เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 930 น่ากลัว
ตอนที่ 930 น่ากลัว
กลุ่มคนรีบรุดเข้าไปในกรมมือปราบ แต่พวกเขาไม่พบเจอหลินเป่ยเฉิน กลับพบเจอเพียงซากศพของไต้อวี่เต๋อในห้องสอบสวนลับของหมู่ตึกที่สี่เท่านั้น
“ถึงกับสังหารเสนาบดีกรมมือปราบเลยหรือนี่?”
“เรื่องใหญ่แล้วสิ”
“เสนาบดีไต้ต้องมาตายในถิ่นของตนเอง”
บรรดาขุนนางคนใหญ่คนโตพากันหนังหัวชายิบ
เรื่องราวบานปลายเกินคาดคิด
หลังจากที่มือปราบคนสนิทของไต้อวี่เต๋อถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสไปจำนวนมาก รวมไปถึงจูจวิ้นหลานใบหน้าบวมช้ำถูกรีดไถศิลาบูชา สภาพจิตใจของกลุ่มขุนนางใหญ่ก็ไม่ได้ตกตะลึงกับศพที่พบเห็นสักเท่าไหร่
พวกเขาหันมองหน้ากันราวกับเพิ่งกำลังรับชมการแสดงละครฉากหนึ่งจบลง
“ข้างกายหลินเป่ยเฉินมียอดฝีมืออยู่มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
แม้แต่อัครเสนาบดีจูจวิ้นหลานก็ถึงกับตกตะลึงแล้วจริง ๆ
ใบหน้าที่เข้มขรึมจริงจังตลอดเวลาของเขา ยิ่งเพิ่มความเคร่งเครียดมากขึ้นกว่าเดิม
เสี่ยวเหยียนและพรรคพวกต่างก็ต้องตกอยู่ในความตะลึงงันเช่นกัน
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
นักรบเกราะเงินที่อยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายถึง 20 คน
และคนสนิทที่มีพลังขั้นเซียนถึงสี่คน
ทุกคนต่างก็เชื่อฟังหลินเป่ยเฉิน?
แล้วเด็กหนุ่มคนนี้ต้องมีความแข็งแกร่งเพียงใดกันนะ?
ความแข็งแกร่งของเขาอยู่เกินการคาดเดาของทุกผู้คน
ขุมกำลังที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ สามารถยึดครองจักรวรรดิได้เลยเสียด้วยซ้ำ
นี่หมายความว่าตราบใดที่หลินเป่ยเฉินต้องการ เขาก็สามารถรวบรวมกองทัพและบุกยึดนครหลวงได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังตั้งตนเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ได้อย่างไม่มีปัญหาอีกด้วย
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ หลินเป่ยเฉินก็ยิ่งมีความน่ากลัวมากเท่านั้น
เหตุไฉนบุตรชายสมองเสื่อมของอดีตขุนนางนักรบแห่งสวรรค์ผู้ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังกลับแข็งแกร่งขึ้นมาได้ถึงเพียงนี้?
