เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 780 พบเห็นหัวขโมยหญิงหรือไม่?
ตอนที่ 780 พบเห็นหัวขโมยหญิงหรือไม่?
“พระองค์ท่าน”
นักพรตใหญ่หลงเยว่รีบวิ่งเข้ามาประคองร่างอรชรที่ซวนเซเหมือนจะล้มลง
“ข้าไม่เป็นไร”
เยว่เว่ยหยางโบกมือเล็กน้อย ก่อนจะใช้มือเกาะรูปปั้นที่อยู่ข้างตัวเป็นหลักยึด
เส้นผมสีดำยาวถึงข้อเท้าแผ่กระจายอย่างไร้น้ำหนัก ยิ่งขับเน้นให้เด็กสาวดูสวยงามมากกว่าเดิมเมื่อรวมเข้ากับชุดคลุมสีดำขลิบแดงที่นางสวมใส่…
เยว่เว่ยหยางมีใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย
แต่นางก็ยังคงมีความงดงามอยู่เช่นเคย ผิวพรรณขาวเนียนปราศจากราคี จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบ ดวงตาเย็นชาปานน้ำแข็ง ให้ความรู้สึกถึงความเป็นเด็กน้อยที่ไม่ยอมเติบโต ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือนางดูเปราะบางมากเหลือเกิน…
แต่เมื่อเยว่เว่ยหยางส่งเสียงหอบหายใจหนักหน่วง นางก็แสดงออกถึงเสน่ห์ของความเป็นหญิงสาวเต็มตัวออกมาอีกครั้ง
กระบวนท่าที่นางใช้ออกไปเมื่อสักครู่ จำเป็นต้องใช้พลังลมปราณที่มีแทบทั้งหมดของร่างกาย มันเป็นกระบวนท่าที่กลืนกินพลังมหาศาล ทำให้ในขณะนี้ เด็กสาวแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงกระดิกนิ้วมือแล้วด้วยซ้ำ
“คิดไม่ถึงเลยว่านครเจาฮุยที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ กลับมีบ่อโลหิตปีศาจซ่อนอยู่ใต้ดิน มิหนำซ้ำ หนึ่งในพวกปีศาจกลับสามารถขึ้นครองบัลลังก์ผู้ปกครองมณฑลใหญ่ได้เสียด้วย ข้าไม่อยู่เพียงไม่นาน โลกมนุษย์ดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้วหรือ?” ดวงตาของเยว่เว่ยหยางแสดงออกถึงความประหลาดใจชัดเจน
ว่ากันตามความน่าจะเป็น ต่อให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เทพีกระบี่ตัวปลอมจะครองอำนาจอยู่บนดินแดนทวยเทพ ไม่สามารถดูแลโลกมนุษย์ได้ดีเท่าที่ควร แต่เทพเจ้าองค์อื่นๆ ก็จำเป็นต้องอาศัยแรงศรัทธาจากมนุษย์โลกเพื่อความอยู่รอดเช่นกัน พวกเขาสมควรไล่ล่าปีศาจที่แฝงตัวอยู่บนโลกมนุษย์เหล่านี้ เพื่อรักษาระบบของเทพเจ้าให้ดำเนินต่อไป
เพราะฉะนั้น พวกปีศาจไม่สมควรกำเริบเสิบสานถึงขั้นนี้
เพราะเหตุใดบ่อโลหิตปีศาจถึงมีขนาดใหญ่โตนัก?
