เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 940 แทรกแซง
ตอนที่ 940 แทรกแซง
“นี่หมายความว่าอย่างไร?”
จั่วเซียงขมวดคิ้วนิ่วหน้า ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผลการประลองรู้แล้วว่าใครคือผู้ชนะและใครคือผู้แพ้ คิดไม่ถึงเลยว่าจักรวรรดิจี้กวงกลับกล้าละเมิดกฎการประลองเดิมพันชีวิตกลางนครหลวงของจักรวรรดิเป่ยไห่เช่นนี้เชียวหรือ?”
องค์ชายอวี่ใบหน้ากระตุก หัวคิ้วขมวดมุ่น
เขาสูดหายใจลึกและตอบว่า “ไม่ว่าใครจะชนะหรือใครจะแพ้นั่นก็เรื่องหนึ่ง ในเมื่อพวกเราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ พวกเราก็ต้องยอมรับ แต่ท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมาก หลินเป่ยเฉินกลับสั่งให้สัตว์เลี้ยงของเขากระทำการหยามเกียรติร่างที่ไร้ชีวิตของนักรบแห่งจักรวรรดิจี้กวง นี่คือเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด พวกเราต้องการคำอธิบาย”
จิ้งจอกจะอย่างไรก็เป็นจิ้งจอก สุดท้าย องค์ชายอวี่ก็ยังสามารถหาเหตุผลในการก่อปัญหาได้อยู่ดี
อีกอย่าง วิธีการตรวจค้นร่างกายของอากวง มันก็ดูล่วงเกินผู้เสียชีวิตมากเกินไปจริง ๆ
จั่วเซียงยิ้มออกมาเล็กน้อยและกล่าวว่า “ผู้ชนะจะทำอย่างไรกับผู้พ่ายแพ้ก็ได้ หากองค์ชายอวี่มีปัญหากับเรื่องนี้ ก็ออกจะไร้เดียงสาเกินไปหน่อยแล้วกระมัง”
องค์ชายอวี่กัดฟันกรอด อาศัยเหตุผลในข้อนี้ สอบถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดใจ “ไร้เดียงสาอย่างนั้นหรือ? ในการประลองครั้งนี้ มีผู้คนของทั้งสองจักรวรรดิรับชมอยู่จำนวนมาก อีกทั้งยังมีคณะทูตจากกลุ่มพันธมิตรจักรวรรดิส่วนกลางเข้ามาเป็นสักขีพยาน หลินเป่ยเฉินเป็นผู้ชนะก็คือผู้ชนะ เหตุไฉนถึงต้องกระทำการดูหมิ่นศักดิ์ศรีร่างที่ไร้ชีวิตของสตรีนางหนึ่งด้วย นี่หรือคือจิตวิญญาณของมือกระบี่ที่แท้จริง?”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าขาวซีด
องค์ชายอวี่ตอบว่า “ข้าต้องการให้เจ้าขอโทษร่างที่ไร้ชีวิตของแม่นางอวี้ จากนั้นก็คืนคันธนูเทพเจ้าร่ำไห้กลับมาให้พวกเรา… สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงของเจ้าเลย ข้าแค่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่จักรวรรดิจี้กวงเท่านั้น”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็หันหน้าไปยังทิศทางของห้องรับรองแขกระดับสูงแล้วประสานมือ
“สมควรตามที่องค์ชายกล่าวแล้ว”
เสียงของเทพสงครามเซียนมนุษย์จีหวูชวงดังออกมาจากห้องรับรองสะเทือนฟ้าสะท้านดิน
สีหน้าของอัครเสนาบดีจั่วเซียงแปรเปลี่ยนไปทันที
กลุ่มพันธมิตรจักรวรรดิส่วนกลางอยากจะยื่นมือเข้ามาแทรกแซงอย่างนั้นหรือ?
พลัน ลำแสงพุ่งวูบวาบ
ปรากฏเงาร่างสามสายทิ้งตัวลงมายืนอยู่บนสังเวียนเฟิงอวิ๋น
“กราบเรียนท่านทูตทั้งสาม ว่ากันตามกฎการประลองเดิมพันชีวิต ผู้ชนะย่อมได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของผู้แพ้ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธคู่กายหรือทรัพยากรที่พกติดตัว ล้วนกลายเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของผู้ชนะทั้งสิ้น”
จั่วเซียงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
เทพสงครามเซียนมนุษย์จีหวูชวงตอบเสียงเรียบ “หลินเป่ยเฉินสามารถชนะได้อย่างไร เรื่องนี้พวกเรายังไม่ทราบคำตอบแน่ชัด การต่อสู้เมื่อสักครู่นี้แปลกประหลาดมากเกินไป จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด”
“ว่าอย่างไรนะ?”
