เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 979 สมองหมูสองก้อน
ตอนที่ 979 สมองหมูสองก้อน
เมื่อเกาเฉิงฮั่นเห็นเซียวปิงปรากฏตัว เขาก็ถอยหลังกลับไปก้าวหนึ่งทันทีและไม่มีเจตนาออกหน้าแสดงฝีมืออีก
หาได้มีความโกรธเคืองประชดประชันไม่
เนื่องจากแม่ทัพเกาทราบดีถึงฝีมือของเด็กหนุ่มร่างอ้วนผู้นี้
อีกอย่าง สาวรับใช้ข้างกายหลินเป่ยเฉินอย่างเฉียนเหมยยังมีระดับฝีมือสูงส่งถึงเพียงนั้น แล้วผู้ที่เป็นน้องชายร่วมสาบานกับหลินเป่ยเฉินอย่างเซียวปิง ก็คงต้องมีฝีมือโดดเด่นไม่แพ้กันกระมัง?”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องรบกวนคุณชายเซียวแล้ว”
องค์จักรพรรดิยิ้มออกมาเล็กน้อย
ในเมื่ออีกฝ่ายยินดีแสดงฝีมือ พระองค์ก็ทรงยินดีหยิบยื่นโอกาส
ดังนั้น ภายใต้การจ้องมองของสายตาจำนวนนับไม่ถ้วน เซียวปิงยืนบิดกายยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย ก่อนกระโดดข้ามกำแพงเมืองออกไปด้วยความว่องไว
ตึง!
เสียงกระแทกสะเทือนเลื่อนลั่นไม่ต่างจากก้อนหินยักษ์ตกลงบนพื้นดิน
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มร่างอ้วนก็สับเท้าวิ่งเต็มกำลัง พุ่งเข้าไปหาบรรดาหมูป่ายักษ์ที่กำลังวิ่งเข้ามา
“ย๊ากกก…”
ระหว่างที่วิ่งเข้าไป เขาก็ระเบิดเสียงคำรามไปด้วย
คล้ายกับต้องการปลุกขวัญกำลังใจตนเอง
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนก็ตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้น?
คุณชายเซียวปิงจะออกไปแสดงฝีมือ หรือจะออกไปก่อการอัตวินิบาตกรรมกันแน่?
หมูป่าอสูรสองหัวมีผิวหนังแข็งแกร่งในชนิดที่ว่าแม้แต่ลูกธนูเวทย์มนต์และลูกกระสุนปืนใหญ่อาคมก็ยังทำอะไรไม่ได้
แล้วมนุษย์ธรรมดาเพียงคนหนึ่งจะทำอันตรายมันได้อย่างไร?
ผู้คนฉงนไปกับพฤติกรรมอันผิดเพี้ยนของเซียวปิง
เด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปด้วยความเร็วเต็มอัตรา ไม่สามารถหยุดยั้งได้อีกต่อไป และลมหายใจต่อมา เซียวปิงก็กระแทกเข้าใส่กลุ่มหมูป่าที่วิ่งเข้ามาหาตนเองหลายตัว
ผลั่ก!
เสียงของร่างกายกระแทกกันดังขึ้น
ต่อจากนั้น ตามมาด้วยเสียงกระดูกแตกหัก
โหลวซานกวนและเหล่าขุนพลแม่ทัพใหญ่เบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ…
เซียวปิงยังคงอยู่รอดปลอดภัย!
หมูป่าอสูรสองหัวที่วิ่งชนกับเซียวปิงมีสภาพไม่ต่างไปจากตุ๊กตาผ้าเก่าขาดตัวหนึ่ง ร่างกายแข็งแกร่งที่แม้แต่ลูกกระสุนปืนใหญ่ก็ทำอะไรไม่ได้ กลับแตกกระจายเป็นม่านหมอกเลือดในอากาศด้วยความน่าอนาถยิ่งนัก
หลังจากนั้น ยังคงได้ยินเสียงการพุ่งชนอย่างต่อเนื่อง
เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดและน่าตื่นตระหนกบังเกิดขึ้นอีกครั้ง
เซียวปิงบุกตะลุยอย่างบ้าคลั่งวิ่งเข้าไปหาฝูงหมูป่าอสูรสองหัวคล้ายไม่กลัวตาย เศษเลือดเศษเนื้อของหมูป่ายักษ์พลันปลิวกระจายไปตามทาง
ทุกที่ ๆ เด็กหนุ่มร่างอ้วนวิ่งไปก็จะต้องมีหมูป่าอสูรล้มตายจำนวนมาก
“คุณชายท่านนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือไม่?”
ริมฝีปากของโหลวซานกวนแห้งผาก เสียงสั่นเครือ
องครักษ์หนุ่มไม่เคยพบเห็นผู้ใดที่จะมีร่างกายแข็งแกร่งถึงเพียงนี้มาก่อน ต่อให้เป็นผู้ที่มีพลังขั้นเซียน ก็ยังไม่มีพลังกายแข็งแกร่งถึงระดับนี้
โครม!