ทุกคนเข้าใจว่าการแสดงฝีมือก่อนหน้านี้ของหลินเป่ยเฉินมีความน่ากลัวมากพอแล้ว
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาประเมินระดับพลังของเด็กคนนี้ต่ำมากเกินไป
ไม่มีใครคิดเลยว่าพยัคฆ์น้อยหลินเป่ยเฉินจะกลับกลายเป็นพญามังกรได้ในชั่วข้ามคืน
เมื่อเปรียบเทียบกับความตายของขุนนางใหญ่อย่างไต้อวี่เต๋อ แม้เขาจะมีตำแหน่งเป็นถึงเสนาบดีแห่งกรมมือปราบ แต่ก็หาได้แตกต่างไปจากความตายของมดปลวกตัวหนึ่งไม่
“พวกเรา… รีบกลับไปที่ตำหนักใหญ่เร็วเข้า รีบกลับไปที่ตำหนักใหญ่”
ขันทีชราจางเชียนเชียนเป็นบุคคลแรกที่หันไปสั่งผู้ติดตามของตนเอง หมุนตัวกลับไปจากกรมมือปราบโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก
เรื่องราวนี้เขาต้องกลับไปรายงานให้องค์จักรพรรดิรับทราบโดยเร็วที่สุด
ตราบใดที่หลินเป่ยเฉินยังอยู่ข้างเดียวกับพวกเขา จักรวรรดิเป่ยไห่ก็ยังคงมีความหวังที่จะอยู่รอด
และยิ่งไปกว่านั้น
ตราบใดที่หลินเป่ยเฉินยินดีให้ความร่วมมือ จักรวรรดิเป่ยไห่ของพวกเขาย่อมสามารถเอาชนะจักรวรรดิจี้กวงได้อย่างไร้ปัญหา และความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ก็จะช่วยป้องกันสงครามระหว่างจักรวรรดิได้อีกด้วย
เพราะมันจะทำให้กลุ่มขุนนางฉ้อฉลไม่กล้าลงมือทำอะไรโดยพลการ
พวกของขันทีชราจางเชียนเชียนหายลับไปจากสายตาแล้ว
“พวกเรากลับจวน”
อัครเสนาบดีจั่วเซียงก็ตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องราวนี้เช่นกัน พวกเขารีบยกกำลังคนกลับไปโดยไม่รอช้า
สิ่งที่ชายชราเป็นกังวลก็คือบรรดาขุนนางใหญ่เหล่านี้ อาจจะแอบไปปรึกษาหารือแผนการขั้นต่อไป โดยที่ตนเองไม่รับทราบก็เป็นได้
ผู้อาวุโสเสี่ยวเหยียนยังคงยืนอยู่ที่เดิม
เขาหันกลับมามองหน้าเสี่ยวเย่ที่ยืนอยู่ข้างกาย ทันใดนั้น ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมอง
“พวกเราก็กลับจวน อีกหนึ่งก้านธูปหลังจากนี้ เรียกสมาชิกระดับสูงในตระกูลทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องประชุมโดยเร็วที่สุด ข้ามีเรื่องสำคัญจะประกาศให้ทุกคนทราบ”
พวกของเสี่ยวเหยียนก็ออกมาจากกรมมือปราบแล้ว
บรรดาขุนนางคนใหญ่คนโตจากกรมต่าง ๆ ก็ถอนกำลังกลับไปแล้วเช่นกัน
มีแต่เพียงองค์ชายเจ็ดคนเดียวเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่
เขายืนคอเอียงสำรวจมองสภาพของกรมมือปราบด้วยความตื่นตระหนก แต่หลังจากคิดอะไรบางอย่างอยู่เล็กน้อย องค์ชายหนุ่มก็พึมพำออกมาว่า “ข้าไม่จำเป็นต้องกลัว น้องหลินไม่ใช่บุคคลกระหายเลือด เขาก็แค่ลงโทษคนชั่วร้าย…”
องค์ชายเจ็ดเน้นย้ำที่คำว่า ‘น้องหลิน’ หนักแน่น
“ระหว่างรอรับคำสั่งจากเสด็จพ่อ พวกเจ้าจงส่งคนมาคุ้มกันกรมมือปราบให้แน่นหนามากที่สุด และห้ามแพร่งพรายเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ให้ชาวเมืองรับรู้เป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”
องค์ชายเจ็ดออกคำสั่งเสียงเข้ม
“รับทราบขอรับ”
“ข้าน้อยรับคำบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
กลุ่มมือปราบที่กำลังตื่นกลัวรับคำสั่งด้วยความโล่งใจ
เนื่องจากนี่เป็นคำสั่งขององค์ชายโดยตรง
แม้องค์ชายจะมีลำคอบิดเบี้ยว ท่าทางแปลกประหลาดพิกล แต่องค์ชายท่านนี้เป็นถึงสหายรักของปีศาจหลินเป่ยเฉิน