“ยังจะต้องตรวจสอบอะไรอีก?”
“พวกท่านคิดทำอะไรกันแน่?”
เหล่าขุนนางใหญ่ชาวเป่ยไห่ต่างก็ระเบิดเสียงคำรามออกมาทันที
เพียงฟังคำพูดของจีหวูชวงก็ทราบแล้วว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังกล่าวหาว่าหลินเป่ยเฉินโกงการประลอง?
เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?
“ท่านทูตได้โปรดระมัดระวังคำพูด”
ผู้อาวุโสเสี่ยวเหยียนเองก็มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักขณะกล่าว “การประลองเดิมพันชีวิตในครั้งนี้ มีผู้รับชมจำนวนมาก หากท่านกล่าวสิ่งที่ไม่มีมูลความจริง ท่านต้องรับผิดชอบ”
การประลองเดิมพันชีวิตคือประเพณีเก่าแก่ของแผ่นดินตงเต้า
กฎระเบียบทุกอย่างถูกระบุเอาไว้อย่างชัดเจน
หากกล่าวหาผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐาน ผู้พูดย่อมต้องรับผิดชอบคำพูดของตนเอง
จีหวูชวงยิ้มเย็นชาและถามว่า “หืม? นี่เจ้ากำลังกล่าวหาข้าอยู่หรือ?”
ผู้อาวุโสเสี่ยวเหยียนขมวดคิ้ว
จีหวูชวงถามออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงก้าวร้าวมากกว่าเดิม “เจ้าเป็นใครไม่ทราบ? มีตำแหน่งใด? เจ้าพูดออกมาด้วยตัวเอง หรือพูดออกมาในฐานะตัวแทนเป่ยไห่?”
ผู้อาวุโสเสี่ยวเหยียนเบิกตาโตด้วยความโกรธแค้น
เป็นครั้งแรกที่จั่วเซียงต้องกระตุกแขนเสื้อสหายชรา
เสี่ยวเหยียนจึงได้ถอนหายใจและกล้ำกลืนโทสะกลับลงไป
ดวงตาของจีหวูชวงแสดงออกถึงความเหยียดหยามชัดเจน
เขากวาดตามองผู้คนบนสังเวียนประลองและกล่าวว่า “ทางเราคงต้องขอให้ทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกันไปก่อน สถานการณ์ในขณะนี้แปลกประหลาดมากเกินไป เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอวี้ซือไป๋ถึงเสียชีวิต? เรื่องทั้งหมดนี้ต้องได้รับการตรวจสอบโดยละเอียด และในฐานะที่พวกเราเป็นตัวแทนจากกลุ่มพันธมิตรจักรวรรดิส่วนกลาง ข้าจึงมีหน้าที่รับผิดชอบตรวจสอบความยุติธรรมในการประลองเดิมพันชีวิตครั้งนี้โดยตรง เมื่อการตรวจสอบสิ้นสุดลง ข้าจะแจ้งข้อเท็จจริงให้ทุกท่านได้รับทราบโดยเร็วที่สุด”
“ท่านจะตรวจสอบอะไร?”
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินส่งเสียงพูดขึ้นมา
จีหวูชวงชำเลืองมองลูกธนูผลึกน้ำแข็งที่ปักอยู่บนหน้าอกขวาของหลินเป่ยเฉิน ก่อนตอบ “อย่างน้อยก็ต้องตรวจสอบว่าระหว่างที่พวกเจ้าหายตัวไปจากเวทีนั้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบหรอก ข้าสามารถบอกท่านตอนนี้เลยก็ได้”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าลืมสิว่าข้าเป็นถึงผู้ที่ถูกเลือกจากเทพีกระบี่ นางได้ประทานพรวิเศษให้กับข้า… ฮ่า ๆๆ กราบเรียนท่านทูตผู้ทรงเกียรติ ข้าสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ด้วยพรวิเศษจากองค์เทพี นี่ถือว่าเป็นการโกงการประลองหรือไม่?”
“การเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยพรจากเทพเจ้า ไม่นับว่าเป็นการโกงการประลอง”
จีหวูชวงยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันและกล่าวว่า “แต่ใครจะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าได้รับพรวิเศษนั้นจริง ๆ?”
“ท่านคงคิดว่าข้าสามารถใช้พรวิเศษได้เพียงครั้งเดียวสินะ?”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง
จีหวูชวงถึงกับชะงักไปเล็กน้อย
เขาคิดเช่นนั้นจริง ๆ
ชายฉกรรจ์เดาว่าหลินเป่ยเฉินได้รับพรศักดิ์สิทธิ์ให้ใช้อาณาเขตเทวะได้หนึ่งครั้ง แต่มันเป็นพรที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงสามารถเอาชนะอวี้ซือไป๋ได้อย่างโชคช่วย
พรวิเศษเช่นนี้ไม่สามารถใช้งานเป็นครั้งที่สองได้อีก
ตราบใดที่หลินเป่ยเฉินไม่สามารถอธิบายได้ว่าตนเองชนะได้อย่างไร ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิเป่ยไห่ ก็จะกลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ไปทันที
“เจ้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”
จีหวูชวงและหลินเป่ยเฉินมองหน้ากันเขม็ง
“นั่นคือสิ่งที่ท่านคิดไม่ใช่หรือ?”
หลินเป่ยเฉินมีรอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปากแล้วเช่นกัน เขากล่าวเสียงเรียบว่า “พรวิเศษที่องค์เทพีกระบี่มอบให้กับข้านั้น ข้าจะสามารถใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้ และหากท่านอยากรู้คำตอบ ข้าก็สามารถนำตัวท่านเข้าไปสู่อนาเขตศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้น และทำให้ท่านได้ลิ้มลองรสชาติการมีชีวิตอยู่เยี่ยงคนตายได้เช่นกัน”
จีหวูชวงถึงกับตกตะลึงแล้วจริง ๆ
นี่เด็กหนุ่มกำลังข่มขู่เขาอยู่หรือ?
ช่างบังอาจนัก!
แต่จีหวูชวงเป็นผู้ใด ทำไมต้องหวาดกลัวด้วย?
“ประเสริฐ เจ้าหนู ถ้าอย่างนั้น…”
จีหวูชวงกำลังจะให้คำตอบ
ฟู่!
ทันใดนั้น สีหน้าของหลินเป่ยเฉินก็แปรเปลี่ยนไป และเขาก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่
เมื่อเลือดเป็นสายไหลทะลักออกมาจากปาก พวกมันก็เปลี่ยนเป็นเกล็ดน้ำแข็งร่วงกราวลงสู่พื้นเวที ไม่ต่างจากอัญมณีสีแดงสด
ความอ่อนล้าอ่อนแรงถาโถมเข้ามาอย่างน่ากลัว
หลินเป่ยเฉินล้มพับลงไปอีกครั้ง
“บ้าจริง เราลืมใช้วงแหวนวารีรักษาตัวเองต่อ”
เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด
ลูกศรจากคันธนูเทพเจ้าร่ำไห้สามารถทำให้ผู้มีพลังระดับเซียนบาดเจ็บสาหัสได้อย่างง่ายดาย และดีไม่ดีก็อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้อีกด้วย
เกาเฉิงฮั่นนับเป็นตัวอย่างที่ดี
เมื่อสักครู่ หลินเป่ยเฉินมัวแต่ให้ความสนใจอยู่ที่การโต้เถียงกับจีหวูชวงผู้ไร้ยางอาย จนเขาลืมใช้วงแหวนวารีรักษาตนเองต่อจากเดิม อาการบาดเจ็บของเขาจึงทรุดลงอีกครั้ง
ก่อนที่สติของหลินเป่ยเฉินจะดับวูบไป เขายังคงพยายามโยนวงแหวนวารีใส่ศีรษะของตนเองตลอดเวลา…
จังหวะที่สติสัมปชัญญะของเด็กหนุ่มดับสนิท เสียงอุทานก็ดังขึ้นรอบกายของเขา
อาการบาดเจ็บของหลินเป่ยเฉินทำให้ทุกคนตื่นตระหนก