เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 756 โลกนี้มีคนที่ดีงามเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?
ตอนที่ 756 โลกนี้มีคนที่ดีงามเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?
เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ครวญครางของสองพ่อลูกตระกูลเฉียน หลินเป่ยเฉินก็ทั้งตกตะลึงและโกรธแค้นในเวลาเดียวกัน
เหลียงหยวนเตานับว่าเป็นคนวิกลจริตโดยสมบูรณ์
ถึงกับกล้าไล่ล่าฆ่าล้างตระกูลเฉียน
ขนาดตระกูลเฉียนซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ในนครเจาฮุยก็ยังไม่อยู่ในสายตาของชายอ้วนผู้วิปริต…
หลินเป่ยเฉินจึงรู้ดีว่าตนเองก็คงไม่อยู่ในสายตาของเหลียงหยวนเตาเช่นกัน
เพราะฉะนั้น เขาต้องรีบชิงลงมือ
เนื่องจากเหลียงหยวนเตาชั่วร้ายไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าเจ้าเมืองจอมโหดกำลังคิดจะทำอะไรอีก
“พวกท่านสองพ่อลูกอย่าได้กังวลใจไปเลย เรื่องนี้ข้าไม่มีทางปล่อยผ่านไปเฉยๆ เด็ดขาด”
หลินเป่ยเฉินช่วยประคองสองพ่อลูกตระกูลเฉียนลุกขึ้นยืนช้าๆ “ครอบครัวของพวกท่าน ก็เหมือนครอบครัวของข้า ได้โปรดวางใจ วันพรุ่งนี้ข้าจะคิดบัญชีแค้นกับเหลียงหยวนเตาให้แก่พวกท่านเอง ส่วนพวกมือปราบอินทรีธูมรณะที่มาดักรออยู่หน้าสถานศึกษานั้น… กงกง”
“นายท่านมีอะไรให้กงกงรับใช้ขอรับ?”
คนขับรถม้าร่างกำยำปรากฏตัวขึ้นมาราวกับเป็นภูตผีตนหนึ่ง
“ไปแจ้งต่อแม่ทัพเฉียนเหมย”
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่ง “บอกให้นางนำคนไปกวาดล้างมือปราบอินทรีธูมรณะเหล่านั้นออกจากพื้นที่เขตสองให้หมดสิ้น”
“รับทราบขอรับ”
กงกงหมุนตัวเดินกลับออกไปจากกระโจมด้วยความเงียบงัน
ในเวลาเดียวกันนี้ เมื่อสองพ่อลูกตระกูลเฉียนได้ยินคำสั่งของหลินเป่ยเฉิน พวกเขาก็ลืมส่งเสียงร้องไห้ครวญครางไปโดยทันที
การที่พวกเขามาขอความช่วยเหลือจากหลินเป่ยเฉินในครั้งนี้ สองพ่อลูกคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มจะกล้าแตกหักกับเหลียงหยวนเตาจริงๆ เฉียนซื่อและบุตรชายเพียงหวังใจให้หลินเป่ยเฉินช่วยคุ้มครองชีวิตของพวกเขาสองพ่อลูก รวมไปถึงชีวิตของบุตรีที่อยู่ในสถานศึกษากระบี่หยุนเมิ่งอีกสองสามคนก็พอแล้ว…
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเป่ยเฉินกลับมีจิตใจใหญ่โตถึงเพียงนี้
เพื่อแก้แค้นให้แก่ตระกูลเฉียน หลินเป่ยเฉินถึงกับยอมมีเรื่องกับเหลียงหยวนเตา
เฉียนซื่อและเฉียนซานเซิ่งมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความไม่อยากเชื่อ สำหรับความรู้สึกของสองพ่อลูกในขณะนี้ ใบหน้าของเด็กหนุ่มดูมีความหล่อเหลามากกว่าเดิมหลายเท่า และใบหน้าของเขาก็ฉายรัศมีความสว่างไสวออกมาราวกับเป็นเทพเจ้าบนโลกมนุษย์
โลกนี้มีคนที่ดีงามเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?