คำสั่งของเขาย่อมมีน้ำหนักควรเชื่อฟัง
เมื่อจัดการเรื่องราวในกรมมือปราบเสร็จเรียบร้อย องค์ชายเจ็ดก็อารมณ์ดีขึ้นมาก
เดิมทีเขาอยากจะไปรับประทานอาหารที่จวนซางจั้วหยวน ทว่า หลังจากคิดทบทวนดูอีกรอบ องค์ชายเจ็ดก็ล้มเลิกความตั้งใจนั้นไป
บัดนี้ เขายังตามหาพวกของอาจารย์ฉู่ไม่พบ ม้าเร็วที่ส่งไปนครเจาฮุยรายงานกลับมาว่าพวกของอาจารย์ฉู่ยังเดินทางไปไม่ถึงที่นั่น หากองค์ชายเจ็ดไปที่จวนซางจั้วหยวนพร้อมกับข่าวคราวเช่นนี้จริง มันก็จะเป็นการทำลายบรรยากาศที่น่ายินดีไปเสียเปล่า ๆ
แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วยาม เรื่องราวที่เกิดขึ้นในกรมมือปราบก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอยู่ดี
แม้คนจำนวนมากจะไม่รับทราบความจริงอย่างละเอียด เพราะยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการถูกเผยแพร่ออกมา แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในนครหลวงไม่เคยมีเรื่องราวใดสามารถปิดบังได้ยาวนาน
ความตายของไต้อวี่เต๋อ เสนาบดีแห่งกรมมือปราบ เป็นเรื่องราวที่ชวนตกตะลึงอย่างยิ่ง
นับตั้งแต่ที่จักรวรรดิเป่ยไห่ก่อสร้างประเทศชาติ ในระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีขุนนางใหญ่คนไหนต้องถูกฆ่าตายภายในที่ทำงานของตนเองมาก่อน
และข่าวที่หลินเป่ยเฉินสังหารชาวเมืองผู้บริสุทธิ์ 66 คนด้วยเหรียญทองคำของเขาในลานจัตุรัสนั้น ก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง แน่นอนว่าย่อมมีผู้คนแต่งเสริมเติมเรื่องราวเพื่อปั่นป่วนสถานการณ์ให้ย่ำแย่ลงไปมากกว่าเดิม
“ไหนว่าเขาเป็นวีรบุรุษแห่งแผ่นดินไม่ใช่หรือ?”
“ได้ข่าวว่านั่นเป็นเรื่องหลอกลวงนะ…”
“หลินเป่ยเฉินออกหน้าช่วยเหลือพวกกบฏสำนักแสงตะวัน แล้วเขาจะเป็นวีรบุรุษได้อย่างไร?”
“แต่ข้าเชื่อมั่นในตัวคุณชายหลิน อีกไม่กี่วันเขาจะต้องขึ้นประลองในฐานะตัวแทนจักรวรรดิเป่ยไห่ เพื่อต่อสู้กับอวี้ซือไป๋แห่งจักรวรรดิจี้กวง”
“เจ้าโง่ นี่เจ้ากำลังเชื่อมั่นในตัวของผู้ที่ฆ่าชาวบ้านตาดำ ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“ถ้าอย่างนั้นไต้อวี่เต๋อก็สมควรตายแล้ว ที่ผ่านมาเขาเคยทำความดีอะไรบ้าง?”
ขณะนี้ ผู้คนทั่วทั้งนครหลวงต่างก็ถกเถียงถึงประเด็นนี้กันอย่างเผ็ดร้อน
และในระหว่างที่บรรยากาศการถกเถียงของชาวเมืองดำเนินไปด้วยความดุเดือด ทางสำนักพระราชวังกลับยังคงนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์นี้ ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
อีกหลายชั่วยามผ่านไป ยังคงไม่มีการแสดงท่าทีจากราชสำนัก
ในเมื่อไม่มีประกาศจากทางราชสำนัก ชาวเมืองจำนวนมากจึงพากันคาดเดาว่าหลินเป่ยเฉิน ‘จอมเชือด’ คงสามารถหนีรอดเงื้อมมือของกฎหมายไปได้อีกครั้งเสียแล้ว
…
ราตรีกาลปกคลุมผืนฟ้า
จวนซางจั้วหยวน
ในห้องนอนของคุณชายหลิน
ยังคงมีแสงสว่าง
‘ติ๊ง! ท่านทำภารกิจเร่งด่วนของแอปพลิเคชัน Keep สำเร็จแล้ว…’
‘ท่านเลือกที่จะสละชื่อเสียงของตนเอง ยอมตกอยู่ในความเกลียดชังของผู้คนจำนวนมาก ทางระบบจึงพิจารณาว่าท่านสามารถทำภารกิจได้เสร็จสมบูรณ์ 100%…’
ด้านล่างข้อความเหล่านี้ มีแถบข้อความขึ้นมาให้เลือกว่า
‘รับรางวัลเลยหรือไม่?’
