เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 787 เจ้าต้องตาย!
ตอนที่ 787 เจ้าต้องตาย!
ในระหว่างที่หลินเป่ยเฉินกำลังใช้ความคิดอยู่นี้ ร่างกายของเขาก็เริ่มกลับมามีความรู้สึกตามปกติอีกครั้ง ความเจ็บปวดจางหายไป เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงความผ่อนคลายที่คุ้นเคย
เขาลองขยับแขน
พบว่าเรี่ยวแรงกลับคืนมาแล้ว
ถือเป็นสัญญาณที่ดี
แม้ว่าพลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดจะแยกย้ายกระจายตัวฝังอยู่ตามอวัยวะภายในเช่น ม้าม ปอด ตับ ไตและหัวใจ ซึ่งยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยความที่ร่างกายมีความแข็งแกร่งเท่ากับผู้มีพลังขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย หลินเป่ยเฉินจึงฟื้นตัวกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แต่ที่สำคัญก็คือเด็กหนุ่มพบว่าอาการบาดเจ็บของเขาก่อนหน้านี้กลับฟื้นตัวด้วยความรวดเร็วผิดปกติ
โดยเฉพาะบาดแผลฉกรรจ์บริเวณหน้าอก ขณะนี้ กลับมีเส้นเลือด กล้ามเนื้อและผิวหนังเติมเต็มขึ้นมาอย่างเร็วไวผิดหูผิดตา
“ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มานานแล้วนะเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินค่อยๆ ขยับร่างกายของตนเองอย่างเชื่องช้า
ดูเหมือนว่าพลังปราณธาตุน้ำที่อยู่ในร่างกาย จะช่วยทำให้เขาสามารถเยียวยาการบาดเจ็บด้วยความรวดเร็วได้อีกครั้ง
ครืน!
ทันใดนั้น พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เมื่อหลินเป่ยเฉินเงยหน้ามอง
จึงพบว่าเกาเฉิงฮั่นไม่ได้มีความได้เปรียบอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับเหลียงหยวนเตาก็คือไอ้หมูตอนปีศาจมีความสามารถในการลอกเลียนแบบวิชาการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม นอกจากจะฆ่ามันไม่ได้แล้ว กระบวนท่าทุกอย่างที่ฝ่ายพวกเขาใช้ออกไป เหลียงหยวนเตายังนำไปเลียนแบบเพื่อใช้โต้ตอบกลับมาได้อย่างหน้าด้านๆ อีกด้วย…
เพียงเวลาชงน้ำชาหนึ่งถ้วยเท่านั้น เหลียงหยวนเตาก็สามารถทำความเข้าใจในทุกกระบวนท่าของเกาเฉิงฮั่นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ท่านเจ้าเมืองอสูรกายยอมปล่อยให้ตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อแลกกับการทำความเข้าใจในวิชาการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม…
เมื่อเห็นดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
เกิดต่อสู้กันไปแบบนี้เรื่อยๆ พวกเขาได้เป็นฝ่ายหมดแรงก่อนพอดี
พวกเขาจะฆ่าเหลียงหยวนเตาให้ตายและปล่อยให้มันฟื้นคืนชีพกลับมาตลอดไปไม่ได้เด็ดขาด
ต้องมีวิธีกำจัดแบบอื่นสิ…
ไม่ใช่การฆ่า แต่เป็นการกักขังหรือปิดผนึก
ทว่า หลินเป่ยเฉินเป็นเพียงเด็กหนุ่มรูปงามที่สมองใช้งานไม่ค่อยได้ เมื่อลองนึกทบทวนถึงวิธีที่จะปิดผนึกเหลียงหยวนเตาเขาก็ไม่ทราบเลยว่าจะสามารถทำได้อย่างไรบ้าง
หรือว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถสังหารเหลียงหยวนเตาได้จริงๆ ?
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
พื้นดินเกิดการทรุดตัว
บรรดาขุนนางใหญ่และผู้ชมคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ห่างไกลออกไปต่างก็ต้องรีบถอยหลังหนีเป็นการใหญ่ เพราะการต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้ทั่วไป ไม่มีผู้ใดกล้าติดตามรับชมการต่อสู้ในระยะใกล้ชิดอีกแล้ว
นี่คือการต่อสู้ของผู้มีพลังระดับเซียน
เพียงได้รับลูกหลงแค่เล็กน้อย ก็พอแล้วที่จะทำให้ผู้มีพลังขั้นปรมาจารย์ต้องเสียชีวิต
แย่แล้วสิ
ถ้าเป็นอย่างนั้น ค่ายผู้อพยพก็คง…
หลินเป่ยเฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันกลับไปมอง
“หืม?”
