เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 809 อาการบาดเจ็บของหลิงเฉิน
ตอนที่ 809 อาการบาดเจ็บของหลิงเฉิน
เมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของชินหลันซู หลินเป่ยเฉินก็ไหลตามน้ำไปด้วยการรับคำว่า “ด้วยความยินดีขอรับ ด้วยความยินดี”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดีแล้วละ ดีแล้วละ” หลิงจุนเซวียนยิ้มกว้างและพูดต่อ “ว่าแต่เจ้ามาที่นี่ก็ดีแล้ว ข้ากำลังจะส่งคนไปตามตัวเจ้ามาพอดี…”
หางตาของหลินเป่ยเฉินกระตุกยิก
เอาแล้วไง
เกรงว่าท่านพ่อตากับท่านแม่ยายคงเตรียมส่งคนไปลากตัวเขามาลงโทษแน่ๆ
“แหะแหะ คือว่า… ข้าน้อยเพิ่งกวาดล้างจวนผู้ว่าสำเร็จ ระหว่างนี้มีเรื่องราวมากมายให้จัดการ กว่าจะหาเวลาว่างได้ ก็ล่วงเลยมาถึงขนาดนี้แล้วขอรับ”
หลินเป่ยเฉินรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“ประเสริฐ ถือว่ามีเหตุผลควรรับฟัง”
หลิงจุนเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงเข้าอกเข้าใจ “ถ้าอย่างนั้น ข้าไม่เอาเรื่องเจ้าก็ได้”
“ขอบคุณท่านเจ้าเมืองหลิงที่เมตตา”
หลินเป่ยเฉินค่อนข้างให้เกียรติหลิงจุนเซวียนมากพอสมควร
อีกอย่าง บุตรสาวของหลิงจุนเซวียนต้องมาหมดสติก็เพราะเขา
เมื่อลองพิจารณาเหตุการณ์นี้ดูอย่างถี่ถ้วน แม้ว่าหลินเป่ยเฉินจะไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของหลิงเฉินได้ แต่อย่างน้อย เขาก็ควรมีเวลาให้นาง เพื่อรักษาไว้ในเกียรติยศของลูกผู้ชาย
ในฐานะที่จะเป็นคนรักในอนาคต การที่ไม่มีทั้งความสามารถและไม่มีทั้งเวลา ก็จะต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน
ลูกผู้ชายจะทำเช่นนี้ไม่ได้
หลินเป่ยเฉินครุ่นคิดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตนเองสมควรแสดงความรับผิดชอบออกมาบ้าง
เขาหันกลับไปประสานมือทำความเคารพภรรยาของท่านเจ้าเมืองหลิง “ข้าน้อยขอคารวะท่านป้า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะขอรับ”
เด็กหนุ่มเจตนาเรียกนางว่าท่านป้า เพราะอยากจะสร้างความสนิทสนมมากขึ้น
ในแววตาของชินหลันซูเกิดประกายแปลกประหลาด นางพยักหน้ารับคำ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
“ไม่ทราบว่าคุณหนูหลิงเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง
“เฉินเอ๋อร์ต่อสู้กับปีศาจตนนั้นจนพลังลมปราณหมดร่างกาย เดิมทีนางก็ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว บัดนี้สลบไสลไม่ได้สติ ท่านหมออานบอกว่าคงต้องใช้เวลาอีกหนึ่งวันหนึ่งคืนกว่าที่นางจะฟื้นตื่นขึ้นมา… เจ้าลองเข้าไปดูเองเถิด” หลิงจุนเซวียนรีบตอบรับให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
หลินเป่ยเฉินอดคิดไม่ได้ว่านี่ถือว่าเขามีตัวช่วยแล้วใช่ไหมเนี่ย?
เด็กหนุ่มหันกลับไปจ้องมองหลิงเฉินผู้นอนห่มผ้าอยู่บนเตียง
ใบหน้ารูปไข่ของนางยังคงงดงามเช่นเคย เส้นผมสีดำแผ่สยาย และด้วยรูปลักษณ์ที่ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนี้ เพียงจ้องมองแค่เล็กน้อยก็สามารถทำให้ผู้คนหลงใหลแทบคลั่งตายได้แล้วจริงๆ
ตลอดเวลาที่ทะลุมิติมาอยู่ในโลกแห่งวรยุทธ์ หลินเป่ยเฉินพบเจอเด็กสาวจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีหน้าตางดงามเฉิดฉายหรือผู้ที่มีหน้าตาเรียบธรรมดา พวกนางต่างก็มีบุคลิกเฉพาะตัวในแบบฉบับที่ดีพอต่อการเป็นสาวในฝันของหนุ่มโอตาคุอย่างเขา
แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องความงดงามของหน้าตาและรูปทรงที่สมส่วนสมบูรณ์แบบ ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะหลิงเฉินได้เลยสักคนเดียว
“ข้าจะลองรักษานางดูนะขอรับ”
ก่อนที่หลินเป่ยเฉินจะใช้วงแหวนวารี เขาจำเป็นต้องขออนุญาตหลิงจุนเซวียนกับภรรยาก่อน
“เจ้าสามารถรักษาผู้คนได้ด้วยหรือ?”
ชินหลันซูเบิกตาโตมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความไม่อยากเชื่อ
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เป็นอานมู่ซีและศิษย์เอกของเขาโจวฉุยหวูซวงเดินเข้ามาในห้องพักผู้บาดเจ็บ
เมื่อเห็นหน้าหลินเป่ยเฉิน ทั้งสองคนก็รีบประสานมือทำความเคารพทันที
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าตอบกลับไป ก่อนตอบคำถามของชินหลันซูว่า “ก็พอทำได้อยู่บ้างขอรับ…”
ชินหลันซูขมวดคิ้วนิ่วหน้าและกล่าว “เฉินเอ๋อร์มีร่างกายอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร ครั้งนี้สูญเสียพลังลมปราณเป็นจำนวนมาก นับว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์รักษาผู้คนได้ แต่สำหรับการรักษาเฉินเอ๋อร์ นางมีอาการป่วยบางอย่างที่เจ้าคงรักษาไม่ได้เด็ดขาด เพราะแม้แต่หัวหน้านักบวชในวิหารหลวงก็ยังรักษานางไม่สำเร็จ…”
หืม?
อาการป่วยบางอย่าง?
หลินเป่ยเฉินสะดุดหูที่คำนี้
หรือว่าหลิงเฉินจะป่วยเป็นโรคเรื้อรังขั้นรุนแรง?
เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
อ้อ นึกออกแล้ว
หลิงเฉินคงป่วยเพราะมีหลายบุคลิกแน่ๆ
หลินเป่ยเฉินพูดว่า “ท่านป้าขอรับ ข้าน้อยอาจจะไม่เข้าใจศาสตร์การรักษาคนไข้ของหมอยาก็จริง แต่ข้าน้อยมีพลังพิเศษสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้ ท่านป้ากรุณารับชมดูให้ดี…”
หลังจากนั้น เขาก็โยนวงแหวนวารีเข้าไปที่ศีรษะของหลิงเฉิน
รัศมีสว่างไสวของวงแหวนยิ่งขับเน้นให้ใบหน้าของเด็กสาวผู้สลบไสลดูงดงามมากยิ่งขึ้น
“อ๊า…”
หลิงเฉินผู้นอนสลบไม่ได้สติหอบหายใจฟืดฟาดและส่งเสียงครางออกมาเล็กน้อย
ความขุ่นเคืองใจปรากฏขึ้นในดวงตาของชินหลันซู
หลิงจุนเซวียนก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาเช่นกัน “หลินเป่ยเฉิน วิธีการของเจ้าใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว…”
ด้วยฐานะที่เคยเป็นอดีตผู้ว่าการเมืองหยุนเมิ่ง หลิงจุนเซวียนจำได้ดีว่าหลินเป่ยเฉินสามารถใช้วงแหวนวารีรักษาผู้คนได้อย่างปาฏิหาริย์ เพราะฉะนั้น ก่อนหน้านี้เขาจึงยังมีความหวังอยู่ไม่น้อย
แต่บัดนี้ เห็นได้ชัดแล้วว่าหลิงเฉินยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา
หรือว่าเด็กสาวจะได้รับบาดเจ็บมากเกินไป?
