เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 785 เหลียงหยวนเตาร่างหก
ตอนที่ 785 เหลียงหยวนเตาร่างหก
“โฮกกก!”
เหลียงหยวนเตาในร่างสัตว์ประหลาดมีปีกเงยหน้าคำรามใส่ท้องฟ้า
คลื่นเสียงที่แผ่กระจายออกไปทำให้ก้อนเมฆโลหิตบนท้องฟ้าแตกสลาย
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในบริเวณนี้ต่างก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามชัดเจนจากนักล่าบนชั้นสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
“แม่งเปลี่ยนร่างมาเป็นตัวอะไรอีกวะเนี่ย…”
หลินเป่ยเฉินครุ่นคิดด้วยความปวดหัว
ตกลงแล้ว ‘เหลียงหยวนเตา’ มีร่างที่แท้จริงเป็นตัวอะไรกันแน่?
ทำไมถึงได้มีร่างกายหลายรูปแบบเหลือเกิน?
ต่อให้เป็นพวกเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก็สมควรมีแค่ร่างเดียวไม่ใช่หรือ?
หรือว่าความรู้ของหลินเป่ยเฉินที่เกี่ยวข้องกับพวกปีศาจจะต่ำต้อยมากเกินไป
หลินเป่ยเฉินได้แต่คิดแล้วก็ท้อใจกับความโง่เขลาของตัวเอง
แต่เมื่อดวงตาสีแดงก่ำของเหลียงหยวนเตาหันกลับมาจ้องมองที่หลินเป่ยเฉินอีกครั้ง เด็กหนุ่มถึงได้รู้ตัวว่าตอนนี้ต่อให้เขาคิดจนหัวแทบแตกมันก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาจะเอาตัวรอดไปจากสถานการณ์ตอนนี้ได้อย่างไรต่างหาก
เทพีกระบี่บนดินแดนทวยเทพได้รับบาดเจ็บไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้…
เยว่เว่ยหยางก็ช่วยเหลือเขาตามสัญญาไปแล้ว…
ส่วนหลิงเฉินเป็นลมหมดสติ…
แล้วยังจะเหลือใครมาช่วยเหลือเขาได้อีก?
ยังมีใครอีกนะ?
“ใจเย็นก่อน มันต้องมีทางรอดบ้างสิ…”
“แต่มองไม่เห็นทางรอดแล้วเนี่ย ใครจะไปใจเย็นได้วะ…”
หลินเป่ยเฉินยกมือปาดเหงื่อขณะเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ
ครืน!
ร่างที่หกของเหลียงหยวนเตาก้าวขึ้นมาจากแอ่งโลหิต
แต่ละเท้าที่ก้าวเดินทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน และผิวน้ำในแอ่งโลหิตก็สั่นไหวเป็นระลอกคลื่น
ห่างออกไปไม่ไกล ม่านพลังที่คุ้มครองหมู่บ้านผู้อพยพซึ่งก่อนหน้านี้เกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ บัดนี้ พวกมันไม่สามารถต้านทานพลังกดดันจากเหลียงหยวนเตาได้อีกแล้ว ม่านพลังจึงแตกสลายลง… ส่งผลให้หน่วยทหารที่คอยคุ้มกันชาวบ้านอยู่ด้านในต้องรีบอพยพผู้คนหลบหนีลึกเข้าไปทางด้านหลัง
ฉุยเฮาเฟิงเป็นผู้ดูแลการอพยพชาวบ้านด้วยตนเอง
“หลินเป่ยเฉิน เจ้ายังเหลือไพ่ตายใดอยู่ในมืออีกหรือไม่?” เหลียงหยวนเตาก้มหน้ามองลงมาด้วยแววตาดุร้าย พูดเสียงดังกังวาน
“เฮอะ… เก่งจริงเจ้าก็ลองเดาดูสิ”
หลินเป่ยเฉินกลอกตามองบน พยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุด
“งั้นข้าขอเดาว่า… เจ้าคงไม่เหลือไพ่ตายอีกแล้วสินะ?”
