เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1000 ผิดปกติสุดขีด
บทที่ 1000 ผิดปกติสุดขีด
ในขณะเดียวกัน เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ตั้งแต่อวิ้นเจียนเยว่ออกจากห้องของซูอัน ขาของนางก็โก่งจนต้องคว้าราวบันไดใกล้ ๆ เพื่อประคองตัวเอง
นางคร่ำครวญ “มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ข้าบ่มเพาะหลุมพรางมารสวรรค์สำเร็จแล้ว! ข้าจะยังจมอยู่กับตัณหาได้อย่างไร?”
เคล็ดวิชานี้มีประสิทธิภาพ แต่เต็มไปด้วยผลข้างเคียง
นอกจากจะไม่ได้รับอนุญาตให้สูญเสียพรหมจรรย์ก่อนที่เคล็ดวิชาจะได้รับการบ่มเพาะอย่างเต็มที่แล้ว ยังมีเรื่องน่าละอายอีกอย่างที่นางไม่ได้บอกกับซูอัน เมื่อถึงขั้นต่อมาของการบ่มเพาะ นางจะถูกครอบงำด้วยตัณหา ทุกสองสามวันของทุกเดือน นางจะถูกครอบงำด้วยความปรารถนาและต้องการผู้ชายมาช่วยปลดปล่อยความปรารถนาภายในกายออกไป
หากนางสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาตัณหาไปได้ การบ่มเพาะของนางจะได้รับการขัดเกลาให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น แต่ถ้านางทำไม่ได้ การบ่มเพาะอย่างหนักหลายปีจะสูญเปล่า
ผลข้างเคียงของเคล็ดวิชานี้ดูเหมือนจะทำหน้าที่เฉพาะเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนประสบความสำเร็จ แม้ว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์จะเต็มไปด้วยสมาชิกที่โดดเด่น แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะวิชานี้
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมนางถึงยืนกรานที่จะแยกซูอันออกจากชิวฮัวเล่ย
ศิษย์รักของนางอาจจะยังคงสามารถควบคุมตัวเองได้ในตอนนี้ แต่นั่นเป็นเพียงเพราะการบ่มเพาะของฮัวเล่ยยังไม่ถึงระดับสูง แต่เมื่อไรที่เข้าสู่ขั้นต่อไปของการบ่มเพาะและเผชิญกับคลื่นแห่งราคะที่ท่วมท้น การใกล้ชิดกับคู่รักจะเพิ่มความยากลำบากให้กับการบ่มเพาะอย่างทวีคูณ
อวิ้นเจียนเยว่อาศัยพรสวรรค์และความมุ่งมั่นที่ไม่ธรรมดาในการบ่มเพาะเคล็ดวิชานี้ให้สำเร็จ และหลุดพ้นจากความปรารถนาที่คุกคามนาง ทำไมจู่ ๆ ไฟราคะกลับโผล่มาอีกครั้ง?
แม้แต่ความหนักแน่นที่เหลือเชื่อของนางก็เริ่มสั่นคลอน ไม่ใช่เพียงเพราะนางหวนคิดถึงความกลัวว่าจะถูกครอบงำด้วยเคล็ดวิชานี้ แต่เป็นเพราะความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้
หากนางไม่สามารถหลุดพ้นจากสภาวะนี้ได้แม้ในระดับปัจจุบันของนาง แล้วจะมีเหตุผลใดที่นางจะบ่มเพาะเคล็ดวิชานี้ต่อไป?
