เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 724 ปาฏิหาริย์ในพิธีเปิดสถานศึกษา
เหลียงซือมู่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้เห็นบิดาของตนเองมาที่พิธีเปิดสถานศึกษาในวันนี้
ทุกครั้งที่เท้าของเหลียงหยวนเตาก้าวขึ้นไปบนเวทีด้วยการประคองของขันทีเฒ่า หัวใจของเหลียงซือมู่ก็รู้สึกหนักอึ้งราวกับมีค้อนอันหนักหน่วงทุบตีลงมา
เป็นเวลาอึดใจใหญ่ที่สมองของเขาว่างเปล่า
ก่อนที่ความหวาดกลัว ความตกตะลึงและความเหลือเชื่อ…
จะครอบงำจิตใจ
เหลียงซือมู่มีความปรารถนาที่จะหันหลังกลับและหลบหนีออกไปโดยทันที
ทำไมกันนะ?
ทำไมท่านพ่อต้องมาที่นี่ด้วย?
ดูเหมือนว่าพิธีเปิดสถานศึกษาในวันนี้จะมีคนใหญ่คนโตได้รับเชิญมามากมาย
เจ้าหน้าขาวหลินเป่ยเฉินมีความหาญกล้าถึงขนาดเชิญบิดาเขามาเชียวหรือ?
เหลียงซือมู่ทราบดีว่าด้วยรูปกายที่อัปลักษณ์ของบิดา ท่านจึงปฏิเสธการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนตลอดมา
และมีเพียงเหล่าขุนนางที่เชื่อใจได้เท่านั้น ถึงจะสามารถเชิญบิดาของเขาให้มาร่วมงานเลี้ยงได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เคยมีงานเลี้ยงครั้งหนึ่งที่เมื่อจบงานแล้ว ครอบครัวของเจ้าภาพก็หายสาบสูญไปตลอดกาล…
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินกลับเชิญบิดาของเขาให้มาปรากฏตัวบนเวทีท่ามกลางการจ้องมองของผู้คนจำนวนมหาศาล…
นี่มัน…
ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว
เหลียงซือมู่ยืนตัวสั่นเทาอยู่ในกลุ่มผู้คน
ไม่นานหลังจากนั้น เมื่อเด็กหนุ่มหายจากอาการตกตะลึง เขาก็ต้องปากอ้าตาค้างมากกว่าเดิม
เพราะนั่นเป็นจังหวะที่เหลียงซือมู่เห็นเกาเฉิงฮั่นในชุดขาวปรากฏตัวขึ้นบนเวทีเช่นกัน
เหลียงซือมู่ไม่อยากเชื่อสายตาเลยจริงๆ
แม้แต่ผู้มีพลังระดับเซียนซึ่งปกติจะเก็บตัวอยู่ในเมืองชั้นในก็ยังมาร่วมงานด้วยหรือนี่?
เป็นไปได้อย่างไร…
เหลียงซือมู่ทราบดียิ่งกว่าใครว่าบิดาของตนเองกับยอดฝีมือระดับเซียนผู้นี้เป็นศัตรูกันอย่างไม่เป็นทางการ และนี่ก็คงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มาพบหน้ากันด้วยซ้ำ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ยามที่กองทัพชาวทะเลบุกมาโจมตีกำแพงเมือง เหลียงหยวนเตากับเกาเฉิงฮั่นจะต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตนเอง และไม่เคยร่วมมือกันรับมือศัตรูแม้แต่ครั้งเดียว
แต่พิธีเปิดสถานศึกษาของหลินเป่ยเฉินในวันนี้ กลับสามารถทำให้เหลียงหยวนเตาและเกาเฉิงฮั่นขึ้นมายืนอยู่บนเวทีเดียวกันได้จริงๆ
เหลียงซือมู่รู้สึกเวียนหัวตาลาย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็นกลายเป็นภาพเหนือจริงไปทั้งหมด
นี่เขากำลังฝันอยู่ใช่หรือไม่?
