เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 769 หญิงงามที่คู่กับสัตว์เลี้ยงน่ารัก
ตอนที่ 769 หญิงงามที่คู่กับสัตว์เลี้ยงน่ารัก
ยอดฝีมือผู้มีพลังขั้นยอดปรมาจารย์จำนวน 14 คนปรากฏตัวออกมาพร้อมหน้าพร้อมตา พวกเขาปลดปล่อยพลังลมปราณหนาแน่น ขณะก้าวเดินออกมาข้างหน้า รอรับคำสั่งอยู่หน้าต้นสนสูงใหญ่ของหลินเป่ยเฉิน
การปรากฏตัวของยอดฝีมือเหล่านี้ทำให้บรรดาขุนนางใหญ่และเจ้าสำนัก รวมไปถึงมหาเศรษฐีจากในตัวเมืองที่รวมตัวอยู่หน้าค่ายที่พัก ออกอาการปากอ้าตาค้างไปตาม ๆ กันด้วยความไม่อยากเชื่อ
พวกเขาเคยได้ยินมาว่าค่ายผู้อพยพแห่งนี้ซุกซ่อนผู้มีฝีมือเอาไว้เป็นจำนวนมาก
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่กลับมียอดปรมาจารย์อยู่เยอะถึงเพียงนี้
และหากพวกเขาได้รู้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน หลินเป่ยเฉินเพิ่งจะมอบภารกิจให้ฉู่เหินและยอดฝีมือคนอื่น ๆ รวมแล้วอีก 10 คนคอยคุ้มครองความปลอดภัยองค์ชายเจ็ดออกเดินทางไปยังวังหลวง บริวารของเหลียงหยวนเตาเหล่านี้ก็คงจะต้องตกตะลึงมากกว่านี้แน่นอน
“อากวง”
หลินเป่ยเฉินขานชื่อออกมาอีกครั้ง
“จี๊ด”
หนูยักษ์ตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากข้างกระโจม พร้อมกับสะพายกลองรบมาด้วยชุดหนึ่ง
ตึง!
เมื่อเจ้าหนูฟาดไม้ลงไปบนหน้ากลอง เสียงกลองรบก็ดังกังวานไปทั่วค่ายที่พักของพวกเขา
คลื่นเสียงของกลองรบทำให้มวลอากาศปั่นป่วน
ทันใดนั้น นายทหารคนงานขุดเหมืองผู้สวมใส่ชุดเกราะพร้อมสำหรับออกรบอีกจำนวนนับไม่ถ้วน ก็ปรากฏตัวออกมาจากบ้านพักรอบทิศทาง กระบี่ถูกชักออกจากฝักที่เหน็บอยู่ข้างเอว ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายมุ่งมั่นแน่วแน่ ทุกคนเดินมารวมตัวกันที่หน้าต้นไม้ใหญ่ของคุณชายหลินโดยปราศจากความลังเล
เมื่อหลินเป่ยเฉินเห็นสีหน้าแววตาของนายทหารเหล่านี้ หัวใจก็เริ่มกลับมามีความหวังอีกครั้ง
แผนการก่อนหน้านี้ของหลินเป่ยเฉินก็คือ เขาจะจัดการเหลียงหยวนเตาด้วยตนเอง
เพื่อไม่ให้คนอื่นต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
เพื่อไม่ให้นายทหารและชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น วันนี้หลินเป่ยเฉินจึงออกคำสั่งให้นายทหารทุกคนไปซ่อนตัวอยู่ตามบ้านพักของผู้อพยพให้ได้มากที่สุดตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อป้องกันการโจมตีบ้านเรือนของผู้บริสุทธิ์โดยที่พวกเขาไม่ทันรู้ตัว
แต่บัดนี้…
หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องใช้งานนายทหารเหล่านี้เสียแล้ว
เวลาแห่งการปะทะหักล้างได้มาถึงแล้ว
หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่าตนเองไม่สามารถทำตัวเป็นแม่ไก่ปกป้องลูกไก่ คอยปัดเป่าคุ้มครองเภทภัยให้แก่ทุกคนได้ตลอดชีวิต อีกไม่ช้าก็เร็ว ทุกคนก็จะต้องหยิบจับอาวุธออกมาต่อสู้กับพวกชาวทะเล และผู้คนในค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่งก็จะต้องดูแลตัวเองอย่างเลี่ยงไม่ได้
นี่คือเวลาที่ทุกคนจะได้เข้าใจความเป็นจริงของชีวิตว่าตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น หลินเป่ยเฉินจึงไม่คิดเสียดายที่ทุ่มเททรัพยากรจำนวนมาก เพื่อให้ชาวเมืองมีร่างกายที่แข็งแกร่ง มีสติปัญญาที่แจ่มใส มีกองทัพที่คอยคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่พวกเขาอย่างขันแข็งแกร่งกล้า
นอกจากนายทหารคนงานขุดเหมืองแล้ว ขณะนี้ ยังมีชายฉกรรจ์และเด็กหนุ่มอีกจำนวนมากหยิบจับอาวุธออกมาเข้าร่วมการรวมตัวด้วยเช่นกัน ญาติพี่น้องของพวกเขาต่างก็โบกมืออำลาอยู่ที่ประตูบ้านพักด้วยดวงตาเป็นประกายสว่างไสว คล้ายกับทุกคนมั่นใจว่าการต่อสู้ครั้งนี้ บรรดาชายฉกรรจ์ที่เป็นสามี บุตรชาย พี่ชายและน้องชายของตนเองจะต้องได้รับชัยชนะกลับมาจากสนามรบอย่างแน่นอน
กล่าวได้ว่าผู้คนในค่ายที่พักมีขวัญกำลังใจแข็งแกร่งเหลือเกิน
หลินเป่ยเฉินคิดไม่ผิดจริง ๆ
เขาตีหน้าขรึม ทอดสายตามองลงไปข้างล่าง และคำรามออกมาเพียงคำสั้น ๆ ว่า
“ฆ่าพวกมันให้หมด”
เด็กหนุ่มชี้มือไปยังกองทัพของฝ่ายตรงข้ามที่เดินขบวนมาถึงหน้าทางเข้าค่ายที่พักเรียบร้อยแล้ว
ฉับพลันนั้น กองกำลังพิทักษ์ค่ายผู้อพยพกว่าสามพันชีวิต ก็ยกขบวนตรงไปที่หน้าประตูทางเข้าค่ายที่พักราวกับเป็นคลื่นทะเล
ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านธรรมดาหรือเป็นนายทหารจากหน่วยคนงานขุดเหมือง พวกเขาต่างก็สาบานว่าจะยืนหยัดปกป้องค่ายที่พักของตนเองด้วยชีวิต ต่อให้วันนี้ต้องถึงแก่ความตายก็หาได้หวาดหวั่นไม่
หลินเป่ยเฉินยกมือส่งสัญญาณ
ยอดฝีมือคนสนิทของเขา อาทิ ไต้จือฉุนกับฉิวหลิงเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วเป็นลำแสงกลับไปบัญชาการขุมกำลังของตนเอง
เฉียนเหมยก็กระโดดขึ้นขี่หลังเจ้าหมาป่าน้ำแข็งเสี่ยวซาน ก่อนที่หนึ่งคนหนึ่งหมาป่าจะพุ่งตัวเป็นลำแสงสีฟ้าคราม เพียงพริบตาเดียว พวกนางก็ไปปรากฏกายอยู่ที่แนวหน้าในกองทัพของตนเองแล้ว
ลูกหมาป่าน้ำแข็งทั้งสองตัวนั้น ไม่ได้มีพลังในการต่อสู้ดุดันเหมือนพี่ชายต่างสายพันธุ์ของมัน แต่ด้วยความที่รับประทานปลาหมึกวิเศษและปลาตากแห้งจากดินแดนทวยเทพตลอดเวลา เสี่ยวเอ้อร์กับเสี่ยวซานก็มีร่างกายใหญ่โตแข็งแรงเท่ากับหมาป่าน้ำแข็งที่โตเต็มวัย และยามที่พวกมันยืนด้วยขาหลังทั้งสองข้าง เจ้าลูกหมาป่าทั้งสองตัวก็มีความสูงเทียบเท่ากับมนุษย์ผู้หนึ่ง ขนบนตัวของพวกมันนุ่มลื่นพลิ้วไสวไม่ต่างจากเส้นไหม…
แต่เพราะอะไรเฉียนเหมยถึงเลือกขี่มัน?