คงจะเกิดปัญหาขึ้นบนดินแดนทวยเทพแล้วกระมัง
ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
“ไปเอา ‘สิ่งนั้น’ มา”
เยว่เว่ยหยางพยายามปรับระดับลมหายใจและพูด “ปีศาจในบ่อโลหิตยังไม่ตาย”
“แต่พระองค์ท่าน ‘สิ่งนั้น’ เตรียมการเอาไว้เพื่อให้ท่านขึ้นสู่ดินแดนทวยเทพอีกครั้ง หากนำมาใช้ในตอนนี้…” นักพรตใหญ่หลงเยว่ทั้งตกตะลึงและลังเลในเวลาเดียวกัน “เมื่อสักครู่ ท่านได้ตอบแทนหลินเป่ยเฉินไปแล้ว เพราะเหตุใด…”
เยว่เว่ยหยางตวาดตัดบทว่า “รีบไปเอามา”
นักพรตใหญ่หลงเยว่จึงได้แต่หมุนตัววิ่งกลับเข้าไปในวิหาร
เด็กสาวเหม่อมองไปยังทิศทางของพื้นที่เมืองเขตสอง
ปีศาจที่อยู่ในบ่อโลหิตจะต้องกลับมาแก้แค้นแน่นอน และเมื่อมันกลับมาครั้งนี้ วิหารเทพีกระบี่ก็คงเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ปีศาจตนนั้นจะต้องกลับมาทำลายล้าง
ถ้าระบบบนดินแดนทวยเทพมีปัญหา บัดนี้ ทุกคนก็ต้องดูแลตัวเอง
ริมฝีปากบางเฉียบของเยว่เว่ยหยางเปิดออก
แล้วโลหิตก็ไหลทะลักออกมา
…
ณ ดินแดนทวยเทพ
ปราสาทหลังงามใต้แสงอาทิตย์สาดส่อง
นานมากแล้วที่ไม่มีผู้ใดมาเยือนปราสาทหลังนี้
หลังถูกโจมตีจากพวกเทพวิหคไปเมื่อครั้งก่อน วิหารของเทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาอย่างสวยงาม
ด้านในวิหาร
เลือดไหลหยดเป็นทาง
เทพีกระบี่หิมะไร้นามร่างกายเปลือยเปล่า พยายามดึงลูกศรออกมาจากแขนขา
ทุกครั้งที่นางดึงลูกศรออกมา เลือดก็จะพุ่งกระฉูด
กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลในอากาศ
พรมสีแดงเข้มใต้ตัวเทพีกระบี่หิมะไร้นามแปดเปื้อนด้วยคราบโลหิต หยดเลือดจำนวนไม่น้อยกระเด็นออกไปนอกพรม เจ้าสุนัขขาสั้นและแมวส้มซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของเทพีสาวเดินเข้ามาใช้ลิ้นเลียหยดเลือดบนพื้นเหล่านั้น
เส้นผมของเทพีกระบี่หิมะไร้นามห้อยตกลงมาที่ข้างแก้ม ใบหน้าของนางซีดขาว นางต้องกัดริมฝีปากข่มความเจ็บปวดขณะดึงคมกระบี่ออกจากหน้าอกฝั่งขวา เลือดเป็นฝ่ายพุ่งกระฉูดอีกครั้ง เทพีกระบี่หิมะไร้นามใช้มือซ้ายปิดบาดแผลของตนเองและโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บ
“เทพเจ้าพวกนี้จิตใจช่างคับแคบเหลือเกิน”
“พวกเขาเองก็ฝึกวิชานี้ไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าขอยืมมาสักหน่อยจะเป็นอะไรไป? ทำไมต้องไล่ล่าเอากันให้ถึงตายด้วย?”
