เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 997 การกำจัดถอนรากถอนโคน
ตอนที่ 997 การกำจัดถอนรากถอนโคน
หืม?
นี่เขาหูฝาดไปเองหรือเปล่านะ?
ทำไมภารกิจของแอป Keep ถึงสำเร็จแล้วล่ะ?
หลินเป่ยเฉินไม่เข้าใจเลยสักนิด
เขารีบนำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดดูแอปพลิเคชัน Keep
ข้อความแจ้งเตือนจากระบบเด้งขึ้นมา
ใช่แล้ว
ภารกิจสำเร็จแล้วจริง ๆ
ก่อนหน้านี้ เขายังขาดผู้มีพลังขั้นเซียนระดับ 5 และระดับ 4 อยู่หลายคน
แต่บัดนี้ เด็กหนุ่มได้ผู้มีพลังขั้นเซียนครบตามจำนวนแล้ว
หรือว่าระหว่างการต่อสู้กับเผ่ากิ้งก่าวายุเมื่อสักครู่ ผู้อาวุโสจากเผ่าจันทราขาวหลายท่านจะเลื่อนระดับพลังโดยไม่รู้ตัว?
ให้ตายสิ
หลินเป่ยเฉินรีบกดปุ่มคำว่า ‘รับของรางวัล’ โดยไม่ลังเล
ลมหายใจต่อมา มวลพลังในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมหาศาล
ร่างกายร้อนวูบวาบ
พลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดในร่างกายของหลินเป่ยเฉินพลันเลื่อนระดับขึ้นมาอยู่ในขั้นเซียนระดับสามเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินเงยหน้าระเบิดเสียงคำรามใส่ท้องฟ้า รู้สึกได้ถึงความเป็นผู้แข็งแกร่ง ไร้ผู้ใดต้านทานในปฐพี
ในที่สุดก็สำเร็จ
เขาไม่จำเป็นต้องบินวนอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับไป๋เสี่ยวเซียวอีกต่อไป
ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินสามารถลงไปไล่ล่าฆ่าฟันศัตรูที่ด้านล่างได้แล้ว
หลินเป่ยเฉินตื่นเต้นจนน้ำตาคลอเต็มสองเบ้า
“พูดตรง ๆ เลยนะ”
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้าไป๋เสี่ยวเซียว “ในโลกนี้ไม่มีใครจะเก่งกาจมากกว่าข้าอีกแล้ว”
“อิอิ…”
ไป๋เสี่ยวเซียวยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
ถึงนางจะฟังคำพูดของเขาไม่ออก แต่กิริยาท่าทางของหลินเป่ยเฉินเมื่อสักครู่นี้ ก็บอกชัดว่าเขากำลังมีความสุขมาก
ดังนั้น นางจึงบดหน้าอกแนบแน่นมากขึ้นไปอีก
หลินเป่ยเฉินไม่รู้จะทำอย่างไรดี
จะสลัดทิ้งไปกลางอากาศก็ไม่ได้
เดี๋ยวได้ตกลงไปตายกันพอดี
วูบ!
กระบี่ของเขาร่อนลงจอดบนพื้นดิน
ทั้งสองคนกระโดดเข้าร่วมวงการต่อสู้
ไป๋ไห่เฉาหัวหน้าเผ่าจันทราขาวและผู้อาวุโสขั้นเซียนระดับ 5 คนอื่น ๆ รีบเข้ามาห้อมล้อมหลินเป่ยเฉินปกป้องทั้งซ้ายทั้งขวาทันที
‘ไม่เป็นไร บัดนี้ข้าแข็งแกร่งแล้ว พวกท่านไม่จำเป็นต้องปกป้องข้าอีก’
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูง วาดนิ้วมือปลดปล่อยพลังปราณธาตุ เกิดเป็นข้อความมีสีสันในอากาศ
ไป๋ไห่เฉายิ้มเล็กน้อยและไม่พูดอะไร
แต่เขาก็ไม่ได้จากไป
ถึงเด็กหนุ่มจะบอกอย่างชัดเจนว่าไม่จำเป็นต้องให้ใครปกป้อง แต่หัวหน้าเผ่าและเหล่าผู้อาวุโสกลับยิ่งห้อมล้อมเขาหนาแน่นมากขึ้น
เมื่อเทียบกันระหว่างการล้างแค้นเผ่าคนแคระเขียวกับความปลอดภัยของหลินเป่ยเฉิน อย่างหลังย่อมมีความสำคัญกว่าในสายตาของชาวเผ่าจันทราขาว
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
ไม่มีใครเชื่อเขาเลยเหรอเนี่ย?
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไป๋ไห่เฉาและพรรคพวกคิดว่าเขาอ่อนแอขนาดไหนกันนะ?