เด็กหนุ่มหยิกแขนตัวเองเพื่อหาคำตอบ
เขารู้สึกเจ็บปวด
ถึงผู้คนโดยรอบจะไม่ได้มีปฏิกิริยารุนแรงเหมือนเหลียงซือมู่ แต่พวกเขาก็ต้องส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ และคลื่นเสียงของคำอุทานเหล่านั้นก็แผ่ขยายออกไปไกลราวกับคลื่นสึนามิ
นี่คือครั้งแรกที่เหล่าผู้อพยพได้เห็นหน้าท่านเจ้าเมือง
นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นหน้าผู้มีพลังระดับเซียน
นอกจากนั้น ยังมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่อีกหลายคนที่เดินขึ้นมาบนเวที และเข้าไปจับไม้จับมือทักทายหลินเป่ยเฉินด้วยความเป็นมิตร…
เหล่าผู้อพยพอาจจะมองไม่ออกว่าการกระทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
แต่สำหรับกับเหลียงซือมู่ เขาตกตะลึงจนแทบจะเสียสติแล้ว
เด็กหนุ่มย่อมรู้ดีกว่าผู้ใดว่าโฉมหน้าที่แท้จริงของขุนนางใหญ่เหล่านี้มีความโหดร้ายอำมหิตเพียงใด แต่บัดนี้ ทุกคนกลับปั้นหน้ายิ้มแย้ม ไม่ต่างไปจากเพื่อนบ้านนิสัยดีคนหนึ่ง
เรื่องนี้มีเหตุผลอธิบายเพียงข้อเดียวเท่านั้น
พวกเขาเกรงใจหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินสามารถทำได้อย่างไร?
ในขณะที่เหลียงซือมู่ยังตกอยู่ในความตะลึงงันนั้น พิธีเปิดสถานศึกษาก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
หลินเป่ยเฉินเริ่มจากการแนะนำตัวท่านเจ้าเมืองและแม่ทัพเกาให้พวกผู้อพยพได้รู้จัก หลังจากนั้นก็ตามด้วยเหล่าขุนนางใหญ่ที่เข้ามาร่วมงานในวันนี้ ซึ่งทำให้เสียงอุทานดังกังวานจากกลุ่มฝูงชนอีกครั้ง
ไม่มีใครจินตนาการเลยว่าพิธีเปิดสถานศึกษาในค่ายผู้อพยพ จะมีบรรยากาศที่ยิ่งใหญ่และมีความน่าตกตะลึงมากกว่างานบูชาวิหารเทพีกระบี่ประจำปีของนครเจาฮุยเสียอีก
“ข้าขอรับปากกับทุกท่านเลยว่าอีกไม่นาน สถานศึกษากระบี่หยุนเมิ่ง จะต้องกลายเป็นสถาบันกระบี่รุ่นเยาว์ที่ดีที่สุดของมณฑลเฟิงอวี่ หรืออาจจะดีที่สุดในจักรวรรดิเป่ยไห่ก็เป็นได้ ศิษย์ที่เรียนจบจากสถานศึกษาแห่งนี้จะต้องเป็นมือกระบี่ที่ยอดเยี่ยม เป็นสุดยอดนักสร้างค่ายอาคม เป็นนักหลอมโอสถมือฉมัง…”
หลินเป่ยเฉินยืนพูดอยู่บนเวทีด้วยความตื่นเต้น
“หลายคนเคยบอกข้าว่าสถานศึกษากระบี่ในค่ายผู้อพยพเล็กๆ อย่างนี้ ทำไมต้องทุ่มเงินสร้างจำนวนมากมายมหาศาลถึงเพียงนี้ด้วย เหตุไฉนจึงต้องก่อสร้างอาคารการเรียนให้หรูหราโอ่อ่า..”
