เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1001 ระมัดระวังทุกเรื่อง
บทที่ 1001 ระมัดระวังทุกเรื่อง
อวิ้นเจียนเยว่ได้เอนตัวนอนลงบนเบาะนั่งที่นุ่มสบาย ใช้แขนข้างหนึ่งค้ำศีรษะ ขาของนางไขว้เข้าหากัน ดวงตาของนางมองซูอันด้วยแววตาเย้ายวน “ทำไมเจ้าถึงมาหาข้าในเวลานี้ล่ะ?”
ร้อนแรงมาก!
ดวงตาของซูอันเลื่อนไปที่หน้าอกของนาง ยอดเขาสีขาวบริสุทธิ์เหล่านั้นเป็นอันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน นางมีเสน่ห์มากพอที่จะทำให้ปากของผู้ชายทุกคนแห้งผาก ผู้ชายที่มองนางจะกลายเป็นสัตว์ร้ายในทันที ไม่สามารถต้านทานแรงกระตุ้นที่จะพุ่งชนและฉีกเสื้อผ้าของนางออก จากนั้นกดนางลงไปด้านล่างเพื่อขยี้…
ซูอันกลืนน้ำลาย เขารวบรวมพลังใจทั้งหมดเพื่อเก็บซ่อนความคิดเหล่านี้ไว้ ในขณะเดียวกันเริ่มสาปแช่งตัวเอง
เกิดอะไรขึ้น? ทำไมข้าถึงเป็นแบบนี้?!
ด้วยความกลัวว่าตัวเองจะล่วงเกินนางจริง ๆ ซูอันจึงรีบหันไปมองด้านข้าง “เอ่อ ข้าอยากจะถามพวกท่านว่า เมื่อไรจะออกจากเมืองหลวง? อย่างน้อยได้โปรดให้ข้าพบกับฮัวเล่ยก่อนที่พวกท่านจะจากไป”
เมื่อคืนนี้ทั้งสองถูกจับได้และต้องแยกจากกันอย่างไม่เต็มใจ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถพบกับชิวฮัวเล่ยได้อีกสักระยะหนึ่ง เขาต้องการกล่าวคำอำลาต่อหน้านาง…
“เราจะออกเดินทางเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นเต็มที่” อวิ้นเจียนเยว่ตอบ เดิมทีนางวางแผนที่จะอยู่ต่อไปอีกสักระยะ แต่หลังจากความปรารถนาทางเนื้อหนังปะทุขึ้นมาอย่างกะทันหัน นางจึงรีบเร่งที่จะเข้าสู่ความสันโดษเพื่อบ่มเพาะต่อไป เจ้าสำนักสาวไม่กล้าที่จะอยู่ในโลกภายนอกในสภาพแบบนี้ ภายในกำแพงสำนักย่อมจะปลอดภัยกว่ามาก
“จะกลับเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?” ซูอันตื่นตระหนก เขาไม่คิดว่าพวกนางจะจากไปอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
“เจ้าทนเห็นพวกเราจากไปไม่ได้เหรอ?” อวิ้นเจียนเยว่หัวเราะ ร่างกายของนางโยกไปมา หน้าอกกระเพื่อมเล็กน้อย
ซูอันถอนหายใจ หญิงสาวที่โตแล้วมีเสน่ห์พิเศษในตัวเอง! เด็กสาวพวกนั้นสู้ไม่ได้เลย อย่างน้อยก็เรื่องขนาดหน้าอก… อะแฮ่ม! ไม่นับเหมียนหมาน นางเป็นข้อยกเว้น…!
“แน่นอน ข้าไม่ได้…” ซูอันเริ่มตอบ แต่เขาต้องตกตะลึง
ฮะ? เดี๋ยวนะ นางใช้คำว่า ‘เรา’ เหรอ?
นี่หมายความว่าอย่างไร?
ปกติผู้หญิงคนนี้จะโกรธเขาด้วยการหยอกล้อเพียงเล็กน้อย เหตุใดวันนี้จึงเปลี่ยนบทบาทโดยกะทันหันโดยการหันกลับมาหยอกล้อเขาแทน?
