เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1004 กับดัก
บทที่ 1004 กับดัก
ซูอันรู้สึกหงุดหงิดในทันที เขาก้าวไปขวางหน้ารถม้าไว้ “ข้าเพิ่งช่วยพวกเจ้าไว้ แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้สึกซาบซึ้งใจ แต่จะตายไหมถ้าจะพูดว่า ‘ขอบคุณ’ ออกมาสักคำ?!”
ผู้หญิงในรถม้าไม่ตอบ เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจที่จะพูดกับชายแปลกหน้า
คนขับรถชรายิ้มและพูดอย่างเย็นชาว่า “บุรุษนับไม่ถ้วนพยายามเข้าใกล้ฮูหยินของเราในทุกรูปแบบ บางคนถึงกับใช้กลอุบายราคาถูกเพื่อทำให้ตัวเองดูเหมือนวีรบุรุษ”
เขายิ้มอวดฟันเหลือง ฟันหน้าของเขาหายไปหนึ่งซี่ซึ่งทำให้รอยยิ้มของเขาโดดเด่นยิ่งขึ้น
ซูอันตกตะลึงชั่วขณะ แต่ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าคนขับรถชราเข้าใจตนเองผิด
หญิงสาวที่อยู่ข้างในนี้มั่นใจในตัวเองมากเกินไปไหม? ต้องสวยขนาดไหนถึงจะมีคนยอมเสี่ยงถูกม้าเหยียบตายเพื่อเจ้า?
รถม้าของพวกเขาดูธรรมดาจึงไม่น่าจะเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยแม้ว่าจะมีคำกล่าวว่าสาวงามเกิดขึ้นท่ามกลางท้องนา…
อย่างไรก็ตาม เขารีบส่ายหัวให้ความคิดนี้ หากเป็นสาวงามที่ยากจนจริง ๆ คงจะถูกขุนนางกระชากตัวไปรับใช้อุ่นเตียงแล้ว ทำไมถึงจะต้องมานั่งรถม้ายากจนอยู่แถวนี้?
โลกแห่งการบ่มเพาะนี้ถูกปกครองโดยความแข็งแกร่ง เขาไม่เชื่อว่าผู้บ่มเพาะคนใดจะทิ้งสาวงามยากจนเข็ญใจไว้ตามลำพัง
การจากไปของชิวฮัวเล่ยและอวิ้นเจียนเยว่ทำให้เขารู้สึกแย่ และไม่มีอารมณ์ที่จะโต้เถียงกับคนพวกนี้ เขาโบกมืออย่างไม่อดทนและพูดว่า “ช่างเถอะ ความปรารถนาดีของข้าได้รับการปฏิบัติเหมือนมูลม้า ข้าไปล่ะ”
คนขับชราหัวเราะคิกคัก เขาเคยผ่านเหตุการณ์อย่างนี้มาแล้วพอสมควร ปฏิกิริยาของบุคคลนี้คล้ายกับคนอื่นอีกหลายคน เมื่อเห็นว่าผู้หญิงข้างในไม่มีคำสั่งอื่น เขาจึงสะบัดบังเหียนและเตรียมจะจากไป
จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น “หยุดก่อน!”
คนขับขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาประเมินเด็กเหลือขอคนนี้ต่ำไป เขาควบคุมบังเหียนเพื่อดูว่าซูอันต้องการเล่นกลอะไรอีก
พื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันเมื่อหันกลับมา ชายกลุ่มหนึ่งควบม้าผ่านไปหยุดอยู่ตรงหน้าซูอันและมองดูที่เกิดเหตุด้วยสีหน้าสยดสยอง เขาหันกลับไปรายงาน “ท่านแม่ทัพ! เหมันต์ทมิฬได้รับบาดเจ็บสาหัส! มันอาจจะไม่รอด!”
“อะไรนะ?” ชายหนุ่มเร่งม้าของเขาไปข้างหน้า
ดวงตาของผู้สังเกตการณ์โดยรอบเป็นประกาย นายน้อยคนนี้หล่อเหลาและโดดเด่นอย่างแท้จริง
เด็กสาวหลายคนปิดปากกระซิบกระซาบกันเมื่อเห็นเสื้อคลุมหรูหราที่ปักด้วยทองคำ เข็มขัดสีทองประดับด้วยมังกรและหงส์ ผมยาวที่หวีละเอียดและดวงตาที่เฉียบคม พวกนางต่างเพิ่มเขาไว้ในรายการสามีในอุดมคติ!
คนขับชราฟันหลอไม่สามารถระงับอาการตกใจได้ เขารีบพูดกับคนที่อยู่ในรถม้าว่า “นายหญิง ข้าเกรงว่าเราอาจจะเข้าใจผิดว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้มาใหม่คือทายาทของราชันลมปราณ ดูเหมือนว่าเขาจะมุ่งเป้าไปที่ชายคนที่ช่วยเหลือเรา”
ผู้หญิงที่อยู่ด้านในตอบรับอย่างอ่อนโยน แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก
ซูอันขมวดคิ้ว เขาเหลือบมองม้าที่แตกตื่น ลำตัวของม้าเป็นสีดำสนิท ตรงจมูกจรดหน้าผากเป็นสีขาวราวหิมะ ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันถูกตั้งชื่อว่าเหมันต์ทมิฬ
ทว่าในตอนนี้ ปากของมันเต็มไปด้วยฟองอากาศ ดวงตาแดงก่ำ ร่างกายกวัดแกว่งไปมา ม้าไม่สามารถยืนได้อีกต่อไปและล้มลงกับพื้น ร่างกายกระตุก เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีโอกาสรอด
“เกิดอะไรขึ้น? ข้าต้องใช้กำลังพอสมควรในการหยุดมัน แต่ไม่ได้มากเกินไปจนทำให้มันตายได้” ซูอันกล่าวอย่างสับสน
“เจ้าได้ฆ่าเหมันต์ทมิฬต่อหน้าพยานจำนวนมาก เจ้ายังกล้าโต้แย้งความผิดของตัวเองอีกเหรอ?” ขุนนางหนุ่มอีกคนหนึ่งจ้องมองเขาจากบนหลังม้า
คำพูดของเขาทำให้ซูอันขนลุก “ม้าของเจ้าเกือบจะเหยียบผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ แต่เจ้ากำลังกล่าวหาว่าข้าไม่ยอมรับผิด? กฎหมายอาณาจักรไหนกันที่จะเอาผิดข้า?”