“เหอเหอเหอ…”
“แต่คนเหล่านั้นไม่รู้อะไรเสียแล้ว”
“สิ่งที่ข้ากำลังจะสร้าง ไม่ใช่สถานศึกษาสำหรับผู้อพยพ ไม่ใช่สถานที่ดาษดื่นทั่วไป แต่เป็นสถานศึกษาที่ดีที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์จักรวรรดิต่างหาก ข้าอยากจะทำให้สถานศึกษาแห่งนี้เป็นเทียนไขส่องทางอัจฉริยะ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ที่มีพรสวรรค์ได้รีดเค้นศักยภาพของตนเองออกมาอย่างดีที่สุด…”
“นี่จึงเป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใดข้าถึงลงทุนไปกับสถานศึกษาแห่งนี้ถึงสิบล้านเหรียญทองคำ”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าสามารถรับปากได้เลยว่าสถานศึกษากระบี่หยุนเมิ่งจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น นี่คือยอดปลายสุดของภูเขาน้ำแข็งจากสิ่งที่ข้ากำลังจะสร้างทั้งหมด แผนการต่อไปหลังจากนี้ ข้าจะสร้างสำนักกระบี่ระดับสามัญหยุนเมิ่ง รวมไปถึงสำนักกระบี่ระดับพิเศษหยุนเมิ่งด้วยเช่นกัน และสถานศึกษาเหล่านั้นจะถูกก่อตั้งอยู่โดยรอบ…”
ทุกประโยคที่เด็กหนุ่มพูดออกมา สามารถทำให้ผู้คนอุทานด้วยความตกตะลึงได้ทุกครั้ง
ชาวเมืองหยุนเมิ่งจำนวนนับไม่ถ้วนมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป
เช่นเดียวกับกลุ่มผู้อพยพที่เบิกตาโตด้วยความตื่นเต้น
แม้แต่ผู้มาเยือนจากพื้นที่เขตสามและเขตสี่ ก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้เช่นกัน
หลินเป่ยเฉินวางแผนจะก่อสร้างยอดสถานศึกษาในพื้นที่เขตสองอย่างนั้นหรือ?
หากเป็นในอดีตมีใครสักคนพูดเรื่องนี้ออกมา คนผู้นั้นถ้าไม่ยึดถือเป็นบุคคลเสียสติ ก็คงต้องเป็นขอทานร่อนเร่ที่ดื่มสุรามากเกินไป…
แต่วันนี้ เมื่อทุกคนได้เห็นการปรากฏตัวของท่านเจ้าเมือง เช่นเดียวกับแม่ทัพเกาเฉิงฮั่น รวมถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนอื่นๆ ของนครเจาฮุย ต่อให้เป็นผู้ที่เชื่อถือคำพูดของผู้อื่นยากที่สุด ก็คงต้องเริ่มคล้อยตามบ้างแล้ว
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ช่วยยืนยันคำพูดของหลินเป่ยเฉินได้เป็นอย่างดี
หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อไปว่า “ข้ารู้ว่าคงมีคนมากมายย่อมไม่อยากเชื่อ พวกท่านไม่เชื่อข้าไม่เป็นไรหรอก แต่พวกท่านจะไม่เชื่อถือท่านเจ้าเมืองเหลียงเชียวหรือ พวกท่านจะไม่เชื่อถือแม่ทัพเกา ยอดฝีมือผู้มีพลังระดับเซียนได้อย่างไร?”