“ข้าเป็นถึงหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งดินแดนทวยเทพ แต่เมื่อพบเห็นข้า พวกเขากลับไล่ยิงไม่ยั้งมือ ไม่รู้จักทะนุถนอมดอกไม้งามกันเลยจริงๆ เทพพงไพรเหล่านี้มีศีรษะเสียเปล่า หาได้มีสมองไม่…”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามถอนหายใจขณะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์รักษาอาการบาดเจ็บของตนเองทุเลาทีละเล็กทีละน้อย
เรือนร่างขาวผ่องของนางปกคลุมด้วยบาดแผลจำนวนนับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเป็นสองเต้าอวบอิ่ม เอวคอดกิ่ว หรือบั้นท้ายกลมกลึง ต่างก็เต็มไปด้วยรอยแผลที่กำลังสมานตัวอย่างช้าๆ …
“โชคดีนะที่เราส่งคัมภีร์ห้าธาตุหลอมวิญญาณไปให้น้องชายได้สำเร็จ แค่นี้ก็ไม่ถือว่าเราผิดสัญญาอีกแล้ว…”
“ไม่รู้เหมือนกันนะว่าน้องชายจะรอดพ้นจากคราวเคราะห์ครั้งนี้ได้หรือไม่ แต่เขามีพลังสูงส่งถึงขั้นนั้น คงไม่เป็นไรหรอกกระมัง…”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามแสดงสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยออกมาเล็กน้อย
โชคไม่ดีที่นางบาดเจ็บหนักมากเกินไป ร่างกายอ่อนแอ พลังลมปราณเหือดหาย ยิ่งสูญเสียพลังไปกับการส่งมอบคัมภีร์ห้าธาตุหลอมวิญญาณนั่นอีก จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามจะฟื้นตัวขึ้นมาในระยะเวลาอันรวดเร็ว
“อดทนไว้ก่อนนะน้องชาย อย่าเพิ่งรีบตายล่ะ”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามยันตัวลุกขึ้นยืน
เริ่มต้นเก็บกวาดข้าวของที่อยู่ในวิหาร
ทำความสะอาดคราบเลือด
เก็บลูกศรและกระบี่ที่แตกหัก…
เพียงพริบตาเดียวของเหล่านั้นก็หายไป
แม้แต่กลิ่นคาวเลือดก็ยังไม่หลงเหลืออยู่บนตัวสัตว์เลี้ยงของนางอีกแล้ว
แต่ยังไม่ทันที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามจะมีเวลาได้นั่งพักหายใจอย่างจริงจัง นางกลับได้ยินเสียงอะไรบางอย่างพุ่งแหวกอากาศเข้ามาจากระยะไกล
โครม!
ปรากฏว่าประตูหน้าวิหารของนางถูกใครบางคนพังเข้ามา
“ตรวจค้นให้ทั่ว”
กองกำลังของเผ่าพันธุ์เทพพงไพรบุกเข้ามาในวิหาร
ผู้ที่เดินนำเข้ามาเป็นหญิงผู้หนึ่งร่างกายกำยำบึกบึน มีความสูงมากกว่าหกเซี๊ยะ ใบหน้าเหลี่ยม นางไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า เพียงสวมใส่ชุดเกราะป้องกันหน้าอก แผ่นหลัง หว่างขาและจุดอ่อนอื่นๆ ของร่างกายเท่านั้น แต่ละเท้าที่ก้าวเดินเข้ามาทำเอาพื้นวิหารถึงกับสั่นสะเทือนครืนครืน
หญิงสาวร่างกำยำตะโกนว่า “คุกเข่าลงไปเดี๋ยวนี้ เอามือกุมไว้หลังศีรษะ…”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามร้องอุทานด้วยความตกใจ รีบนั่งคุกเข่าลงและเอามือกุมไว้หลังศีรษะของตนเองแต่โดยดี
“อ้าว นางเป็นเทพธิดาเช่นกันหรือ?”
หญิงสาวผู้บุกรุกอุทานด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะระเบิดพลังลมปราณทำให้บรรดาบริวารที่เป็นบุรุษซึ่งวิ่งตามเข้ามาทางด้านหลังนั้นลอยกระเด็นกลับออกไป
“อย่าเข้ามาถ้าข้ายังไม่ได้อนุญาต”
นางหันกลับไปคำรามราวกับแม่สิงโต คลื่นเสียงที่แผ่ออกมาจากปากแทบจะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
บริวารเผ่าพันธุ์เทพพงไพรหยุดยืนรออยู่ด้านนอกด้วยความเชื่อฟังเป็นอย่างดี
“รีบสวมใส่เสื้อผ้าเสีย”
หญิงสาวผู้บุกรุกพูดเสียงดังกังวาน “ก่อนหน้านี้ ท่านพบเห็นหัวขโมยหญิงผู้มีลูกศรปักเต็มตัวและได้รับบาดเจ็บสาหัส แอบหลบหนีเข้ามาที่นี่บ้างหรือไม่?”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามรีบหยิบเสื้อคลุมของตนเองมาสวมใส่ด้วยความร้อนรน ก่อนจะส่ายหน้าเลิ่กลั่ก “ไม่ ข้าไม่พบเห็นผู้ใดทั้งสิ้น…”