เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 714 คู่ต่อสู้มีความอ่อนแอมากเกินไป
ตอนที่ 714 คู่ต่อสู้มีความอ่อนแอมากเกินไป
“อ้อ สรุปว่าพวกเจ้าจะฆ่าข้าสินะ?”
กงกงรู้ความหมายในคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว
ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดระเบิดเสียงหัวเราะลั่น “เจ้าเพิ่งจะรู้หรือ?”
แล้วกลุ่มชายฉกรรจ์เสื้อสีเทาก็พร้อมใจกันระเบิดเสียงหัวเราะเหยียดหยามเย้ยหยัน
เป็นคนขับรถม้าธรรมดายังไม่พอ
แต่ยังเป็นคนขับรถม้าที่โง่งมอีกด้วย
อย่าว่าแต่คนขับรถม้าคนหนึ่ง ต่อให้เป็นขุนนางใหญ่ พวกเขายังเคยฆ่าตายคาประตูตำหนักต้าหลงมาแล้ว
“ข้าขอแนะนำว่าพวกเจ้าอย่าทำเช่นนี้เลยดีกว่า”
สีหน้าของกงกงกลับมาเย็นชาอีกครั้งขณะพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความจริงใจ
“หืม?”
ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดยกมือลูบคลำใบหน้าที่บวมแดงของตนเอง “แล้วหากข้าไม่ฟังคำแนะนำของเจ้าเล่า?”
“งั้นเจ้าก็ต้องเสียใจ”
กงกงพูดเสียงเรียบ
“หึหึ คิดว่าเจ้านายของเจ้าจะมาแก้แค้นแทนเจ้าได้หรือ?”
ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดแสยะยิ้มราวกับได้รับฟังเรื่องตลก “เชื่อข้าเถิด สำหรับคนที่ได้เข้าไปในตำหนักต้าหลง หากเขาโชคดีพอที่สามารถรอดชีวิตกลับออกมาได้ คนผู้นั้นก็ไม่มีทางคิดแก้แค้นเด็ดขาด”
กงกงพูดน้ำเสียงเย็นชา “แต่ไม่ใช่กับเจ้านายของข้าแน่นอน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า… เอิ๊กเอิ๊ก”
ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไร้เดียงสาถึงเพียงนี้… พวกเราจับตัวมันซะ และทรมานมันให้ตายอย่างช้าๆ”
เขายกมือโบกสะบัด
มือปราบอินทรีธูมรณะสองคนยกมือขึ้นตะปบกรงเล็บเข้าใส่หัวไหล่ของกงกงพร้อมกัน
นับเป็นการลงมือที่รวดเร็ว
กรงเล็บของพวกเขาสามารถบดขยี้ได้แม้แต่ก้อนศิลา
ไม่ว่าอย่างไรกระดูกแขนของกงกงก็จะต้องแหลกสลายแน่นอน
“ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ฟังคำเตือนของข้าเลยนะ?”
กงกงไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามือปราบเหล่านี้จะต้องหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเพื่ออะไร
เขายกมือขวาขึ้นหมุนวนเป็นวงกลมด้วยความรวดเร็ว และลมหายใจต่อมา คนขับรถม้าประจำตัวหลินเป่ยเฉินก็สามารถสลัดกรงเล็บของมือปราบอินทรีธูมรณะทั้งสองคนนั้นได้อย่างง่ายดาย
กงกงมีร่างกายสูงใหญ่อุดมด้วยกล้ามเนื้อ แขนของเขาหมุนวนราวกังหันลม สามารถรับการโจมตีจากคู่ต่อสู้ทั้งสองได้ไม่ต่างจากบิดากำลังเล่นอยู่กับบุตรชายอายุสามขวบ
“หืม? ฝีมือใช้ได้เหมือนกันนี่…”
ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดยิ้มออกมาเล็กน้อย
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ลมหายใจต่อมา
กร๊อบ! กร๊อบ!