เซียวปิงใช้มือข้างเดียวจับหมูป่าอสูรสองหัวตัวหนึ่งทุ่มลงไปบนพื้นด้วยความหนักหน่วง หลังจากนั้น ตัวคนก็คล้ายกับเป็นกังหันลมขนาดใหญ่ ปั่นกลุ่มหมู่อสูรล้มตายลงนับจำนวนไม่ถ้วน
นี่แสดงให้เห็นว่าหมูป่าอสูรเหล่านี้มีพลังสูงส่งก็จริง แต่พวกมันกลับมีสติปัญญาต่ำต้อย
หลังเผชิญหน้าพฤติกรรมที่โหดร้ายของเซียวปิง หมูป่าอสูรเหล่านั้นก็เลิกล้มความตั้งใจที่จะบุกโจมตีเมืองโบราณ และหันมาปิดล้อมเซียวปิงแทนด้วยความอาฆาตแค้น
เด็กหนุ่มร่างอ้วนยังคงใช้สองมือเปล่าสังหารหมูป่าอสูรต่อไปโดยไม่หยุดพักหายใจ
เซียวปิงสามารถฆ่าพวกมันได้เป็นจำนวนมาก
ในกลุ่มหมูป่าอสูรที่เป็นตัวระดับหัวหน้า พวกมันมีขนสีขาวงอกออกมากลางหน้าผาก และพวกมันก็จะมีความแข็งแกร่งมากกว่าหมูป่าอสูรทั่วไปถึงสองเท่า
เซียวปิงวิ่งวนกลับไปกลับมาอยู่สี่รอบ ระดับความเร็วในการสังหารหมูป่าอสูรของเขาลดลงเล็กน้อย และนั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มถูกฝูงหมูป่าปิดล้อมอยู่ตรงกลางโดยไม่รู้ตัว
เมื่อมองลงไปจากบนกำแพงเมือง ฝูงหมูป่าเหล่านั้นไม่ต่างจากเกลียวคลื่นสีดำทมิฬ ซึ่งกำลังกลืนกินเซียวปิงเข้าไปทั้งที่ยังมีชีวิต
ผู้คนบนกำแพงเมืองล้วนตื่นตระหนก
องค์จักรพรรดิขมวดคิ้วเล็กน้อย ทรงลังเลใจว่าควรจะส่งกำลังเสริมออกไปช่วยเหลือดีหรือไม่ หากเกิดเหตุร้ายขึ้นกับเซียวปิง พระองค์ก็ไม่มีทางหาคำอธิบายให้แก่หลินเป่ยเฉินได้เลย
แต่ในลมหายใจต่อมานั้น ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นในสนามรบอย่างไม่คาดฝัน
พวกเขาเห็นเซียวปิงดีดตัวขึ้นมาจากภายใต้การรุมทึ้งของเหล่าหมูป่าอสูร และเด็กหนุ่มก็วิ่งหน้าตั้งกลับมาทางกำแพงเมืองด้วยความตื่นกลัว
“คุณชายเซียวแพ้แล้วหรือ?”
“เจอรุมขนาดนั้น ผู้ใดจะทนไหวอีก”
“แต่อย่างไรก็ตาม เพียงเท่านี้เขาก็สามารถสังหารพวกหมูป่าได้เกือบ 500 ตัวแล้ว ยังจะมีใครทำได้เช่นนี้อีกบ้าง”
“พวกเราเตรียมตัวออกไปช่วยเหลือกันเถอะ”
เหล่าแม่ทัพใหญ่บนกำแพงเมืองอุทานออกมา
อย่าได้เห็นว่าเซียวปิงมีร่างกายอ้วนท้วนเด็ดขาด เพราะความเร็วในการวิ่งหนีเอาชีวิตรอดของเด็กหนุ่มนั้นน่าประทับใจมากทีเดียว
เพียงไม่กี่ลมหายใจ เขาก็กลับมาถึงหน้ากำแพงเมืองแล้ว
วูบ!
ทันใดนั้น เซียวปิงกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนโขดหินใหญ่ก้อนหนึ่งที่มีความสูงจากพื้นดินเท่ากับมนุษย์สิบคนยืนต่อตัวกัน
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มร่างอ้วนก็หันมองกลับไปทางฝูงหมูป่าอสูรที่วิ่งตามมาอย่างช้า ๆ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนมุมปาก ก่อนเซียวปิงจะทำท่าทางที่ไม่มีใครเข้าใจออกมา
เซียวปิงย่อเข่าลงและยื่นมือขวาออกมาข้างหน้า
มือซ้ายของเขาลดลงมาอยู่ในระดับหน้าท้อง คล้ายกับกำลังถืออะไรบางอย่าง
และลมหายใจต่อมา เหล่าแม่ทัพใหญ่ที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองก็ได้เห็นสิ่งที่ตนเองจะไม่มีทางลืมเลือนไปตลอดชีวิต…
ปังปังปัง!