ตัวเลือกมีอยู่สองข้อคือ
‘รับรางวัลเดี๋ยวนี้’
กับ
‘รับรางวัลภายหลัง’
หลินเป่ยเฉินถือโทรศัพท์อยู่ในมือ ยิ้มแย้มราวกับคนเสียสติ
เขากดปุ่มรับรางวัลเดี๋ยวนี้โดยไม่ลังเลสักนิด
“อ๊า…”
เสียงครางอย่างสุขสมดังขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงมวลพลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
ไม่ต่างจากกระแสน้ำป่าไหลหลากลงจากภูเขาเข้าสู่เขตตัวเมือง
หลังจากนั้น
ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งก้านธูป เสียงร้องครางของหลินเป่ยเฉินก็เงียบลง
เขาสามารถปรับตัวกับการถูกดูดพลังได้เป็นอย่างดี
“ดูเหมือนเราจะแข็งแกร่งขึ้นแล้วสินะ”
เด็กหนุ่มหลับตาลงด้วยสีหน้ามีความสุข รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังลมปราณในร่างกายไหลเวียนอย่างสะดวกสบายมากขึ้น
ทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นถึงความแตกต่าง
“จริงด้วยสิ เส้นลมปราณใหม่ถูกเปิดขึ้นมาแล้ว!”
หลินเป่ยเฉินใช้พลังจิตสำรวจดูภายในร่างกาย
เส้นลมปราณที่เป็นช่องทางการโคจรพลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดในร่างกายของเขานั้น เดิมทีพวกมันมีอยู่เพียงห้าสาย บัดนี้กลับเพิ่มขึ้นมาเป็นสิบสายแล้ว
พลังปราณธาตุหนึ่งชนิดจะมีเส้นลมปราณให้โคจรพลังไหลผ่านได้สองเส้น
บัดนี้ เส้นลมปราณทั้งสิบสายต่างก็มีมวลพลังไหลผ่านล้นปรี่
นี่สินะความรู้สึกของการแข็งแกร่งขึ้น?
ว่ากันตามหลักตำราของแผ่นดินตงเต้า สำหรับผู้มีพลังขั้นเซียน ยิ่งเส้นลมปราณในร่างกายมีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นเรื่องดีมากเท่านั้น
เนื่องเพราะการมีอยู่ของเส้นลมปราณเหล่านี้จะช่วยทำให้พลังปราณธาตุในร่างกายไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น นั่นหมายความว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งขึ้น พวกมันจะช่วยเปลี่ยนสภาพร่างกายของมนุษย์ให้กลายเป็นร่างกายของเซียนที่แท้จริง
แต่การเปิดเส้นลมปราณนั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทำกันได้ง่าย ๆ
จวบจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังคงไม่มีผู้ใดรู้วิธีการเปิดเส้นลมปราณที่แน่นอน
บางครั้งถึงจะรู้ว่าในร่างกายมีเส้นลมปราณอยู่กี่เส้น แต่ผู้คนกลับไม่รู้วิธีเปิดการใช้งาน นี่ก็นับเป็นเวรกรรมชนิดหนึ่ง
เพราะกระบวนการทดลองเปิดเส้นลมปราณนั้นทั้งยาวนานและอันตราย
และผู้ที่ค้นพบความจริงเหล่านี้ ก็คือผู้มีพลังระดับเซียนที่ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียพลังของตนเองไปชั่วชีวิต
นั่นเป็นเพราะว่าระหว่างการเปิดเส้นลมปราณ หากผิดพลาดเพียงนิดเดียว ผลที่ตามมาก็จะเสียหายร้ายแรง หากไม่ถึงขั้นเสียชีวิต วรยุทธ์ทั้งหมดก็จะถูกทำลายลงไปในพริบตา
หลินเป่ยเฉินเห็นด้วยกับทฤษฎีเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง
เพราะมันฟังดูมีความเป็นจริงมากที่สุดแล้ว
ตัวอย่างเช่น นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังบนโลกมนุษย์ กว่าจะค้นพบกฎฟิสิกส์และพัฒนาอารยธรรมแห่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ขึ้นมาได้ พวกเขาก็ต้องผ่านการลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วน