“แน่นอนว่านั่นรวมถึงแขกรับเชิญคนพิเศษที่ยังไม่ได้ปรากฏตัวด้วยเช่นกัน”
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ
เขายกมือข้างหนึ่งชี้ขึ้นบนท้องฟ้า “ณ เวลาต่อจากนี้ไป นี่จะเป็นช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์ เทพีกระบี่ผู้อยู่บนดินแดนทวยเทพ กำลังจะส่งลำแสงวิเศษลงมาอวยพรให้แก่สถานศึกษากระบี่หยุนเมิ่งของพวกเรา”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยเสียงหนักแน่นจริงจัง
ประโยคนี้ของเขาทำให้หัวใจทุกคนกระตุกวูบ
แค่เชิญเหลียงหยวนเตากับเกาเฉิงฮั่นให้มาร่วมงานได้ก็ถือว่าน่าตกตะลึงมากแล้ว
แต่ยังมีลำแสงวิเศษจากเทพีกระบี่อีกหรือ?
นี่คือพิธีเปิดสถานศึกษาธรรมดา เหตุไฉนเทพีกระบี่ต้องให้ความสนใจด้วย
นั่นหมายความได้เพียงอย่างเดียวว่าหลินเป่ยเฉินไม่ใช่บุคคลธรรมดาจริงๆ
ท่ามกลางเสียงร้องอุทานด้วยความตื่นเต้นของกลุ่มผู้คน ท้องฟ้าที่แจ่มใสก็พลันปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า…
“นั่นมัน…”
“ลำแสงประทานพรจากเทพีกระบี่”
“ฮื่อ นี่คือลำแสงประทานพรจริงๆ ด้วย”
“ข้าเคยได้ยินข่าวลือมาว่าคุณชายหลินเคยเป็นหัวหน้านักบวชด้วยนี่นา”
“สถานศึกษาที่ได้รับการประทานพรจากเทพีกระบี่จะต้องโด่งดังคับฟ้าแน่นอน”
“แต่ตอนที่พวกชาวทะเลมาปิดล้อมเมืองพวกเรา ไม่เห็นเทพีกระบี่จะแสดงอภินิหารอะไรสักอย่าง”
“นี่ เงียบไปเลยนะ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้วิพากษ์วิจารณ์เทพเจ้า”
เสียงโห่ร้องของผู้คนดังกึกก้องสะท้านฟ้า
ลำแสงจากเส้นขอบฟ้ายิงตรงมายังรูปปั้น ‘วิหคแห่งความรู้’ ซึ่งตั้งอยู่หน้าประตูสถานศึกษากระบี่หยุนเมิ่ง ก่อเกิดเป็นแสงสว่างไสวเจิดจ้า
แล้วทันใดนั้น รูปปั้นนกก็กระพือปีกราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต พลังจากปีกของมันแผ่กระจายไปทั่วสถานศึกษา
เห็นดังนั้น เหลียงหยวนเตากับเกาเฉิงฮั่นก็สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
นับว่าเงินหนึ่งแสนเหรียญทองคำของเขาไม่สูญเปล่า
เทพีกระบี่หิมะไร้นามสามารถพึ่งพาได้เสมอเมื่อมีเงินจ้างนาง
หลังจากได้รับแสงประทานพรจากเทพีกระบี่แล้ว สถานศึกษากระบี่หยุนเมิ่งก็จะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมือง
และราคาที่ดินซึ่งอยู่รอบๆ สถานศึกษาก็จะต้องพุ่งขึ้นสูงด้วยเช่นกัน
ฮ่าฮ่าฮ่า
นอกจากลูกหลานของผู้อพยพทั้งในและนอกค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่งจะได้เข้าเรียนในสถานศึกษากระบี่แห่งนี้แล้ว หลินเป่ยเฉินก็วางแผนที่จะทำให้ผู้คนในพื้นที่เขตสามและเขตสี่ส่งบุตรหลานมาเรียนที่สถานศึกษาของเขาด้วยเช่นกัน สำหรับคนกลุ่มนั้น หลินเป่ยเฉินตั้งใจปรับราคาค่าเล่าเรียนให้สูงขึ้นเป็นพิเศษ… และใช้เวลาเพียงไม่นาน หลินเป่ยเฉินก็มั่นใจว่าตนเองจะต้องถอนทุนคืนได้สำเร็จแน่นอน
