เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 790 พี่ใหญ่เกา ไม่นะขอรับ พี่ใหญ่อย่าเพิ่งตาย
ตอนที่ 790 พี่ใหญ่เกา ไม่นะขอรับ พี่ใหญ่อย่าเพิ่งตาย
“กระบี่จงมา”
เขากระซิบ
แล้วกระบี่สายฟ้าที่เสียบติดอยู่กับโขดหินก็เคลื่อนไหวเป็นลำแสงสีม่วงกลับมาอยู่ในมือของเกาเฉิงฮั่นอีกครั้ง
ชายหนุ่มถือกระบี่อยู่ในมือขวา
ส่วนมือซ้ายของเขายกนิ้วขึ้นมากดลงไปบนตัวกระบี่
วูบ!
ตัวกระบี่พลันถูกห่อหุ้มด้วยม่านพลังวับวาว
เดิมทีกระบี่สายฟ้าก็มีอานุภาพการทำลายล้างรุนแรงอยู่แล้ว
แต่บัดนี้ มันยังรับพลังลมปราณระดับเซียนของเกาเฉิงฮั่นเข้าไปอีกด้วย
แม่ทัพหนุ่มสะกิดปลายเท้าที่ยังใช้งานได้เพียงข้างเดียวลงไปบนพื้นดิน ทันใดนั้น ตัวคนก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
ร่างกายปกคลุมด้วยจิตสังหาร
กระบี่ในมือตวัดวูบ เกิดเป็นคลื่นพลังที่มองไม่เห็นพุ่งออกไปข้างหน้า
รัศมีการทำลายล้างรุนแรงมากกว่าเดิมหลายเท่า
ดวงตาของเกาเฉิงฮั่นเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความเคียดแค้น
การโจมตีครั้งนี้ เขาทุ่มเทพลังลมปราณที่มีอยู่ทั้งหมดในร่างกาย ใช้ออกมาด้วยหนึ่งในกระบวนท่าการโจมตีที่รุนแรงที่สุด
กระบี่สายฟ้าสาดแสงเป็นประกายเจิดจ้า
นี่ไม่ต่างจากการโจมตีของเทพเจ้า
พลังงานจากคมกระบี่แผ่กระจายไปรอบบริเวณในลักษณะเกลียวคลื่นที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า โดยที่มีจุดศูนย์กลางคลื่นพลังอยู่ที่ร่างกายของเกาเฉิงฮั่น
กลุ่มผู้ชมที่ถอยออกไปอยู่ห่างไกลต่างก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
ทุกคนต่างก็รู้สึกว่ากระบี่ยาวในมือของเกาเฉิงฮั่นมีรัศมีคุกคามน่ากลัวมากกว่าเดิม ยามตวัดกวัดแกว่งกระบี่ คลื่นแรงสั่นสะเทือนที่แผ่กระจายออกไปในวงกว้างก็ทำให้บรรดาซากศพบนพื้นดินเกิดอาการสั่นไหวเหมือนกับมันมีชีวิตอีกครั้ง ราวกับว่าซากศพคนตายเหล่านั้นต้องการที่จะฟื้นกลับขึ้นมาเพื่อทำการคำนับต่อเกาเฉิงฮั่นด้วยความเคารพเทิดทูน
ขณะนี้ เกาเฉิงฮั่นไม่ได้มีสภาพเหมือนกับเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งอีกต่อไป
ตัวกระบี่ในมือของเขาเปล่งประกายเจิดจ้าจนสายตาผู้คนพร่าพราย
ในที่สุด เหลียงหยวนเตาที่พยายามไล่ล่าสังหารหลินเป่ยเฉินก็รับรู้ได้ถึงภัยคุกคามที่เข้ามาทางด้านหลัง
เหลียงหยวนเตาหันหน้ากลับไปมองด้วยความประหลาดใจ
และสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาต้องยืนตัวแข็งทื่อ
บัดนี้ เกาเฉิงฮั่นยืนเขย่งขาเดียวอยู่กลางอากาศ ในมือถือกระบี่สายฟ้าสีม่วงเข้ม รอบกายเจิดจรัสด้วยรัศมีกระบี่ที่บานออกราวกลีบดอกบัว ทำให้ตัวคนยิ่งมีสง่าราศีราวกับเป็นเทพเจ้าบนโลกมนุษย์