หลินเป่ยเฉินเข้าใจมาเสมอว่าตนเองเป็นยอดฝีมือขั้นเซียนระดับเดียวกับผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ในเผ่า
แต่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากกระโดดกลับไปยืนบนกระบี่อีกครั้ง
เผ่าคนแคระเขียวมีความชำนาญด้านการวางยาพิษ ซ่อนตัว ลอบโจมตีและลอบสังหาร
หมายความว่าพวกมันเจ้าเล่ห์มาก
นอกจากมีมันสมองเป็นเลิศแล้ว พวกมันยังเก่งกาจเรื่องการยิงธนูหน้าไม้ รวมถึงการเป่าลูกดอกอาบยาพิษอีกด้วย
บรรยากาศในตัวเมืองวังเวงน่าขนลุกราวกับสุสาน
“พวกท่านถอยไป เดี๋ยวคนแคระเขียวส่วนที่เหลือ ข้าจัดการเอง”
หลินเป่ยเฉินร้องตะโกนเสียงดังกังวาน ควบคุมกระบี่พุ่งไปข้างหน้า
ในมือเขายังคงมีกระบี่วิญญาณมรกตขององค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเป่ยไห่
คมกระบี่สาดประกาย
คนแคระที่มีผิวสีเขียวหลายสิบคนล้มลงไปนอนสิ้นใจตายบนพื้นดิน
พวกมันมีรูปร่างเตี้ยม่อต้อ ลักษณะหน้าตาคล้ายกับมนุษย์ แต่มีดวงตาโปนเหมือนตาปลาทอง จมูกแบนราบ ฟันใหญ่ดำปี๋ เวลาอ้าปากจึงดูน่าขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง
หลินเป่ยเฉินควงกระบี่ราวกับหั่นผักสับผลไม้
ต่อให้เป็นผู้มีพลังขั้นเซียนของเผ่าคนแคระเขียว เมื่อเจอการโจมตีของหลินเป่ยเฉิน หัวของพวกมันก็ต้องลอยกระเด็น…
“โอ้โห เลือดสาดกระจาย!”
ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด คนแคระเขียวที่มีความสูงเท่ากับเด็กอายุ 12 ขวบตัวหนึ่ง ได้ถือคฑาสีเงินพุ่งเข้ามารวดเร็วราวกับเงาภูติผีและโจมตีใส่หลินเป่ยเฉินด้วยความเกลียดชัง…
“ระวัง”
เสียงของไป๋ไห่เฉาดังขึ้น
วูบ!
คมกระบี่สาดประกาย
เคร้ง!
กระบี่วิญญาณมรกตปะทะกับคฑาสีเงินส่งเสียงดังตึงตัง
คนแคระเขียวที่มีความสูงเท่ากับเด็ก 12 ขวบกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ก่อนตัวจะลอยไปกระแทกกับกำแพงหินทางด้านหลังกลายเป็นรูลึกกว้าง…
“นี่มันอะไรกัน?”
“นี่มันอะไรกัน?”
เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกันจากคนสองคน
เสียงอุทานแรกเป็นของหลินเป่ยเฉิน
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคฑาเงินจะสามารถต้านทานการโจมตีจากกระบี่วิญญาณมรกตได้สำเร็จ
เสียงอุทานที่สองเป็นของไป๋ไห่เฉา
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าด้วยกระบี่เดียวของเด็กหนุ่ม ก็สามารถพิชิตผู้มีพลังขั้นเซียนระดับ 5 ของเผ่าคนแคระเขียวได้แล้ว
นี่แสดงให้เห็นว่าผู้อาวุโสจูมีความแข็งแกร่งมากกว่าที่หัวหน้าเผ่าเคยคาดคิด
“ประเสริฐ”
หลินเป่ยเฉินหมุนวนมือซ้ายในอากาศ
วูบ!
แล้วคฑาเงินก็พุ่งออกมาจากรูใหญ่บนกำแพงเข้ามาอยู่ในมือเขา
“เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย…”
คนแคระที่มีความสูงเท่ากับเด็ก 12 ขวบตะกายออกมาจากรูบนกำแพงและพยายามจะทวงอาวุธของมันคืน
เปรี้ยง!
หลินเป่ยเฉินโบกคฑาเงินในมือซ้ายโดยใช้กระบวนท่าการโจมตีของกระบี่ ฟาดลงไปที่ใจกลางกระหม่อมของคนแคระเขียว ส่งผลให้อีกฝ่ายซวนเซราวกับคนเมาสุรา ก่อนจะล้มลงไปบนพื้นดินในที่สุด
“เหลือเชื่อเลยแฮะ”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจก่อนตะโกนว่า “ยอดฝีมือของพวกเจ้าอยู่ที่ใด ไสหัวออกมาสู้กับข้าเดี๋ยวนี้”
เขาถือกระบี่วิญญาณมรกตอยู่ในมือขวา มือซ้ายถือคฑาเงินหมุนควงราวกับใช้กระบี่คู่ และโจมตีออกไปด้วยกระบวนท่าจากวิชากระบี่ 17 คาบสมุทร ไม่มีคู่ต่อสู้ใดจะสามารถหยุดยั้งหลินเป่ยเฉินได้อีกแล้ว
เด็กหนุ่มมีพลังอยู่ในขั้นเซียนระดับสามก็จริง แต่การโจมตีของเขานั้นเทียบเท่ากับขั้นเซียนระดับห้า
ทุกครั้งที่เผชิญหน้าคู่ต่อสู้คนใหม่ หลินเป่ยเฉินก็จะปรับสมดุลพลังในร่างกายด้วยการใช้พลังปราณธาตุชนิดต่าง ๆ กันออกไป
ตู้ม!