“พี่สาวเจ้าสำนัก ไม่มีอะไรผิดปกติกับท่านใช่ไหม?” ซูอันสามารถสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ตอนนี้เขาทั้งเป็นห่วง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมรูปร่างอันน่าทึ่งของนาง
“ไม่เป็นไร เป็นแค่ความร้อนวูบวาบ” อวิ้นเจียนเยว่อธิบายราวกับกำลังพูดถึงบางสิ่งที่ไม่มีนัยสำคัญ
“ร้อนวูบวาบ?” ซูอันขมวดคิ้ว เขาสามารถบอกได้จากคำอธิบายนี้เพียงอย่างเดียวว่าไม่ใช่เรื่องดี
อวิ้นเจียนเยว่ให้คำอธิบายคร่าว ๆ เกี่ยวกับการเกิดขึ้นของความร้อนนี้ จากนั้นกล่าวว่า “ข้าแน่ใจว่าตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วว่า ทำไมข้าถึงยืนกรานที่จะป้องกันไม่ให้เจ้าอยู่กับฮัวเล่ย”
ปกตินางจะไม่ปล่อยให้ความลับใหญ่โตเช่นนี้เล็ดลอดออกมาได้ แต่เจ้าสำนักสาวยังอยู่ภายใต้ผลกระทบของความร้อน แม้ว่านางจะสามารถกำจัดความร้อนส่วนใหญ่ได้ด้วยการแช่ตัวในน้ำตลอดทั้งคืน แต่ร่างกายก็ยังอยู่ในสภาพที่เย้ายวน
“เข้าใจแล้ว” ดวงตาของซูอันส่องประกาย อัจฉริยะคนไหนที่คิดค้นเคล็ดวิชางี่เง่าที่ซึ่งมีผลข้างเคียงที่โง่เขลามากขนาดนี้ขึ้นมา!
“พี่สาวเจ้าสำนักยังฝึกฝนไม่ถึงขั้นสุดยอดของเคล็ดวิชานี้อีกเหรอ? ทำไมท่านถึงยังประสบผลข้างเคียงพวกนี้อยู่?” ซูอันถามอย่างสงสัย
อวิ้นเจียนเยว่ลืมตาครึ่งหนึ่งราวกับเหนื่อยอ่อน “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นขึ้นมาหลังจากที่ข้าช่วยเจ้าปลดผนึก… หรือบางทีอาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่ข้าได้รับจากจักรพรรดิ และเพราะการถดถอยเล็กน้อยในการบ่มเพาะในขณะที่ต่อสู้กับผนึกของเขา ข้าควรจะดีขึ้นเมื่อข้ากลับไปบ่มเพาะอย่างสันโดษที่สำนัก”
“พี่สาวเจ้าสำนักอย่าได้คิดว่าความร้อนนี้เป็นเรื่องเล่น ๆ เชียวนะ! ท่านต้องดูแลตัวเอง ถ้า… เอ่อข้ากำลังจะบอกว่า… ถ้าท่านต้องการความช่วยเหลือจากผู้ชายจริง ๆ และไม่สามารถหาใครมาช่วยได้ ท่านให้ข้าช่วยก็ได้ ข้าจะทำให้ดีที่สุดเลย…”
อวิ้นเจียนเยว่รู้สึกประทับใจในครึ่งประโยคแรกของเขา แต่ครึ่งหลังกลับเปลี่ยนเรื่องราวทั้งหมด ดวงตาของนางเบิกกว้าง รอยยิ้มที่อันตรายประดับบนใบหน้างดงาม “ดูเหมือนว่าในที่สุดเจ้าก็เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่?”
นี่เป็นครั้งที่สองของอวิ้นเจียนเยว่ที่พูดแบบนี้กับซูอัน เด็กคนนี้ชอบทดสอบความอดทนของนางอยู่เสมอ!