สิ่งที่คล้ายกับรังสีกระบี่พุ่งออกไปจากมือของเซียวปิงไม่ต่างไปจากพายุฝนทะเลคุ้มคลั่ง
คลื่นหมูป่าที่วิ่งตามมาใกล้ถึงเขตกำแพงเมืองพลันเผชิญหน้าเข้ากับพายุลำแสงกระบี่ …แม้ผิวหนังพวกมันจะแข็งแกร่งทนทานได้แม้กระทั่งลูกปืนใหญ่อาคม แต่กลับถูกลำแสงกระบี่เหล่านี้ทะลุทะลวงเลือดสาดกระจาย!
ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทาน ‘รังสีกระบี่’ สีน้ำเงินเหล่านี้ได้อีกแล้ว
ต่อให้เป็นหมูป่าอสูรตัวระดับหัวหน้าที่มีขนสีขาวบนหน้าผาก พวกมันก็ยังต้านทานไม่ได้เช่นกัน
ปังปังปัง!
เสียงระเบิดของลำแสงกระบี่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
เซียวปิงยืนอยู่บนโขดหินใหญ่ เก็บเกี่ยวชีวิตหมูป่าราวกับพญายม
ทุกทิศทางที่สองมือของเขาหันไปหา ล้วนเป็นทิศทางที่มีความตายกรายมาเยือน
เศษเลือดเศษเนื้อของฝูงหมูป่าอสูรถูกรังสีกระบี่ระเบิดกระจัดกระจายโปรยปรายในอากาศไม่ต่างจากเกล็ดหิมะที่ถูกแสงแดดฤดูร้อนหลอมละลาย
ระดับการสังหารรวดเร็วมากเกินไป
พวกหมูป่าอสูรสองหัวยังไม่ทันตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ
กว่าที่พวกมันจะรับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและเริ่มเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา เพื่อนร่วมสายพันธุ์ของพวกมันก็ต้องนอนจมกองเลือดไร้วิญญาณไปแล้วหลายพันตัว
เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย ต่อให้เป็นหมูโง่ที่ไม่มีสติปัญญา พวกมันก็ยังรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว
มีหมูป่าอสูรที่ยังรอดชีวิตอยู่เพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น
พวกมันพ่ายแพ้ให้กับความหวาดกลัวและรีบหมุนตัวหันหลังกลับวิ่งหนีไปทันที!
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ซากศพของหมูป่าอสูรสองหัวกว่า 5,000 ตัว ก็นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนสนามรบหน้ากำแพงเมือง…
การโจมตีด้วยสัตว์อสูรสายพันธุ์ที่สองจบลงอย่างที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด
บนกำแพงเมือง
บรรดาแม่ทัพใหญ่ยังคงตกอยู่ภายใต้อาการตะลึงงัน
ทุกคนยืนนิ่งราวกับเป็นรูปปั้นไร้ชีวิต ดวงตาจับจ้องมองเซียวปิงเป็นจุดเดียว
นี่คือวิชายุทธ์ชนิดใดกัน?
เป็นวิชาขั้นเซียนใช่หรือไม่?
ทว่า ต่อให้เป็นวิชาขั้นเซียน มันก็ไม่สมควรมีพลังทำลายล้างรุนแรงเช่นนี้
อานุภาพในการทำลายล้างที่ทุกคนพบเห็น เกรงว่าคงเทียบเท่าได้กับผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสี่ถึงระดับห้า
ปรากฏว่าเด็กหนุ่มร่างอ้วนที่นั่งย่างเนื้อบนกำแพงเมืองอยู่ตลอดเวลากลับมีระดับพลังสูงล้ำถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
“ได้มากี่ตัวกันนะ”
เซียวปิงกระโดดลงไปจากก้อนหินใหญ่หน้ากำแพงเมือง
เด็กหนุ่มร่างอ้วนทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงอีกครั้งด้วยการเดินสำรวจดูกองซากศพหมูป่าอสูรพร้อมกับยิ้มแย้มอย่างพึงพอใจ
“เนื้อเอาไปกินได้ ไม่เหม็นสาบมากจนเกินไป”
“ฮ่า ๆๆ คาดว่าคงมีสารอาหารไม่ใช่น้อย อาจจะช่วยในการเสริมสร้างพลังลมปราณด้วยซ้ำ… นับว่าใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น”
เซียวปิงระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
“แต่ที่วิเศษสุดก็คือหมูป่าพวกนี้มีสองหัว นั่นก็หมายความว่าพวกมันต้องมีสมองสองก้อน… ข้าชอบกินสมองหมูย่างมากที่สุด ฮ่า ๆๆ ถือเป็นโชคดีของข้าเหลือเกิน”
ระหว่างที่เดินสำรวจซากศพหมูป่าจำนวนนับพันตัว เซียวปิงก็ต้องยกมือปาดน้ำลายของตนเองเป็นระยะ
ทันใดนั้น เขารู้สึกเศร้า
เมื่อสักครู่ ไม่น่าลงมือหนักหน่วงเกินไปเลย
หัวหมูจำนวนมากจึงเสียหายไปโดยเปล่าประโยชน์
มิเช่นนั้น เขาก็คงมีสมองหมูให้รับประทานมากกว่านี้!!