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้นางไม่ได้อยู่ในสภาวะจิตใจที่เหมาะสมที่จะไตร่ตรองเรื่องทั้งหมดนี้ นางรีบกลับไปยังที่พักที่ด้านหลังซึ่งเป็นห้องส่วนตัวของนาง บ้านพักเชื่อมต่อกับบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติและได้จัดตั้งห้องอาบน้ำในร่มไว้ที่นั่น นี่คือที่ที่นางใช้ชำระล้างตัวเอง
นางรีบเข้าไปในห้องอาบน้ำ ลงกลอนประตูและหน้าต่าง รีบถอดเสื้อผ้าออก เผยให้เห็นร่างกายเรียบเนียนเป็นประกาย ขณะที่ผมยาวดำขลับพาดผ่านหลังตัดกับผิวขาวผ่อง เต็มไปด้วยคลื่นพลังแห่งการยั่วยวน
นางรู้ว่านี่เป็นผลมาจากการที่ไม่สามารถควบคุมเคล็ดวิชาของตัวเองได้ นางรีบกระโดดลงไปในสระน้ำที่เย็นยะเยือก ในไม่ช้าน้ำเย็นจัดก็เริ่มเดือด
….
กลับมาที่ห้องของซูอัน ชายหนุ่มกำลังยุ่งอยู่กับการปรับแต่งพลังงานมหาศาลในร่างกาย พลังชี่ของจักรพรรดิและอวิ้นเจียนเยว่ที่ทิ้งไว้นั้นมีคุณภาพสูงกว่าที่เขาเคยพบมาก่อนมาก
เอ่อ… หมายถึงถ้าไม่นับพลังเก่าแก่ในมิติลับต่าง ๆ
เขานั่งลงบนเตียงและเริ่มแปลงพลังชี่มาใช้เอง
แม้ว่าพลังทั้งสองสายจะไม่สามารถหลบหนีได้ แต่สายหนึ่งเป็นของเซียนปฐพี ขณะที่อีกสายหนึ่งมาจากปราชญ์ พลังชี่ทั้งสองสายโกรธจัดที่ตัวอ่อนแออย่างซูอันพยายามจะกินพวกมัน และต่อต้านอย่างบ้าคลั่ง
สำหรับผู้บ่มเพาะระดับเจ็ดธรรมดา แม้แต่คนที่อยู่ขั้นสูงสุดของระดับเจ็ด หากพยายามที่จะดูดซับพลังชี่ของเซียนปฐพีหรือปราชญ์ ร่างกายของพวกเขาอาจจะระเบิดทันที
อย่างไรก็ตาม ซูอันไม่ใช่ผู้บ่มเพาะปกติ พลังชี่ของเขาหนาแน่นกว่าคนอื่นในระดับเดียวกัน และครอบครองวิชาเทพยุทธ์กลืนสวรรค์อันทรงพลัง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสามารถปรับแต่งพลังชี่ของบุคคลผู้แข็งแกร่งทั้งสองนี้ได้
ซูอันมุ่งปรับแต่งพลังงานโดยใช้วิธีการที่อวิ้นเจียนเยว่สอนให้ และคงเปลือกที่ว่างเปล่าจากของผนึกที่จักรพรรดิสร้างมาเพื่อตบตาว่าทุกสิ่งยังคงเดิม
เขาจำเป็นต้องใช้เปลือกของผนึกนี้เป็นอุบาย ตราบใดที่จักรพรรดิไม่ได้ตรวจสอบเขาอย่างละเอียด เขาควรจะสามารถหลอกผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกได้
…
หลังจากนั้นไม่นาน ซูอันก็ลืมตาขึ้น แสงวูบวาบอยู่ภายในดวงตาของเขา ข้างหนึ่งลุกโชนอย่างรุนแรงราวกับดวงอาทิตย์ ขณะที่ดวงตาอีกข้างส่องแสงอันเยือกเย็นราวกับแสงของดวงจันทร์ ผ่านไปชั่วลมหายใจดวงตาทั้งคู่จึงกลับมาเป็นปกติ
เขาตรวจสอบภายในร่างกายตัวเองและรู้สึกประหลาดใจ ก่อนหน้านี้มีเพียงสามอักขระของขั้นที่เจ็ดเท่านั้นที่สว่างขึ้น แต่ตอนนี้แปดอักขระถูกส่องสว่างอย่างเต็มที่และมีเพียงอักขระสุดท้ายที่เหลืออยู่ก่อนที่ตัวเขาจะก้าวเข้าสู่ระดับแปด!