เรื่องราวมีอยู่ว่า
เมื่อสิบวันก่อน เฉียนเหมยเกิดความคิดอยากทดลองอะไรบางอย่าง จึงขึ้นขี่หลังเสี่ยวซาน และพามันออกไปนอกกำแพงเมือง เพื่อต่อสู้กับกองทัพชาวทะเล
เหตุผลที่แท้จริงเป็นเพราะว่า นางแค่อยากทำให้ตนเองมีสง่าราศีน่าเกรงขามมากขึ้นเท่านั้น
เพราะเด็กสาวได้รับทราบมาว่าเหล่าแม่ทัพใหญ่และขุนพลชื่อดังในประวัติศาสตร์ ทุกคนล้วนมีอาชาคู่ใจสร้างความยิ่งใหญ่เกรียงไกรไปทั่วแผ่นดิน เฉียนเหมยตั้งใจแน่วแน่ว่าหากตนเองมีชื่อเสียงเมื่อไหร่ ก็จะแต่งงานกับคุณชายหลิน ดังนั้น นางจึงใช้สัตว์เลี้ยงของเขาเป็นพาหนะคู่กาย และมันก็ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างที่ผู้ใดก็คาดไม่ถึง
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเจ้าลูกหมาป่าเสี่ยวซาน ซึ่งปกติจะวิ่งเล่นและทำตัวน่ารักน่าชังไปวัน ๆ ยามลงสู่สนามรบ มันกลับมีฝีมือในการต่อสู้เจนจัด นอกจากกรงเล็บจะสามารถไล่ฆ่าชาวทะเลได้นับไม่ถ้วนแล้ว ลมหายใจที่พ่นออกมาจากปากของมันยังมีความสามารถแช่แข็งสิ่งของได้ทุกอย่างอีกด้วย…
ความสามารถนี้ของมันทำให้กิจการค้าอาหารทะเลของพวกเขาเติบโตมากขึ้น เพราะหลังจากที่สังหารชาวทะเลได้แล้ว เสี่ยวซานก็จะรับหน้าที่แช่แข็งซากศพของพวกชาวทะเลทันที ด้วยเหตุนี้ วัตถุดิบที่นำออกมาวางขายจำนวนมากในตลาดค้าอาหารทะเลจึงมีความสดใหม่อยู่เสมอ
ถือเป็นโชคดีของเฉียนเหมย
หลายวันที่ผ่านมานี้ เฉียนเหมยขี่เจ้าเสี่ยวซานออกรบครั้งแล้วครั้งเล่า
เจ้าลูกหมาป่าน้ำแข็งมีความรวดเร็วยิ่งกว่าสายฟ้า
ยามเฉียนเหมยอยู่บนหลังของมัน การสังหารชาวทะเลของนางก็ยิ่งรวดเร็วมากกว่าเดิม…
สร้างความอิจฉาให้แก่เฉียนเจินเป็นอย่างยิ่ง
ทำไมนางถึงไม่มีวาสนาเช่นนี้บ้าง?
ดังนั้น เฉียนเจินจึงเข้ามาขอร้องอยากจะเลี้ยงดูเจ้าลูกหมาป่าเสี่ยวเอ้อร์ด้วยเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินใช้เวลาคิดเพียงเล็กน้อยก็อนุญาต
ถึงลูกหมาป่าทั้งสองตัวนี้จะยังตามเกาะติดเขาไม่ห่าง แต่พวกมันก็ตัวใหญ่เกินกว่าที่เด็กหนุ่มจะอุ้มในอ้อมแขนได้อีกแล้ว ซ้ำรูปลักษณ์ของพวกมันก็ไม่น่ารักเหมือนตอนเด็ก ๆ และหลินเป่ยเฉินก็มีเรื่องให้ทำมากเกินไป จนไม่มีเวลามานั่งเล่นกับพวกมันเหมือนเมื่อก่อน
อีกอย่าง เฉียนเหมยกับเฉียนเจินก็เป็นคนที่คอยให้น้ำให้อาหารรักษาความสะอาดและแปรงขนให้พวกมันอยู่แล้ว หลินเป่ยเฉินจึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ถ้าจะต้องยกลูกหมาป่าทั้งสองตัวให้แก่พวกนางรับไปเลี้ยงดูแทน
หนึ่งคนรับไปหนึ่งตัว
เฉียนเหมยเลี้ยงดูเสี่ยวซาน
เฉียนเจินเลี้ยงดูเสี่ยวเอ้อร์
เจ้าหมาป่าทั้งสองตัวแทบจะกลายเป็นลูกของพวกนางแล้ว
ด้วยเหตุนี้ หญิงงามที่คู่กับสัตว์เลี้ยงน่ารัก จึงทำให้ผู้ที่อยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉินมีความโดดเด่นสะดุดตามากยิ่งขึ้น