ได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก
ปรากฏว่าฝ่ามืออันแข็งแกร่งของกงกงกระแทกเข้าใส่ทรวงอกของมือปราบทั้งสองคน ส่งผลให้มือปราบทั้งสองนั้นล้มลงไปนอนหงายท้องอยู่บนพื้น
“หึ่ย หึ่ย…”
มือปราบทั้งสองส่งเสียงครางแปลกประหลาดออกจากลำคอคล้ายสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บ
แต่การตอบสนองของพวกเขารวดเร็วมาก มือข้างหนึ่งชักกระบี่ออกจากข้างเอว ก่อนจะหมุนตัวตีลังกาขึ้นมาและจี้แทงกระบี่ใส่หน้าอกและช่วงท้องของกงกง
ประกายกระบี่เย็นเฉียบ
ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่มือปราบซึ่งท่านเจ้าเมืองเหลียงหยวนเตาคัดเลือกมาด้วยตนเองทุกคน พวกเขาจึงมีความสามารถทนทานรับความเจ็บปวดได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังชำนาญการสังหารทุกรูปแบบ ต่อให้ข้อมือได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่ส่งผลต่อการต่อสู้แม้แต่น้อย มิหนำซ้ำ กลับยังทำให้เจ้าหน้าที่มือปราบเหล่านี้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นอีกด้วย
มีมือกระบี่จำนวนมากมายเคยปะทะฝีมือกับมือปราบอินทรีธูมรณะ และหากการต่อสู้ไม่ได้ยุติลงกลางคัน สุดท้ายมือกระบี่เหล่านั้นก็ต้องเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ
แต่ปฏิกิริยาตอบรับของกงกงก็รวดเร็วไม่แพ้กัน เขาโบกสะบัดหลังมือเร็วไว
เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!
สะเก็ดไฟสาดกระจาย กระบี่คุณภาพสูงทั้งสองเล่มหักกระเด็น
คมกระบี่ที่แตกหักกระเด็นย้อนกลับไปแทงใส่ทรวงอกเจ้าหน้าที่มือปราบทั้งสองคนนั้น
ร่างกายของพวกเขาหยุดชะงักยืนอยู่กับที่
กงกงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยกมือขึ้นกระแทกฝ่ามือตามไปติดๆ
ผลั่ก!
ร่างของมือปราบอินทรีธูมรณะทั้งสองจมหายลงไปใต้พื้นดิน ไม่ต่างไปจากตะปูที่ถูกค้อนทุบ
ศีรษะของพวกเขาห้อยพับจรดหน้าอก
โลหิตไหลทะลัก
หลังติดตามหลินเป่ยเฉินมาเนิ่นนาน กงกงก็ได้รับอิทธิพลรูปแบบการต่อสู้มาจากเด็กหนุ่มไม่ใช่น้อย ยามที่เขาเผชิญหน้ากับศัตรู กงกงไม่เคยมีคำว่าเมตตาปราณี
สำหรับการต่อสู้ ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าจิตใจที่มั่นคง
ต้องมั่นคงขนาดไหนกัน?
อย่างน้อยก็ต้องมั่นคงในระดับที่กงกงเป็นอยู่ขณะนี้
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทพเจ้า ขอเพียงศีรษะหักพับลงมาในรูปทรงนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเสียชีวิตแน่นอน
หลังจัดการคู่ต่อสู้เรียบร้อยแล้ว กงกงก็หันกลับมามองหน้าชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดและพูดว่า “ข้าบอกแล้วว่าเจ้าต้องเสียใจ”
บัดซบ!
ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดไม่สามารถปิดบังความตกตะลึงบนใบหน้าได้อีกต่อไป
ใบหน้าของเขากระตุกอย่างรุนแรง
ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดออกคำสั่งเสียงเข้ม “พวกเราร่วมกันลงมือโจมตี เมื่อสังหารมันได้แล้ว ข้าจะถลกหนังมันออกมาเป็นของที่ระลึก”
พรึบ!