“นั่นมัน…”
เหลียงหยวนเตาเบิกตาโตด้วยความพรั่นพรึง กว่าจะตั้งสติได้ คมกระบี่ก็เคลื่อนคุกคามเข้ามาถึงตัวเสียแล้ว
เหลียงหยวนเตายกมือขึ้นป้องตาตัวเองด้วยสัญชาตญาณ
ทันใดนั้น เกาเฉิงฮั่นก็ระเบิดเสียงคำรามออกมาว่า
“กระบวนท่า… กระบี่เซียนสะเทือนบัลลังก์เทพ!” เสียงตะโกนดังกึกก้องผืนฟ้า เงากระบี่แผ่ปกคลุมรอบกายเหลียงหยวนเตาแสงสว่างระเบิดประกายแวววาวราวกับเป็นการระเบิดตัวของดวงดาวบนฟากฟ้า มวลอากาศปั่นป่วนรุนแรง คมกระบี่ฟาดฟันใส่ศัตรูไม่ต่างจากต้องการจะแยกโลกทั้งใบให้ขาดออกจากกัน
การเคลื่อนไหวที่รุนแรงและสง่างามเช่นนี้ เพียงพอแล้วที่จะทำให้เหล่าเทพเจ้าบนฟากฟ้าต้องตื่นตกใจ
บัลลังก์เทพเจ้าของพวกเขาถึงกับต้องสั่นสะเทือนตามชื่อกระบวนท่าจริงๆ
หัวใจของเหลียงหยวนเตาก็สั่นสะเทือนไม่แพ้กัน
พลังการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ เพียงพอที่จะทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความตายอีกครั้ง
แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะรู้ตัวดีว่าตนเองไม่สามารถหลบหนีได้ทันเวลาอีกแล้ว
แต่เหลียงหยวนเตาไม่ยอมตายง่ายๆ เด็ดขาด
ครืน! ครืน! ครืน!
ทุกคมกระบี่ที่ฟันลงไปบนลำตัวของเหลียงหยวนเตาถึงจะสามารถทำให้มีเลือดสาดกระจายออกมาได้ก็จริง แต่คมกระบี่กลับไม่สามารถทะลวงลึกลงไปใต้ผิวหนัง หรือทำให้เหลียงหยวนเตาเกิดอาการบาดเจ็บได้อยู่ดี เพราะว่าท่านเจ้าเมืองอสูรกายได้โคจรพลังลมปราณสร้างเป็นม่านพลังบางๆ ขึ้นมาคุ้มกันร่างกายแล้วนั่นเอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า มาดูกันเถอะว่าเจ้าจะมีปัญญาทำอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่…”
เหลียงหยวนเตาระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจขณะถอยไปตั้งหลักห่างไกล แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักลง
เพราะว่าเกาเฉิงฮั่นใช้สองมือถือกระบี่เคลื่อนกายเข้ามาตามติด กระบี่ถูกฟันออกแนวขวาง ลำแสงสีม่วงสาดประกายเจิดจ้า พุ่งทะลวงเข้าใส่ร่างของเหลียงหยวนเตาด้วยความแม่นยำ
อานุภาพการทะลุทะลวงของกระบี่นี้ทำให้เหลียงหยวนเตาต้องตกตะลึงอีกครั้ง
“ฝันไปเถอะ”
เหลียงหยวนเตาใบหน้าบิดเบี้ยว รีบโคจรพลังลมปราณสร้างม่านพลังขึ้นมาคุ้มกันร่างกายอีกครั้ง
“จงตายซะ”
เกาเฉิงฮั่นระเบิดเสียงคำรามออกมาเช่นกัน
พลังลมปราณสูบฉีดเต็มอัตรา
กระบี่สายฟ้าเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า
นี่คือการต่อสู้ระหว่างเซียนกับปีศาจที่แท้จริง
ในที่สุด…
เปรี้ยง!