มันแปลกจริง ๆ ถ้ามีคนอื่นพูดแบบนี้ พวกเขาคงตายไปหลายรอบแล้ว อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนนางไม่สามารถทำอะไรกับผู้ชายคนนี้ได้
ซูอันยิ้มขอโทษทันที “ข้าแค่พูดว่า ‘ถ้า’ ฮ่า ๆ แค่ ‘ถ้า’ ถ้าท่านไม่มีแผนเช่นนั้น พี่สาวเจ้าสำนัก เราก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงมัน”
อวิ้นเจียนเยว่หาว ริมฝีปากสีแดงของนางดูนุ่มนวลและมีเสน่ห์เป็นพิเศษ “มีอะไรอีกไหม? ถ้าไม่ก็แยกย้าย!”
ความร้อนระอุอย่างโง่เขลานี้ได้ทรมานนางมาทั้งคืน หญิงสาวเจ้าสำนักมารรู้ดีว่าตัวเองไม่ควรอยู่ใกล้เขาในช่วงเวลาที่ล่อแหลมเช่นนี้
“ข้ามีหนึ่งคำถามสุดท้าย!” ซูอันพูดอย่างรวดเร็ว “ใครคือสายในวังของท่าน? ท่านพอจะบอกข้าตอนนี้ได้ไหม? ต่อไปเราจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ถ้าข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ข้าอาจจะสร้างปัญหาให้กับท่านโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่เขาอาจจะทำร้ายข้า”
อวิ้นเจียนเยว่ส่ายหัว “เจ้าจะได้รู้เมื่อถึงเวลา”
ซูอันขมวดคิ้ว “ท่านยังไม่เชื่อใจข้าอีกเหรอ?”
“นี่ไม่ใช่เรื่องของความไว้วางใจ” อวิ้นเจียนเยว่อธิบาย “แต่ตัวตนของบุคคลนี้มีความพิเศษ ข้าสัญญากับคน ๆ นี้ว่าข้าจะไม่เปิดเผยตัวตนของเขาให้ใครรู้ ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ สิ่งที่เจ้ากังวลมันจะไม่เกิดขึ้น บุคคลนั้นจะไม่ทำร้ายเจ้า และอาจจะคอยช่วยเจ้าได้ด้วยซ้ำ”
“ลึกลับอะไรอย่างนี้” ซูอันถอนหายใจ “ข้าหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ท่านพูด”
เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “แล้วฮัวเล่ยอยู่ที่ไหน? ข้าจะไปบอกลานาง”
อวิ้นเจียนเยว่พ่นลม “รอไปก่อน ข้าจะให้เจ้าทั้งสองได้พบกันเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น”
เจ้าล้อเล่นหรือเปล่า? ข้างนอกยังมืดอยู่เลย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าสูญเสียการยับยั้งชั่งใจเพราะพวกเจ้ากำลังจะแยกจากกัน?
ซูอันค่อนข้างอึดอัดใจ
เจ้าจะระวังอะไรขนาดนั้น? เห็นข้าเป็นคนอย่างไร?
…
ซูอันถูกไล่ออกจากห้องของอวิ้นเจียนเยว่อย่างรวดเร็ว เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปนอนที่ห้องของเขา
อย่างไรก็ตาม ในหัวของเขาเต็มไปด้วยรูปร่างที่เย้ายวนใจของอวิ้นเจียนเยว่ ทว่าซูอันก็สามารถยับยั้งตัวเองได้ เพราะคิดว่าตัวเองชอบรูปร่างของฮัวเล่ยเช่นกัน นักรบคีย์บอร์ดหนุ่มเริ่มดูถูกตัวเองเล็กน้อย
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืน แม้ว่าจิตใจจะยุ่งเหยิง เขาค่อย ๆ หลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เผี่ยวตวนเตียวและเจียวซือกุนบังเอิญโผล่ออกมาจากห้องของพวกเขาในเวลาเดียวกัน พอเห็นหน้าก็ยิ้มให้กัน
“เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง?” เจียวซือกุนที่สดชื่นถามเสียงเบา ใบหน้าของเขาให้อารมณ์ดีกว่าปกติมาก