เจ้าหน้าที่มือปราบอินทรีธูมรณะถลันกายเข้ามาโจมตีพร้อมกัน
มีสองคนถือกระบี่
มีสองคนซัดอาวุธลับ
มีสองคนโยนห่วงเหล็ก
มีสองคนใช้ควันพิษ
พวกเขาล้วนเป็นมือสังหารที่ไม่คำนึงถึงหลักการ ไม่ว่าจะใช้วิธีการใด ขอแค่ปฏิบัติตามคำสั่งได้สำเร็จก็พอแล้ว
พวกเขาใช้ทั้งอาวุธ ใช้ทั้งยาพิษ และใช้ทั้งกับดัก… แม้แต่มือปราบอินทรีธูมรณะที่เป็นสตรี ก็ยังสามารถใช้เรือนร่างของพวกนางกระทำได้ทุกอย่าง เพราะเป้าหมายของทุกคนคือการทำภารกิจให้สำเร็จ เนื่องจากหากปฏิบัติภารกิจล้มเหลว ถ้าพวกเขาไม่ถูกจับขังคุก ก็ต้องถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน
และอีกหนึ่งความสามารถพิเศษของมือปราบเดนตายเหล่านี้ก็คือการบุกโจมตีแบบกลุ่ม ต่อให้เป้าหมายมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย ก็เกรงว่าคงหลบหนีได้ยากลำบากแล้ว
แต่กงกงเป็นผู้ที่มีแขนกลเทพเจ้าดาวเหนือ
อดีตอันธพาลหนุ่มโคจรพลังลมปราณ
พลังลมปราณไหลเวียนลงไปที่แขนเหล็ก แล้วอาวุธทุกชนิดของฝ่ายตรงข้ามก็ถูกดูดเข้ามาแนบติดกับแขนเสื้อของเขา
ในเวลาเดียวกันนี้ ควันพิษทั้งสองสายก็ถูกดูดหายเข้าไปในฝ่ามือของกงกงหมดสิ้น
จังหวะนั้น ห่วงเหล็กทั้งสองได้ครอบลงมาบีบรัดร่างกายของชายหนุ่ม
นี่คือห่วงเหล็กที่มีความยืดหยุ่นสูง ท่านเจ้าเมืองเป็นคนคิดค้นพวกมันขึ้นมาด้วยตนเอง เมื่อห่วงเหล็กได้บีบรัดผู้ใดแล้ว ต่อให้มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ก็ไม่สามารถสลัดหลุด หากผู้ใดถูกห่วงเหล็กเหล่านี้พันธนาการ ก็ทำได้เพียงอย่างเดียวคือรอคอยความตายเท่านั้น
แต่กงกงสะบัดหัวไหล่ของตนเองเพียงเล็กน้อย
ห่วงเหล็กมรณะก็ระเบิดกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
กงกงสะบัดฝ่ามือออกมาอย่างต่อเนื่อง
ผลั่ก! ผลั่ก! ผลั่ก!
มือปราบที่ใช้กระบี่ลอยกระเด็นออกไป แขนขาหักงอผิดรูปผิดร่าง โลหิตสีแดงสดไหลทะลักออกปากออกจมูก เพียงมองดูก็รู้ว่าไม่มีทางรอดชีวิตอีกแล้ว
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
บัดนี้ เขารู้แล้วว่าตนเองทำผิดพลาด
ชายฉกรรจ์ผู้ไว้ผมจุกบนศีรษะคนนี้ไม่ได้เป็นเพียงคนขับรถม้าโง่งมคนหนึ่งเท่านั้น
แต่กลับเป็นยอดฝีมือที่มีพลังแข็งแกร่ง
กงกงไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามได้มีเวลาสำนึกเสียใจ
เขาโคจรพลังลมปราณลงไปที่แขนกลเทพเจ้าดาวเหนือ
วูบ!