เกิดการระเบิดขนาดใหญ่
ลำแสงกระบี่พุ่งผ่านไปในอากาศ
ร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ของเหลียงหยวนเตาในรูปลักษณ์มนุษย์นกพลันลอยค้างอยู่กลางอากาศ
ห่างออกไปหลายร้อยวา เกาเฉิงฮั่นยังคงลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า
แสงสว่างที่แผ่ออกมาจากร่างกายของแม่ทัพหนุ่มจางหายไปพอสมควร มือที่สั่นเทาของเขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะถือกระบี่สายฟ้าได้อีกต่อไป และในจังหวะที่กระบี่สายฟ้าหลุดหล่นร่วงลงจากมือ ร่างกายของเกาเฉิงฮั่นก็หล่นวูบลงมาราวกับเป็นเทียนไขที่ถูกดับแสง…
“พี่ใหญ่เกา?” ห่างออกมาไม่ไกล หลินเป่ยเฉินผู้ที่มีใบหน้าบวมปูด จมูกช้ำ ปากแตก ส่งเสียงร้องเรียกขณะกระโจนเข้าไปช้อนรับร่างของเกาเฉิงฮั่นไว้จากกลางอากาศได้ทันเวลาหวุดหวิด “ท่านเป็นอย่างไรบ้าง…?”
เกาเฉิงฮั่นมีลมหายใจรวยริน เขาลืมตาขึ้นมามองหน้าเด็กหนุ่มผู้ที่กำลังโอบอุ้มตนเองอยู่อย่างยากลำบาก และเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีใบหน้าบวมช้ำราวกับหัวหมูไหว้เจ้า เกาเฉิงฮั่นก็อดถามออกมาไม่ได้ว่า “เจ้าเป็นใคร…”
“ข้าหลินเป่ยเฉินเองขอรับ เด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาที่สุดในนครเจาฮุย”
หลินเป่ยเฉินรีบอธิบายเร็วไว “เหลียงหยวนเตามันอิจฉาที่ข้ามีความหล่อเหลามากกว่ามัน ก็เลยทุบตีข้าจนมีใบหน้าบวมช้ำเช่นนี้แหละขอรับ… แต่อย่าเพิ่งถามอะไรเลยดีกว่า… นี่พี่ใหญ่เกากำลังจะตายแล้วหรือขอรับ?”
เกาเฉิงฮั่นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นบนมุมปาก
“ใบหน้าของเจ้าช่างอัปลักษณ์จริงๆ”
พูดจบ ศีรษะของแม่ทัพใหญ่ก็ห้อยพับลงไปด้านข้างอย่างช้าๆ
ดวงตาเบิกค้างไม่ยอมหลับลง
หลินเป่ยเฉินตกตะลึงสุดขีด
“พี่ใหญ่เกา ไม่นะขอรับ พี่ใหญ่อย่าเพิ่งตาย พี่ใหญ่เกา”
หลินเป่ยเฉินเขย่าร่างเกาเฉิงฮั่นอย่างรุนแรงและส่งเสียงตะโกนว่า “พี่ใหญ่เกา ท่านเป็นความหวังเดียวของพวกเรา อย่าเพิ่งตายนะขอรับ เกิดท่านตายไปแล้วเหลียงหยวนเตามันฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ข้าเพียงคนเดียวจะไปรับมือมันได้อย่างไร…”
พูดยังไม่ทันจบ
โครม!
ร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ของเหลียงหยวนเตาก็ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
นั่นเองหลินเป่ยเฉินถึงได้สังเกตเห็นว่าบริเวณหัวใจของเหลียงหยวนเตากลายเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ ขอบบาดแผลมีลักษณะไหม้เกรียม คล้ายกับถูกกระบี่ที่มีความร้อนสูงแทงทะลวงอย่างแม่นยำ
หลินเป่ยเฉินจ้องมองด้วยความพิศวง