นางต้องบาดเจ็บถึงขนาดนี้เพราะหลินเป่ยเฉินอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินโยนวงแหวนวารีออกไปอีกหลายวงติดๆ กัน
สุดท้าย บนศีรษะของเด็กสาวก็มีวงแหวนซ้อนทับกันเป็นสีเขียว
“พอได้แล้ว”
ชินหลันซูอดพูดออกมาไม่ได้ “หลินเป่ยเฉิน บุตรสาวของข้าได้รับความบาดเจ็บทั้งทางร่างกายและจิตใจ จำเป็นต้องรักษาเยียวยาอย่างช้าๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถช่วยเหลือได้ หากเจ้ารู้สึกผิดคิดว่านางต้องมาเป็นเช่นนี้ก็เพราะตัวเจ้าเอง เจ้าก็ควรหยุดมือได้แล้ว”
ในน้ำเสียงของหญิงสาวบอกชัดถึงความไม่พอใจ
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งเฮือกและรีบพูดว่า “ท่านป้ากำลังเข้าใจข้าน้อยผิดไปขอรับ…”
ชินหลันซูพูดสวนกลับมาทันที “เจ้าต้องเรียกข้าว่าฮูหยินหลิง”
“เอ่อ ได้ขอรับท่านป้า อันที่จริงนั้น…”
หลินเป่ยเฉินกำลังจะเริ่มต้นอธิบาย
แต่แล้วเด็กสาวผู้นอนอยู่บนเตียงด้านข้างก็ค่อยๆ ได้สติขึ้นมาและส่งเสียงกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง
หลิงเฉินลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้างงงวย แต่ความอ่อนล้าซีดเซียวบนใบหน้าของนางจางหายไปอย่างรวดเร็ว และพลังลมปราณในร่างกายก็ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ
เห็นได้ชัดว่าการรักษาด้วยวงแหวนวารีนั้นได้ผล
“เฉินเอ๋อร์!”
ชินหลันซูร้องอุทานออกมาเป็นคนแรกด้วยความดีใจ
ผู้เป็นมารดารีบโผเข้ามาข้างเตียงและจับมือบุตรสาวตนเองแนบแน่น เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณที่ฟื้นฟูขึ้นมา ชินหลันซูก็ยิ่งยิ้มกว้างด้วยความดีใจมากกว่าเดิม “ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ เจ้าปลอดภัยแล้ว…”
ชินหลันซูแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความปลื้มปีติ…
หลิงจุนเซวียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจเช่นกันและกล่าวว่า “โฮะโฮะโฮะ ในเมื่อหลิงเอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาเช่นนี้ก็คงปลอดภัยดีแล้ว ข้านึกอยู่แล้วเชียวว่านางต้องไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว พวกสตรีนี่ชอบทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมอยู่เรื่อยเชียว เฮ้อ…”
อ้าว
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้าอดีตท่านเจ้าเมืองด้วยความประหลาดใจ
อีตานี่รู้ตัวไหมเนี่ยว่าพูดอะไรออกมา?
หลิงจุนเซวียนยังคงพูดอะไรบางอย่างออกมาอีกหลายคำ จากนั้นถึงได้รู้ตัว และหันกลับไปมองตรงจุดที่ตนเองนั่งคุกเข่าอยู่เมื่อสักครู่โดยไม่พูดอะไรอีก และแล้ว หัวใจของเขาก็กระตุกวูบ สองขาอ่อนแรงอย่างไม่มีเหตุผล แต่เมื่อหันกลับมามองเห็นว่าภรรยากำลังดีใจที่บุตรสาวฟื้นขึ้นมาจนไม่ได้สังเกตว่าเขาเพิ่งพูดอะไรไป หลิงจุนเซวียนก็โล่งใจกลับมามีสีหน้าหนักแน่นมั่นคงอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินอยากจะเดินเข้าไปทักทายหลิงเฉินสักหน่อย
ชินหลันซูเห็นดังนั้นก็รีบหันกลับมามองตาขวาง “หลินเป่ยเฉิน บุตรสาวของข้าเพิ่งฟื้นขึ้นมา จำเป็นต้องใช้เวลาพักผ่อน เจ้ากลับไปก่อนเถอะ…”
หลินเป่ยเฉินได้แต่กะพริบตาปริบๆ
ให้ตายสิ
นี่มันเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลชัดๆ
ดูเหมือนท่านแม่ยายจะไม่ชอบขี้หน้าเขาจริงๆ ซะแล้วสิ
แต่เขาคือหลินเป่ยเฉินผู้เป็นคนดีและมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เขารู้ดีว่าการโต้คารมกับมารดาที่พยายามปกป้องบุตรสาวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงพยักหน้าและหันมาประสานมือค้อมศีรษะอำลาหลิงจุนเซวียน ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาจากห้องพักผู้บาดเจ็บ
บัดนี้ หลิงเฉินตื่นขึ้นมาเต็มตาแล้ว นางนอนอยู่เงียบๆ บนเตียง ไม่ได้ส่งเสียงพูดออกมาเพื่อรั้งตัวหลินเป่ยเฉินเอาไว้
นางได้แต่จ้องมองแผ่นหลังของหลินเป่ยเฉิน รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้า
มันเป็นรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์เช่นเดียวกับเด็กอนุบาลที่ได้รับคำชมเชยจากคุณครู