อาวุธลับที่แนบติดอยู่กับแขนเสื้อพลันพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว
มือปราบเจ้าของอาวุธลับเหล่านี้ไม่ทันได้ตั้งตัว ม่านหมอกเลือดก็สาดกระจายออกมาจากร่างกายของพวกเขา
ในเวลาเดียวกันนี้ ควันพิษที่ถูกดูดหายเข้าไปในฝ่ามือของกงกง ก็ได้รับการฉีดพ่นกลับออกมาใส่ใบหน้าของมือปราบผู้ใช้ยาพิษเป็นอาวุธ เสียงร้องโหยหวนพลันดังกึกก้องทั่วบริเวณ แล้วใบหน้าของมือปราบทั้งสองคนก็เน่าเปื่อยเพราะถูกกรดพิษกัดกร่อนอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจ เนื้อหนังบนใบหน้าของชายฉกรรจ์ก็หลุดร่อนออกมาพร้อมกับโลหิตจำนวนมาก พวกเขาล้มลงดิ้นทุรนทุรายบนพื้นดิน ก่อนขาดใจตายในอีกไม่กี่อึดใจให้หลัง…
กงกงขยับเท้าก้าวปราดออกไปข้างหน้าด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด รังสีอำมหิตแผ่ออกจากร่างกายอีกครั้ง
ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดเป็นหัวหน้ากลุ่มมือปราบเหล่านี้
เขามีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ตอนปลาย ชำนาญเรื่องการสังหารมนุษย์ทุกรูปแบบ
ล้วนแต่เป็นวิธีสังหารที่โหดร้ายอำมหิต
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากงกง เขาก็ไม่กล้าเปรียบเทียบตนเองเป็นปีศาจร้ายอีกแล้ว
“เจ้านี่ต่างหากที่เป็นปีศาจร้าย”
ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดคิดด้วยความตกตะลึงและโกรธแค้น
แต่แววตาคุกคามของเขาไม่ส่งผลต่อจิตใจของกงกงแม้แต่น้อย
ไม่ทราบเลยว่าคนขับรถม้าผู้นี้ฝึกฝนวิชาใด ท่อนแขนจึงได้มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ระดับพลังลมปราณของเขาก็เพิ่มขึ้นสูง วิชาการต่อสู้สามารถใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการลงมือสังหารยังโหดเหี้ยมอำมหิตอีกด้วย
บัดนี้ ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดรู้สึกสำนึกเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆ
เขาไม่น่ามาหาเรื่องคนขับรถม้าผู้นี้เลย
“ช้าก่อน เรามาพูดคุยกันดีๆ ก็ได้ อย่ากระทำรุนแรงต่อกันอีกเลย…”
ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดพยายามเจรจา
แต่กงกงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาได้สำนึกเสียใจอีกแล้ว
เขาสะบัดฝ่ามือเพียงสามกระบวนท่า กระดูกสันหลังของชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดก็ส่งเสียงหักดังกร๊อบ
ก่อนที่จะล้มลงไปบนพื้นหิน
“เจ้า…”
ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดแขนขากระตุก รู้ชะตากรรมแล้วว่าตนเองกำลังจะต้องตายในอีกไม่ช้า
คนเราไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือว่าคนเลว ไม่ว่าจะมีจิตใจโหดร้ายอำมหิตเพียงใด สุดท้ายก็ต้องมีปลายทางอยู่ที่ความตายอยู่ดี
เขาจ้องมองกงกงด้วยความขมขื่น “เจ้าฆ่าพวกเรา เจ้าจะต้องเสียใจ นายน้อยของเจ้าจะต้องพบเจอกับหายนะไม่รู้จักจบสิ้น ฮ่าฮ่าฮ่า…”
บัดซบ!
พลันกระบี่เล่มหนึ่งแทงทะลุปากชายฉกรรจ์
กระบี่อยู่ในมือของกงกงที่ก้มหยิบขึ้นมาจากพื้นดิน เมื่อแทงเข้าไปในปากอีกฝ่ายแล้ว ถึงได้รู้ตัวว่านี่ไม่ใช่ตำแหน่งที่ควรแทง ดังนั้น อดีตอันธพาลหนุ่มจึงชักกระบี่กลับออกมาและแทงลงไปที่บริเวณหัวใจ
ชายฉกรรจ์เสื้อสามขีดจบชีวิตลงแต่เพียงเท่านี้
หลังจากนั้น กงกงเดินเข้าไปใช้กระบี่แทงลำคอเหล่ามือปราบอินทรีธูมรณะทีละคนจนครบถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้แกล้งสลบหรือแกล้งตาย แต่ทุกคนได้กลายเป็นซากศพไปแล้วจริงๆ
นี่คือครั้งแรกที่กงกงต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบหลังได้รับการติดตั้งแขนกลเทพเจ้าดาวเหนือ
มันทำให้เขารู้สึกว่า…
คู่ต่อสู้มีความอ่อนแอมากเกินไป
เป็นเพียงเศษสวะเช่นนี้ คิดอะไรอยู่ถึงได้มาหาเรื่องนายน้อยของเขา?