เฉียนซื่อเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่ทำงานรับราชการมาหลายสิบปี ตลอดการทำงานด้านการเมือง เขาไม่เคยพบเจอผู้ใดที่มีจิตใจรักในการ ‘ผดุงความยุติธรรม’ มากเท่ากับเด็กหนุ่มคนนี้อีกแล้ว แม้แต่เกาเฉิงฮั่นก็เทียบไม่ได้ เพราะขนาดยอดฝีมือที่มีพลังระดับเซียนผู้นั้น ก็ยังไม่กล้ามีปัญหาขัดแย้งกับเหลียงหยวนเตา
แต่นี่หลินเป่ยเฉินกล้าที่จะมีปัญหากับปีศาจหมูตอนเพื่อช่วยเหลือพวกเขา
เฉียนซื่อรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
น้ำตาแทบจะไหลออกมาด้วยความปลาบปลื้มอีกครั้ง
“กราบเรียนคุณชายหลิน นับแต่นี้เป็นต้นไป เฉียนซื่อขอสาบานต่อฟ้าดิน พวกเราตระกูลเฉียนจะจงรักภักดีต่อคุณชายไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ต่อให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ข้าน้อยก็จะขอต่อสู้เพื่อคุณชาย แม้ว่าจะต้องตายอย่างไร้แผ่นดินกลบฝังก็ตาม”
ชายชราสาบานด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เฉียนซานเซิ่งผู้ยืนอยู่ด้านข้างตอนแรกก็มีสีหน้าซาบซึ้งใจเช่นเดียวกัน แต่เมื่อได้ยินบิดากล่าวคำว่า ‘แม้ว่าจะต้องตายอย่างไร้แผ่นดินกลบฝัง’ ชายหนุ่มก็อดรู้สึกว่ามันฟังดูแปลกประหลาดพิกลไม่ได้
ทันใดนั้น เฉียนซื่อยังคงกล่าวต่อไปว่า “แต่ข้ารู้ดีว่าตนเองยังต่ำต้อยมากเกินไป เฉียนซื่อผู้นี้ไม่มีคุณค่ามากพอให้คุณชายแตกหักกับเหลียงหยวนเตาหรอกขอรับ ข้าน้อยยินดีออกไปข้างนอกเพื่อให้พวกมือปราบอินทรีธูมรณะจับกุมตัว และคำขอของเฉียนซื่อมีเพียงข้อเดียวเท่านั้น คือขอให้คุณชายหลินช่วยปกป้องคุ้มครองบุตรชายและบุตรสาวของข้าน้อยด้วย…”
“ไม่นะ ท่านพ่อ”
เฉียนซานเซิ่งหันกลับไปมองหน้าบิดา แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มเคยเข้าใจว่าบิดาของตนเองเป็นพวกขุนนางที่ซ่อนตัวอยู่หลังตำรา ลุ่มหลงในอำนาจเงินทอง และหวาดกลัวความตายยิ่งกว่าอะไรดี…
กล่าวโดยสรุปก็คือเฉียนซานเซิ่งคิดว่าบิดามีความอัปยศมากกว่าตัวเขาเองเสียอีก ยามเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตระกูลเฉียน บิดาย่อมต้องเอาตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรก
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…
ในสายตาของเฉียนซานเซิ่งขณะนี้ บิดาของเขาช่างดูยิ่งใหญ่และมีสง่าราศี
ไม่ต่างจากภูผาหินแกร่งที่ยืนท้าทายสายลมและสายฝนโดยไม่หวาดกลัว
“ลูกพ่อ…”
“ท่านพ่อ!”
“ลูกพ่อ”
“ท่านพ่อ!”
สองพ่อลูกตระกูลเฉียนเอาแต่ยืนเรียกกันไปมาอยู่อย่างนั้น พวกเขาน้ำตาไหลนองใบหน้า ทำให้ผู้คนที่นั่งประชุมอยู่ในกระโจมรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง
หลินเป่ยเฉินมองพ่อลูกคู่นี้ด้วยแววตาไร้อารมณ์
เดี๋ยวนี้เน้นขายดราม่าแล้วหรือไงเนี่ย?
เฉียนซื่อกับเฉียนซานเซิ่งจะซาบซึ้งใจอะไรนักหนา?
ที่เขาออกคำสั่งให้ไล่ล่าสังหารพวกมือปราบอินทรีธูมรณะเหล่านั้น ก็เพราะไม่อยากให้เหลียงหยวนเตาส่งคนมาลูบเหลี่ยมตนเองได้ง่ายๆ ต่างหาก
เขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นการแก้แค้นเพื่อตระกูลเฉียนเลยสักนิด
หากไม่ใช่เพราะว่าต้องการยั่วโมโหเหลียงหยวนเตา หลินเป่ยเฉินคงไม่มีทางสนใจปัญหาของพ่อลูกคู่นี้เด็ดขาด
แต่ในเมื่อไหนๆ ทุกคนเข้าใจเช่นนี้แล้ว หลินเป่ยเฉินก็มีแต่ต้องปล่อยเลยตามเลย
โดยเฉพาะเมื่อเห็นสองพ่อลูกมีความตื้นตันใจถึงเพียงนี้ เด็กหนุ่มก็จำเป็นต้องเล่นละครไหลตามน้ำ รับบทบาทพระเอกในสายตาของทุกคน ซึ่งมันก็เป็นงานถนัดของเขาอยู่แล้ว
มีใครบ้างไม่อยากได้รับความเคารพเทิดทูนจากผู้อื่น?