เหลียงหยวนเตาตอบกลับมาก่อนหัวเราะในลำคอด้วยความชอบใจ
หลินเป่ยเฉินยิ้มแหย “อยากลองเดาดูใหม่อีกสักรอบไหมเล่า?”
“ตายซะเถิด”
เหลียงหยวนเตายกเท้าขนาดใหญ่ยักษ์ขึ้นหมายจะเหยียบหลินเป่ยเฉินให้บี้แบน
หลินเป่ยเฉินไม่ขยับหลบหนี
เขาตัดสินใจยืนหยัดต่อสู้
กระบี่สายฟ้าในมือถูกโยนขึ้นไปในอากาศ
เมื่อกระบี่สายฟ้าหมุนควงสว่างอยู่กลางอากาศ มันก็วิ่งวนสร้างค่ายอาคมขึ้นมาเป็นรูปดาวหกแฉก ส่งผลให้เพิ่มอานุภาพการโจมตีมากกว่าเดิม
วูบ!
และแล้วกระบี่สายฟ้าก็เพิ่มขนาดขึ้นมากกว่าเดิมหลายสิบเท่า มันกลายร่างเป็นกระบี่ขนาดมหึมา พุ่งตรงเข้าทิ่มแทงใส่เหลียงหยวนเตา
เหลียงหยวนเตาสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที ปีกผังผืดบนแผ่นหลังกางออกกว้าง ช่วยให้ตนเองสามารถหลบหลีกการโจมตีของกระบี่ยักษ์ได้อย่างทันท่วงที
กระบี่สายฟ้ายังโจมตีอย่างต่อเนื่อง
คมกระบี่ฟันลงไปบนปีกข้างหนึ่งของเหลียงหยวนเตา
โลหิตสีดำสาดกระจายในอากาศ
ฉับพลันนั้น ร่างของใครบางคนก็พุ่งออกมาจากค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่ง และกระโดดเข้ามาคว้าจับกระบี่สายฟ้าที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศได้อย่างแม่นยำ
บุรุษผู้นี้สวมใส่ชุดสีขาว มีใบหน้าราบเรียบธรรมดายิ่ง
แต่เมื่อเขามีกระบี่อยู่ในมือ พลังลมปราณก็ระเบิดออก ชายหนุ่มลอยตัวค้างอยู่กลางอากาศด้วยความสง่างามไม่ต่างจากเทพเจ้า กระบี่ในมือตวัดฟาดฟันเป็นรูปดาวหกแฉก พลังการโจมตีอันรุนแรงในครั้งนี้ ทำให้เหลียงหยวนเตาต้องมีสีหน้าตื่นตระหนกอีกครั้ง
“พวกเจ้า… รวมหัวกันหรือนี่ อ๊ากกก”
เหลียงหยวนเตาถูกกระบี่ฟันปีกขาดไปข้างหนึ่ง ร่างกายจึงร่วงหล่นจากกลางอากาศตกลงสู่แอ่งโลหิตบนพื้นดิน ในเวลาเดียวกันนี้ ท่านเจ้าเมืองผู้เป็นอสูรกายก็แผดเสียงคำรามอย่างไม่อยากยอมรับความจริงว่า “เจ้ายังไม่ตาย… พวกเจ้าช่างเลวทรามยิ่งนัก… พวกเจ้า…”
ตอนที่เห็นหัวของเกาเฉิงฮั่น เหลียงหยวนเตาก็นึกสงสัยอยู่แล้ว
เขาต้องรอจนกระทั่งเห็นแม่ทัพโค้วจงบุกโจมตีค่ายผู้อพยพด้วยความเคียดแค้นที่เจ้านายของตนเองถูกหลินเป่ยเฉินฆ่าตายนั่นแหละ ความสงสัยในใจเหลียงหยวนเตาจึงสลายหายไปในที่สุด