นับว่าพวกมันไม่กลัวตายเลยจริงๆ
กงกงนำจอบขุดดินออกมาจากถุงเก็บของวิเศษ และจัดการขุดหลุมขนาดใหญ่ในป่าข้างทาง ก่อนจะนำซากศพมือปราบทั้งหมดโยนลงไปกลบฝังในนั้น
เขาไม่ได้หวาดกลัวว่าจะมีใครมาพบศพ
แต่กงกงรู้สึกว่าหากปล่อยซากศพทิ้งอยู่ที่เดิม กลิ่นคาวเลือดจะลอยติดห้องโดยสารของรถม้า และจะทำให้คุณชายหลินเกิดอาการไม่สบายจมูกขึ้นมาได้
เมื่อกลบฝังซากศพเรียบร้อย กงกงก็เดินกลับมาประจำตำแหน่งอยู่ข้างรถมาดังเดิม ไม่ต่างจากรูปปั้นหินปราศจากอารมณ์ความรู้สึกตัวหนึ่ง
กงกงไม่รู้เลยว่าตนเองเป็นบุคคลแรกในรอบ 50 ปี ที่กล้าก่อเหตุสังหารมือปราบอินทรีธูมรณะถึงหน้าตำหนักต้าหลง ไม่เพียงเขาจะไม่หลบหนีเท่านั้น แต่คนขับรถม้ากลับยังมายืนรอคอยเจ้านายของตนเอง โดยไม่หวาดกลัวการแก้แค้นเลยสักนิดเดียว
…
ได้ยินเสียงฝีเท้าผู้คนเดินเข้ามา
เหลียงหยวนเตาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ
“เฮ้อ เมื่อสักครู่ข้าหงุดหงิดท่านมากเกินไป จนลืมสิ่งสำคัญไปเสียได้…”
หลินเป่ยเฉินถอดแว่นกันแดดออกและฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
เหลียงหยวนเตาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เจ้าลืมอะไร?”
หลินเป่ยเฉินขยับนิ้วมือเหมือนกำลังนับเงิน พูดด้วยสีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ “ข้าอยากจะบอกว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าเงินทองอีกแล้ว เหตุไฉนเราไม่มาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยเงินทองกันเล่า? ฮ่าฮ่าฮ่า ตราบใดที่ท่านว่าจ้างข้าในราคาที่สูงมากพอ อย่าว่าแต่ให้ไปสังหารเกาเฉิงฮั่นเลย ต่อให้ไปสังหารนักบวชเทวะข้าก็ทำได้”
เหลียงหยวนเตาไม่พูดคำใด
เขารู้สึกว่าตนเอง.. .ได้ค้นพบบุคคลที่เป็นคนประเภทเดียวกันแล้ว
เหลียงหยวนเตาต้องยอมรับเลยว่าหลินเป่ยเฉินสมองไม่ปกติ
ก็จะมีคนสมองปกติที่ไหนกลับมาเพื่อพูดจาเช่นนี้?
จะมีคนที่ดีๆ ที่ไหนกลับมาเพื่อขอเงินจากเขา?
“ไสหัวไปซะ” เหลียงหยวนเตาพูดเสียงเรียบ
ทันใดนั้น ลำแสงสายหนึ่งพุ่งวาบเข้ามาใจกลางห้อง พร้อมกับได้ยินเสียงผู้คนกล่าวว่า “กราบเรียนนายท่าน เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของคุณชายซือมู่ขอรับ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเด็กสาวที่นายท่านสั่งให้จับตัวมารับประทาน คุณชายถึงกับสังหารมือปราบอินทรีธูมรณะที่ไปคุมตัวนางแล้ว… เอ๊ะ”
ผู้ที่ยืนอยู่ใจกลางห้องในขณะนี้ก็คือขันทีเฒ่านั้นเอง
เขารายงานออกมาได้ครึ่งทาง สายตาจึงได้เหลือบไปเห็นหลินเป่ยเฉินที่ยืนอยู่ในเงามืด หลังจากนั้น ขันทีเฒ่าก็ปิดปากเงียบไปทันที