อีกไม่นาน พ่อลูกตระกูลเฉียนคงมีประโยชน์สำหรับเขา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่ๆ
หลินเป่ยเฉินขยับเท้าก้าวไปข้างหน้า จับมือเฉียนซื่อและเฉียนซานเซิ่งอย่างแนบแน่นพร้อมกับกล่าวว่า “ใต้เท้าเฉียนได้โปรดอย่าพูดเช่นนี้เลย พวกท่านเห็นหลินเป่ยเฉินคนนี้เป็นคนอื่นไกลหรืออย่างไร? มีใครบ้างไม่ทราบว่าหลินเป่ยเฉินรักในความยุติธรรมขนาดไหน? พวกมันรังแกท่านถึงเพียงนี้ แล้วข้าจะทนยืนดูอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร?”
“ข้าจะทำให้พวกมันรู้เองว่าคนของหลินเป่ยเฉินไม่ใช่ใครจะมารังแกกันได้ง่ายๆ ต่อให้พวกท่านมีสถานะต่ำต้อยยิ่งกว่าสุนัขข้างถนนในค่ายผู้อพยพ แต่พวกมันก็จะมารังแกพวกท่านตามอำเภอใจไม่ได้เด็ดขาด พวกมือปราบอินทรีธูมรณะน่ากลัวนักใช่ไหม? เดี๋ยวข้าจะทำให้พวกมันได้รู้เองว่า ใครกันแน่ที่น่ากลัวมากกว่ากัน เรามาดูกันเถอะว่าเมื่อพวกท่านอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเด็กหนุ่มผู้มีหน้าตาหล่อเหลาเป็นอันดับหนึ่งในนครเจาฮุยอย่างหลินเป่ยเฉินคนนี้ ยังจะมีผู้ใดกล้ามารังแกพวกท่านอีกหรือไม่?”
สองพ่อลูกตระกูลเฉียนรู้สึกตื้นตันใจจนพูดอะไรไม่ออก
บรรดายอดฝีมือผู้ติดตามของหลินเป่ยเฉินก็ถึงกับตกตะลึงในคำพูดของเด็กหนุ่มเช่นกัน
พวกเขาคิดไม่ผิดเลยที่เลือกติดตามเด็กหนุ่มผู้นี้
เหลียงหยวนเตาผู้มีสถานะเป็นถึงผู้ว่าการมณฑล หาได้มีค่าอันใดไม่ในสายตาของหลินเป่ยเฉิน
หากไม่มีหลินเป่ยเฉินสักคน เกรงว่าผู้อพยพหลายล้านชีวิตในพื้นที่เขตสอง ถ้าไม่แข็งตายเพราะความเหน็บหนาว ก็คงต้องเสียชีวิตด้วยความอดอยาก เด็กน้อยจะไม่มีอาหารรับประทาน ภรรยาจะถูกขายให้แก่หอนางโลม และเขตที่พักพิงสำหรับผู้อพยพก็จะมีสภาพไม่ต่างไปจากนรกบนดิน
หลินเป่ยเฉินแอบชำเลืองมองสีหน้าของทุกคนที่อยู่รอบโต๊ะประชุม พลัน เด็กหนุ่มก็รู้ได้ทันทีว่าการแสดงของเขาประสบผลสำเร็จ
ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงรีบกล่าวย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “วันนี้พวกมือปราบอินทรีธูมรณะถึงกับกล้าพาคนบุกมายังค่ายผู้อพยพของพวกเรา นี่หมายความว่าพวกมันไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาใช่หรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ประเสริฐ วันนี้ข้าจะสังหารพวกมันให้หมด และวันพรุ่งนี้ หากเหลียงหยวนเตาไม่สามารถมอบคำอธิบายที่น่าพอใจออกมาได้ ข้าจะสั่งให้มันมาคุกเข่าขอโทษตระกูลเฉียนของพวกท่าน และตำนานความโหดร้ายอำมหิตของท่านเจ้าเมืองหมูตอนปีศาจก็จะสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้”
เฉียนซื่อกับเฉียนซานเซิ่งเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
ตะ…ต้องทำกันถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?
เพื่อช่วยแก้แค้นให้แก่พวกเขา หลินเป่ยเฉินถึงกับคิดสังหารเหลียงหยวนเตา?
คณะผู้ติดตามรอบโต๊ะประชุมก็หันมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความตกตะลึงไม่แพ้กัน
หากเด็กหนุ่มคิดทำเช่นนั้นจริงๆ มันก็กลายจะเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
ไม่ใช่เรื่องใหญ่ธรรมดา แต่เป็นเรื่องใหญ่ที่สามารถสั่นสะเทือนโลกได้ทั้งใบด้วยซ้ำ
ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเป่ยเฉิน ทุกคนกลับไม่รู้เช่นกันว่าเพราะเหตุใด ตนเองถึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล!!