเย็นจริง? เจ้าไม่สบายหรือ?”
หลินเป่ยเฉินอดถามออกไปไม่ได้
แต่บุคคลที่อยู่ด้านหลังไม่ตอบรับคำใดและยังคงนวดไหล่ให้เขาต่อไปดังเดิม
“เอ๋ เฉียนเหมย ทำไมวันนี้มือเจ้าหนักจัง…”
หลินเป่ยเฉินขยับต้นคอพร้อมกับพูดว่า “ฟังให้ดีนะ ข้าเคยบอกไปแล้วไงว่าการฆ่าฟันถ้าทำมากเกินไป เจ้าจะหมกมุ่นกับมันจนอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพักหลังเจ้าให้ความสนใจแต่การต่อสู้ จนความสามารถในการทำอาหารและการดูแลเจ้านายลดทอนลงไปหลายเท่า นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด แล้วในอนาคตข้างหน้า เจ้าจะสามารถออกเรือนได้อย่างไร…”
ผู้ที่นวดไหล่ให้เขายังคงไม่พูดคำใดออกมา
แต่มือที่เย็นเฉียบเคลื่อนไหวด้วยความคล่องแคล่ว ลูบไล้ไปตามหัวไหล่ของเขาด้วยสัมผัสชวนสยิวที่มีเสน่ห์ยั่วเย้าอย่างประหลาด
หลินเป่ยเฉินเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
เฉียนเหมยพยายามจะยั่วยวนเขาอีกแล้วหรือนี่?
ชักจะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะ
แต่ในจังหวะที่เด็กหนุ่มกำลังจะพูดอะไรออกมานั้นเอง แขนขาของเขาก็รู้สึกเย็นเฉียบขึ้นมาอย่างกะทันหัน หลินเป่ยเฉินพบว่าตนเองไม่สามารถควบคุมร่างกายได้อีกต่อไปแล้ว
แม้แต่พลังปราณธาตุทองคำในร่างกายก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน
แย่แล้ว
คนที่นวดให้เขาไม่ใช่เฉียนเหมย
หลินเป่ยเฉินพยายามกลอกตามองไปข้างหลัง
“เจ้า… เจ้าเป็นใคร?”
เขาถามออกมาเสียงดัง
“หึหึ…”
เสียงหัวเราะในลำคอที่น่าขนลุกดังตอบกลับมา
หลังจากนั้น เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็ค่อยๆ โน้มหน้าลงมากระซิบข้างหูหลินเป่ยเฉินว่า
“เจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าข้าคือใคร?”
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ
เสียงนี้มัน…
ใบหน้าของเด็กหนุ่มร้อนผ่าว
“โฮะโฮะ เจ้าคงรู้แล้วสินะว่าข้าเป็นใคร”
เส้นผมสีดำยาวสลวยตกลงมาปิดแก้มของหลินเป่ยเฉินทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมาเล็กน้อย
ลมหายใจหอมสดชื่นของนางไหลรินเข้ามาในรูจมูกของหลินเป่ยเฉิน
เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงก้อนเนื้อนุ่มๆ คู่หนึ่งซึ่งบดเบียดอยู่กับแผ่นหลัง และแล้ว แขนเรียวยาวขาวผ่องก็สอดเข้ามาโอบกอดเขาจากด้านหลัง
เยว่เว่ยหยาง!
นี่คือเสียงของเยว่เว่ยหยาง
ไม่ใช่สิ!
ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง ก็ต้องอธิบายว่านี่คือเสียงของเทพีกระบี่ต่างหาก
เอาแล้วไง
นางมาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ?
หลินเป่ยเฉินขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
จบกัน
ทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว
บัดนี้ ร่างกายของเขาไม่เหลือพลังที่จะต่อสู้กับนางได้อีก
ตายแน่
ตายแน่
ตายแน่ๆ!