เปลวไฟพุ่งขึ้นสูงในอากาศ
ควันพิษลอยกระจายกินรัศมีในบริเวณกว้าง
ครืน!
พื้นดินสั่นสะเทือน กลุ่มคนแคระเขียวที่มุดลงไปหลบอยู่ใต้ดิน ถูกก้อนดินบีบอัดจนร่างกายแหลกสลาย
วูบ!
เถาวัลย์แห้งเหี่ยวกลับมามีชีวิตสีเขียวสด มันขยับเข้าหาบรรดาคนแคระเขียวราวกับเป็นอสรพิษร้าย ทำให้มีคนแคระเขียวจำนวนมากต้องเสียชีวิตไปด้วยการถูกเถาวัลย์เหล่านี้รัดพัน
เคร้ง!
อาวุธที่ทำจากโลหะจำนวนมากในมือของคนแคระเขียวอยู่ดี ๆ ก็ปราศจากการควบคุม แม้แต่ลูกธนูที่ถูกยิงออกมาก็ยังพุ่งย้อนศรกลับไปปักลำคอของพวกเดียวกันเอง!
ส่วนพวกคนแคระเขียวที่มีระดับพลังต่ำต้อย เมื่อหลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปถึง น้ำในร่างกายของพวกมันก็ระเหยหายไป ร่างกายพลันเหี่ยวแห้งปราศจากชีวิตราวกับเป็นตุ๊กตาทรายที่ถูกปั้นอยู่ริมชายหาดอย่างไรอย่างนั้น
หลินเป่ยเฉินยังคงสลับการโจมตีด้วยพลังปราณธาตุชนิดต่าง ๆ ต่อไป
บัดนี้ เขาสามารถควบคุมการใช้งานพลังปราณธาตุในร่างกายของตนเองได้อย่างชำนาญแล้ว
“ตายซะ”
คนแคระเขียวถูกตัดศีรษะจำนวนนับไม่ถ้วน
หลินเป่ยเฉินพุ่งทะยานยิ่งกว่าม้าป่าไร้ผู้หยุดยั้ง
ไม่รู้เลยว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุด ก็ไม่มีคนแคระเขียวอยู่เบื้องหน้าเด็กหนุ่มอีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินถือกระบี่กวาดสายตามองรอบตัว
เท่าที่เขาเห็น พวกคนแคระเขียวได้หายตัวไปหมดสิ้น
“หายไปไหนแล้วนะ?”
หลินเป่ยเฉินยืนงงอยู่ในความว่างเปล่า
พวกมันหนีกันไปหมดแล้วหรือ?
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไล่ตาม
ฉับพลันนั้น ร่างของคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากระยะไกล
ปรากฏว่าคนกลุ่มนั้นก็คือไป๋ไห่เฉา ไป๋ซานเยว่ ไป๋เสี่ยวเซียว และชาวเผ่าจันทราขาวคนอื่น ๆ
พวกเขาเดินเข้ามาจ้องมองหลินเป่ยเฉินอย่างไม่อยากเชื่อ
แม้แต่ผู้มีพลังขั้นเซียนระดับ 5 อย่างไป๋ไห่เฉา ก็ยังมีความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในแววตาเล็กน้อย
“ทำไม…พวกท่านถึงมองข้าเช่นนี้?”
หลินเป่ยเฉินตวัดกระบี่ในมือสร้างรังสีกระบี่เป็นตัวอักษร ‘อย่ามัวแต่ตกใจกันอยู่เลย พวกเรารีบไปกำจัดถอนรากถอนโคนพวกคนแคระเขียวเหล่านี้กันต่อดีกว่า อย่าให้พวกมันหนีรอดได้แม้แต่คนเดียว…พวกเราต้องฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่าพวกมันให้หมด’
‘ฆ่าไม่ได้แล้ว’
ไป๋ไห่เฉาเขียนข้อความบนพื้นดิน ‘ท่านฆ่าพวกมันไปหมดแล้ว’
อ้าว?
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
ไป๋เสี่ยวเซียวเดินเข้ามาเกาะไหล่หลินเป่ยเฉินและเขียนข้อความว่า ‘ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสระดับสูงหรือหัวหน้าเผ่าของพวกคนแคระเขียว ต่างก็ต้องตายด้วยกระบี่ของท่านหมดสิ้นแล้ว’
ได้ยินดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็เพิ่งจะรู้สึกตัวตอนนี้เอง
เมื่อสักครู่ เขามัวแต่ให้ความสนใจอยู่กับการฆ่าฟันมากเกินไป จึงไม่ทันได้สังเกตเลยว่าคนแคระที่เขาฆ่าตายไปนั้น ล้วนแต่เป็นพวกสมาชิกระดับสูงของเผ่าทั้งสิ้น
เอ่อ นี่หมายความว่า…
เขาคงแข็งแกร่งมากเกินไปสินะ?