อีกเพียงนิดเดียว ภารกิจจากแอป Keep ก็จะสำเร็จแล้ว
แต่ในทันใดนั้น บางสิ่งบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น
บังเกิดลำแสงสว่างพุ่งขึ้นมาจากทิศทางอันเป็นที่ตั้งวิหารเทพีกระบี่ประจำเมืองเจาฮุยซึ่งอยู่บนยอดเขา มวลอากาศรอบกายปั่นป่วน ก่อนที่ลำแสงนั้นจะถูกยิงมายังรูปปั้นเทพีกระบี่ซึ่งตั้งอยู่หน้าประตูสถานศึกษาอีกจุดหนึ่ง
นี่ก็คือลำแสงประทานพรเช่นกัน
แถมยังมีความสว่างไสวมากกว่าเดิมอีกด้วย
รูปปั้นเทพีกระบี่ตัวนั้นระเบิดแสงสว่างเจิดจ้า ไม่ต่างจากองค์เทพีผู้สูงส่งได้มายืนอยู่ตรงนี้จริงๆ
“เอ๋ ลำแสงประทานพรครั้งที่สอง”
“นี่ก็คือแสงประทานพรจากเทพีกระบี่เหมือนกันไม่ใช่หรือ”
“ดูท่าท่านเทพีคงจะรักสถานศึกษาแห่งนี้มากเลยสินะ”
“ไม่ได้การแล้ว ข้าจะย้ายลูกของข้ามาเรียนที่นี่ให้หมด ในเมื่อเราเป็นเพื่อนบ้านกัน และเจ้าเองก็มีลูกชายรุ่นราวคราวเดียวกับข้า เพราะฉะนั้น ข้าขอแนะนำให้เจ้ารีบย้ายโรงเรียนให้บุตรชายดีกว่า โอกาสดีเช่นนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เกิดพลาดโอกาสขึ้นมาแล้วจะหาว่าข้าไม่เตือน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า จะบอกอะไรให้นะ ข้าย้ายโรงเรียนให้ลูกข้าก่อนเจ้าเสียอีก”
เกิดเสียงอุทานและการพูดคุยดังขึ้นในกลุ่มผู้คน
หลินเป่ยเฉินเองก็ถึงกับตกตะลึงแล้วเช่นกัน
เกิดอะไรขึ้น?
เขาจ้างให้ยิงลำแสงแค่ครั้งเดียวนี่นา
แล้วลำแสงที่สองนี่มัน…
หืม?
ลำแสงพุ่งออกมาจากทิศทางของวิหารเทพีกระบี่ประจำเมืองเสียด้วย
หรือว่าจะเป็นฝีมือของเยว่เว่ยหยาง?
เด็กสาวผู้เป็นเทพีกระบี่กลับมาเกิดใหม่ก็มอบลำแสงประทานพรให้แก่เขาด้วยเช่นกันหรือ?
หึหึ
ตอนที่ทำสงครามสวาทอยู่บนเตียง จะพูดอะไรสักคำหลินเป่ยเฉินยังไม่มีโอกาส แล้วเขาจะไปรบกวนนางเรื่องลำแสงประทานพรได้อย่างไร
ถึงจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันทุกคืนเป็นเวลานับเดือน แต่เยว่เว่ยหยางก็ยังคงมีท่าทีเย็นชาเสมือนพร้อมที่จะสลัดเขาทิ้งได้ทุกเมื่อ
ทว่าบัดนี้…
หรือว่าจะเป็นเพราะความรักที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว?
หลินเป่ยเฉินบอกไม่ได้เลย
เยว่เว่ยหยางต้องการสิ่งใดกันแน่?
เด็กหนุ่มยกมือเกาหัว รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในเหตุการณ์ครั้งนี้
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่แปลกประหลาดมากกว่านี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง
เพราะลมหายใจต่อมา ทุกคนก็ต้องส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่พบเห็น