แต่บัดนี้…
เกาเฉิงฮั่นยังคงลอยตัวอยู่กลางอากาศ ในมือถือกระบี่ด้วยท่วงท่าสง่างาม
เหลียงหยวนเตาทั้งหวาดกลัวทั้งโกรธแค้น
เขายกมือขึ้นพยายามป้องกันศีรษะของตนเองตอนที่อีกฝ่ายฟันกระบี่ลงมา
แต่แขนของเหลียงหยวนเตาก็ขาดกระเด็น
เมื่ออาวุธวิเศษตกไปอยู่ในมือของผู้มีพลังขั้นเซียน พลังทำลายล้างที่สูงส่งมากอยู่แล้วก็ถูกยกระดับให้น่าหวาดกลัวมากกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าพลังการโจมตีของกระบี่สายฟ้ารุนแรงเกินกว่าที่เหลียงหยวนเตาคาดคิด และไม่มีทางที่เขาจะปัดป้องคุ้มครองตัวเองได้อีก
กระบี่นี้นอกจากจะตัดแขนของเหลียงหยวนเตาร่างที่หกขาดกระเด็น ก็ยังเกือบจะตัดหัวของเหลียงหยวนเตาหลุดออกจากบ่าอีกด้วย
ไม่ใช่เพียงเหลียงหยวนเตาเท่านั้นที่คิดไม่ถึง แม้แต่หลินเป่ยเฉินก็คิดไม่ถึงเช่นกัน
นี่หรือคือพลังที่แท้จริงของกระบี่สายฟ้า?
มิน่าเล่า ผู้คนถึงได้บอกกันว่าอาวุธวิเศษจำเป็นต้องอยู่ในมือของผู้วิเศษเท่านั้น ถึงจะแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
หลินเป่ยเฉินนึกอับอายในฝีมือของตัวเองอยู่ไม่น้อย
“ทำไมเจ้าถึงทำหน้าประหลาดใจเช่นนั้น?”
แน่นอนว่าบุรุษหนุ่มชุดขาวผู้นี้ก็คือเกาเฉิงฮั่นมือกระบี่ขั้นเซียนผู้คอยดูแลความปลอดภัยให้แก่นครเจาฮุย
ในมือของเขาถือกระบี่ ท่วงท่าสง่างามราวเทพเจ้า ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ เสียงพูดดังกังวานทั่วแผ่นฟ้าขณะกล่าวกับเหลียงหยวนเตาว่า “ตอนที่หลินเป่ยเฉินบอกข้าว่าเจ้าถูกวิญญาณปีศาจเข้าครอบงำ ข้าไม่คิดเชื่อคำพูดของเขา แต่เมื่อเห็นด้วยตาของตนเองเช่นนี้ จะไม่เชื่อก็คงไม่ได้แล้ว และมันก็เป็นหน้าที่ของข้า… ที่จะต้องส่งเจ้าลงสู่นรก!”
เกาเฉิงฮั่นแสดงกระบวนท่าที่ถูกฝึกฝนมาเพื่อกำจัดปีศาจโดยเฉพาะ
นี่คือกระบวนท่าที่ผ่านการคิดค้นเป็นเวลาหลายปี ได้ชื่อว่าเมื่อปีศาจพบเจอกับผู้ใช้กระบวนท่านี้ พวกมันก็ไม่มีทางหนีรอดได้อีก แต่นี่ไม่ใช่กระบวนท่าที่ใครๆ ก็ใช้ได้ เพราะผู้ใช้จำเป็นต้องมีระดับพลังสูงส่งมากทีเดียว
ดังนั้น เมื่อเกาเฉิงฮั่นแสดงกระบวนท่านี้ออกมา พลังในการทำลายล้างของมันจึงมากมายมหาศาลนัก