และในระหว่างการลองผิดลองถูกเหล่านั้น หลินเป่ยเฉินไม่ทราบเลยว่ามีการทดลองครั้งใดบ้างที่ล้มเหลว จนก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ทดลองจนถึงขั้นเสียชีวิต
การสำรวจโลกแห่งปริศนาของมวลมนุษยชาติคือสิ่งที่ยากลำบากเสมอ
เทคโนโลยีก็เช่นกัน
หลักคิดนี้สามารถนำมาปรับใช้กับการฝึกวิทยายุทธ์ได้อย่างเหลือเชื่อ
เพราะมันเป็นหลักการที่ตั้งอยู่บนความเป็นจริง
ยิ่งอยากได้บางสิ่งบางอย่างมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเสียบางสิ่งบางอย่างไปมากเท่านั้น
แต่หลินเป่ยเฉินแตกต่างจากผู้อื่น
เขาสามารถเปิดเส้นลมปราณได้สำเร็จแล้ว
“ไม่ต้องรีบร้อน เราค่อย ๆ ปรับระดับพลังในร่างกายก่อนดีกว่า”
เด็กหนุ่มรีบปรับเปลี่ยนระดับการโคจรพลังในร่างกายอย่างรวดเร็ว
ในจำนวนเส้นลมปราณสิบเส้นนี้ เขาสามารถสัมผัสได้เป็นอย่างดีว่าเส้นลมปราณมีลักษณะแข็งแรงมากขึ้น ทรงพลังมากขึ้น ช่วยให้มวลพลังไหลเวียนได้อย่างปลอดโปร่งมากขึ้น
‘ติ๊ง! ท่านได้รับรางวัลพิเศษ กรุณาตรวจสอบ…’
ทันใดนั้น ข้อความจากแอปพลิเคชัน Keep แจ้งเตือนขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง
แน่นอนว่าหลินเป่ยเฉินรีบกดเข้าไปอ่านโดยไม่รอช้า
‘ท่านได้รับรางวัลพิเศษเป็นแอปพลิเคชันกางอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ ต้องการดาวน์โหลดและติดตั้งเลยหรือไม่?’
‘คำเตือน : แอปพลิเคชันกางอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์มีขนาดไฟล์ 20 GB กรุณาตรวจสอบแบตเตอรี่และอินเทอร์เน็ตของโทรศัพท์ให้พร้อมใช้งาน… ห้ามหยุดหรือปิดเครื่องระหว่างการดาวน์โหลดเด็ดขาด’
หลินเป่ยเฉินรีบใช้ศิลาบูชาชาร์จแบตโทรศัพท์ให้เต็ม
จากนั้นจึงกดดาวน์โหลด
ความรู้สึกถูกดูดพลังที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง
นับตั้งแต่ที่โทรศัพท์มือถือได้รับการอัพเกรดอุปกรณ์ สัญญาณอินเทอร์เน็ตของโทรศัพท์ก็กลับกลายเป็นพลังปราณธาตุไปเสียอย่างนั้น
สำหรับการดาวน์โหลดแอปกางอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์นี้ มันต้องใช้พลังปราณธาตุ 20 GB เทียบเท่ากับใช้พลังลมปราณ 200 GB นั่นเอง
โชคดีหลินเป่ยเฉินที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว
ณ บัดนี้ เขาเป็นถึงผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสอง ซ้ำยังมีพลังปราณธาตุในร่างกายถึงห้าชนิด การดาวน์โหลดพวกมันสัก 20 GB จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่
เสียงครางราวกับวิญญาณโหยหวนดังขึ้นในห้องนอนของเด็กหนุ่มอีกครั้ง
ผ่านไปชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย การดาวน์โหลดก็เสร็จสิ้น
หลินเป่ยเฉินกดติดตั้ง
หลังจากนั้น
เด็กหนุ่มผู้มีเหงื่อไหลโทรมกายก็แทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เปิดใช้งานแอปกางอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์
แอปพลิเคชันนี้จะมีอิทธิฤทธิ์อะไรบ้างนะ?