แม้ว่าชายหนุ่มจะได้รับพลังชี่เพียงเล็กน้อยจากจักรพรรดิและอวิ้นเจียนเยว่ แต่พวกมันมีคุณภาพที่สูงกว่ามาก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้
ข้างนอกเป็นเวลารุ่งเช้าแล้ว เขาสวมเสื้อผ้าแล้วเดินตรงไปที่ห้องของอวิ้นเจียนเยว่ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปเคาะประตู แต่กลับถูกม่านพลังบาง ๆ กีดขวางไว้
“บอกชื่อของเจ้ามา!” เสียงของอวิ้นเจียนเยว่ดังมาจากภายใน
“ข้าเอง! ข้ามีเรื่องจะถามท่านพี่สาวเจ้าสำนัก” ซูอันรู้สึกประหลาดใจ ทำไมเสียงของนางถึงฟังดูเย้ายวนผิดปกติ?
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่งก่อนที่อวิ้นเจียนเยว่จะตอบกลับ “รอเดี๋ยว”
ไม่นานประตูเปิดออกช้า ๆ และเสียงเหน็ดเหนื่อยของอวิ้นเจียนเยว่ก็เล็ดลอดออกมาจากภายใน “เข้ามาสิ”
ซูอันเดินเข้าไป ไอน้ำสีขาวลอยละล่องไหลเวียนอยู่ภายใน ราวกับอยู่ในห้องอบไอน้ำ เขาผงะ “เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไร ข้าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ” ขณะที่นางพูดเช่นนี้ เงาร่างสลัวเริ่มปรากฏขึ้น
“เพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ?” ซูอันรู้สึกประหลาดใจ มันเป็นเวลากลางคืนเมื่อนางออกจากห้องของเขา และตอนนี้เช้าจนฟ้าแจ้งแล้ว
“แล้วเจ้ามาสนใจอะไรข้าล่ะ?” อวิ้นเจียนเยว่กล่าว เสียงของนางแฝงไปด้วยอารมณ์หยอกเย้า
ซูอันขมวดคิ้ว มีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับนาง
เงาร่างสลัวค่อย ๆ โผล่ออกมาจากม่านไอน้ำที่ปกคลุมห้อง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
อวิ้นเจียนเยว่สวมชุดคลุมเนื้อบางเบา แม้ว่าจะไม่ถึงกับโปร่งใส แต่ทำให้โครงร่างจาง ๆ ของส่วนโค้งเว้าดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
ผมยาวของนางเปียกโชกเล็กน้อย หยดน้ำที่ไหลทำให้ชุดคลุมเกาะติดกับร่างกายของนาง
นางเป็นเหมือนดอกชบาที่ผลิบานข้างน้ำพุใส เป็นการสร้างสรรค์ที่สวยงามของธรรมชาติ!
ความคิดนี้ปรากฏในใจของซูอัน เขารีบโยนมันทิ้งไป นางจะเป็นเพียงแค่ดอกชบาได้อย่างไร? มีเพียงดอกโบตั๋นหรือดอกกุหลาบเท่านั้นที่สามารถบรรยายถึงความน่าทึ่งของผู้หญิงคนนี้ได้
“เจ้ามองพอหรือยัง?” อวิ้นเจียนเยว่ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หยอกเย้า
ซูอันตกใจ จึงเงยหน้าขึ้นมองนางและพบกับรอยยิ้มที่คลุมเครือ “ข้าขอโทษพี่สาวเจ้าสำนัก! ท่านสวยเกินไป ข้าเลยอดไม่ได้ที่จะชื่นชมท่านสักครู่” เขารีบอธิบาย “โปรดยกโทษให้ข้า”
ในเวลาเดียวกัน เขาค่อนข้างจะงุนงง ปกติอวิ้นเจียนเยว่จะทำหน้าบึ้งใส่เขาทันที นางไม่เคยพูดกับเขาเบา ๆ เช่นนี้
เดี๋ยวนะ ปกติอวิ้นเจียนเยว่ไม่เคยแต่งตัวแบบนี้ต่อหน้าข้านี่นา!