ค่ายผู้อพยพของเขายังคงอยู่ดี
ไม่ทราบเลยว่าม่านพลังที่แตกสลายลงไปเมื่อสักครู่นี้ ได้รับการซ่อมแซมและฟื้นฟูกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่
เดิมทีม่านพลังสำหรับคุ้มครองค่ายผู้อพยพมีสีเหลืองทอง ทว่า บัดนี้มันกลับมีลวดลายสีแดงเข้มเข้าไปเสริมกำลังความแข็งแกร่ง ประเมินดูด้วยสายตาแล้ว น่าจะพอต้านทานคลื่นพลังของผู้ที่อยู่ในขั้นเซียนได้แน่นอน
มีคนช่วยซ่อมแซมม่านพลังให้เขาอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินครุ่นคิดด้วยความพิศวง
ผู้ที่จะสามารถซ่อมแซมม่านพลังขนาดใหญ่ในระยะเวลาอันสั้นจำเป็นต้องมีระดับพลังที่สูงส่งมาก
แต่ในค่ายผู้อพยพไม่มีใครมีพลังสูงส่งถึงเพียงนั้น
แม้แต่อาจารย์หลิว หัวหน้าผู้ใช้ค่ายอาคมประจำสถานศึกษาของเขา ก็ยังไม่สามารถทำได้เช่นกัน
ม่านพลังสำหรับคุ้มครองค่ายผู้อพยพก่อนหน้านี้คือผลงานที่รังสรรค์ออกมาอย่างสุดฝีมือของอาจารย์หลิวแล้ว
ถ้าอย่างนั้นเป็นฝีมือของผู้ใดกันล่ะ?
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วขบคิดและนึกถึงความเป็นไปได้เดียว…
ไป๋ชินหยุน
แต่ว่าก่อนหน้านี้ไป๋ชินหยุนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของเยว่เว่ยหยาง ระดับพลังของนางจึงลดลงไปมากโข แม้ว่าเด็กสาวร่างเล็กจะยังมีนิสัยดุร้ายอยู่เช่นเดิม แต่ด้วยระดับพลังที่เหลืออยู่ในปัจจุบันของนาง ไป๋ชินหยุนไม่สามารถต่อสู้กับผู้ที่อยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ได้ด้วยซ้ำ
อีกอย่าง เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าไป๋ชินหยุนมีความเก่งกาจในการสร้างค่ายอาคม
แต่ถ้าไม่ใช่นาง แล้วจะเป็นใครไปได้อีก?
หลินเป่ยเฉินคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก นอกจากว่านี่จะเป็นฝีมือของนักพรตหญิงชินเท่านั้น
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นักพรตหญิงชินหายสาบสูญไร้ร่องรอย ไม่เคยปรากฏตัวเลยสักครั้งเดียวเมื่อหลินเป่ยเฉินมาถึงนครเจาฮุย
ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นคำถามที่ไร้คำตอบ
แต่มันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ซ่อมแซมม่านพลัง แต่ขณะนี้ค่ายผู้อพยพก็กลับมาอยู่ในความปลอดภัย และไม่มีสิ่งใดให้หลินเป่ยเฉินต้องคอยพะวงอีก
เมื่อร่างกายฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว เด็กหนุ่มก็มีจิตใจห้าวหาญอีกครั้ง เขาดาวน์โหลดกระบี่เงินออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ สะกิดปลายเท้าลงบนพื้นดินเล็กน้อย ตัวคนก็ลอยขึ้นไปในอากาศและฟันกระบี่ใส่เหลียงหยวนเตาด้วยความดุดันทันที
วูบ!
คมกระบี่สาดประกายวูบ
เหลียงหยวนเตาไม่ทันระวังตัว จึงถูกคมกระบี่ฟันเข้าไปบนแผ่นหลังอย่างจัง
โลหิตสาดกระจาย
“เจ้าต้องตาย!”
เหลียงหยวนเตาระเบิดเสียงคำรามและกระแทกหมัดเข้าใส่เด็กหนุ่ม
“ระวังตัวด้วย”
เกาเฉิงฮั่นกระโดดเข้ามาใช้กระบี่ป้องการโจมตีให้หลินเป่ยเฉิน “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? อาการบาดเจ็บทุเลาแล้วหรือ?”
หลินเป่ยเฉินกระโดดตีลังกาเปลี่ยนแปลงตำแหน่งด้วยความคล่องแคล่วไม่ต่างจากตั๊กแตนตำข้าว “ปีศาจเศษสวะเช่นนี้ ไม่มีทางทำอะไรข้าได้อยู่แล้ว”
หลังจากหยุดชะงักไปเล็กน้อย คุณชายหลินก็พูดประโยคที่เคยได้ยินจากละครทีวีแนวกำลังภายในว่า “ตัววายร้ายผู้นี้มีความชั่วช้ามากเกินไป พวกเรามาร่วมมือกัน กำจัดปีศาจร้ายช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์กันเถิด”
“ย่อมได้”
เกาเฉิงฮั่นรับคำอย่างหนักแน่น “แต่น้องชายได้โปรดระวังตัว ปีศาจตัวนี้มีฝีมือไม่ธรรมดา มันมีความ…”
พูดยังไม่ทันจบประโยค
ผลั่ก!
เหลียงหยวนเตาผู้โกรธแค้นพลันกระแทกหมัดอัดหลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นออกมา
“เจ้ามีฝีมือเพียงเท่านี้เองหรือ?”
หลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นกลิ้งไถลไปบนพื้นน้ำแข็งหลายร้อยวา หลังจากนั้น เหลียงหยวนเตาจึงโคจรพลังลมปราณและระเบิดเสียงคำรามออกมาว่า “คนแซ่เกา เจ้าบอกว่าตนเองเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด งั้นมาดูกันซิว่าเจ้าจะมีปัญญาช่วยเหลือเด็กหนุ่มผู้นี้ได้หรือไม่?”
เพียงพริบตาต่อมา เหลียงหยวนเตาก็พุ่งเข้ามาโจมตีใส่หลินเป่ยเฉินอีกครั้ง
เกาเฉิงฮั่นระเบิดเสียงหัวเราะดังกังวาน ควงกระบี่สายฟ้าในมือ เข้ามาพัวพันปีศาจเหลียงหยวนเตาอีกครั้ง