ตอนนี้เขาเป็นขุนนางในราชสำนัก เห็นได้ชัดว่าไม่จำเป็นต้องยกกฎหมายขึ้นมาพูด แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของเขาแน่นอน!
ในที่สุดนายน้อยรูปหล่อบนหลังม้าก็พูดขึ้น “คนบาดเจ็บที่เจ้าพูดถึงอยู่ที่ไหน?”
ซูอันชี้ไปที่บรรยากาศวุ่นวายด้านหลังเขา “ม้าของเจ้าพุ่งชนคูหาของผู้คน ข้าแน่ใจว่าที่นั่นมีคนบาดเจ็บมากมาย”
“อย่างนั้นเหรอ?” ขุนนางหนุ่มเน้นเสียง “ใครที่ได้รับบาดเจ็บจากม้าของเราบ้าง? ออกมาเถอะ ข้าจะชดใช้ให้”
เขาพูดแบบนี้สามครั้งติดต่อกัน แต่ละครั้งไม่มีการตอบสนอง
เขาค่อย ๆ หันกลับมาหาซูอันโดยมีรอยยิ้มขบขันประดับริมฝีปาก “เจ้าคงเห็นแล้วว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหมันต์ทมิฬ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเพิ่งฆ่าม้าตัวสำคัญของข้าไป เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?”
ซูอันรับรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น คนทั่วไปกลัวที่จะสร้างปัญหาให้กับตนเอง นายน้อยคนนี้เป็นคนที่พวกเขาไม่สามารถล่วงเกินได้ พวกพ้องของนายน้อยคนนี้จ้องเขม็งไปที่ฝูงชน ซึ่งทำให้พวกเขาหวาดกลัวที่จะตอบโต้
เขาไม่ได้ตำหนิคนเหล่านี้ นี่เป็นเพียงธรรมชาติของมนุษย์
เขาชี้ไปที่รถม้าที่อยู่ใกล้ ๆ “ม้าไม่เพียงแต่พุ่งเข้าใส่คนที่อยู่บนถนนเท่านั้น แต่ยังเกือบทำลายรถม้าด้วย และทุกคนในรถม้าจะต้องตาย”
ขุนนางหนุ่มมองไปที่รถม้า มันดูทรุดโทรมไม่เหมือนรถม้าจากครอบครัวที่ร่ำรวย เขาเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น และจ้องเขม็งไปที่รถม้า “จริงเหรอ?”
แววคุกคามในดวงตาของเขาเด่นชัด
ซูอันขมวดคิ้ว ผู้ชายคนนี้ใช้สถานะของเขากดดันผู้อื่นอย่างชัดเจน
คนขับชรายิ้มและพูดว่า “ถูกต้อง เจ้าม้าบ้านั่นพุ่งตรงมาที่เรา และเกือบทำให้นายหญิงของเราตกใจ”
เขาไม่ได้สนับสนุนคำกล่าวอ้างของซูอันว่ารถม้าและผู้คนภายในจะต้องตาย แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งนี้
ขุนนางหนุ่มมองคนขับชราแล้วเมินไปอย่างรวดเร็ว ราวกับรู้สึกรังเกียจที่จะจ้องมองอีกแม้แต่วินาทีเดียว “เจ้าไม่ได้จัดฉากใช่ไหม? ใครจะรู้ว่าเจ้าเป็นพวกเดียวกันทั้งหมดหรือไม่?”
คนขับชราฟันหลอหัวเราะ แต่ไม่พูดอะไรอีก
เมื่อซูอันรู้ว่าคนเหล่านี้มาที่นี่เพื่อก่อปัญหา เขาค่อย ๆ สงบลง นายน้อยบนหลังม้าค่อนข้างเก่งในการบิดเบือนความจริง น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถแข่งขันในเรื่องความไร้ยางอายกับข้าได้
ขุนนางหนุ่มมองซูอัน “เหมันต์ทมิฬเป็นม้าศึก” เขาพูดอย่างเย็นชา “มันประสบความสำเร็จอย่างมากในสนามรบ และมีตำแหน่งถาวรในกรมสงคราม เจ้ารู้ไหมว่าการฆ่าม้าศึกนั้นเป็นเรื่องใหญ่เพียงใด?”
“ไม่” ซูอันตอบอย่างเฉยเมย
ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะแสดงโชว์แบบไหนให้ข้าดู ข้าเคยพลิกลิ้นคุยกับผู้คนเช่นจักรพรรดิ ราชันลมปราณ และอวิ้นเจียนเยว่มาแล้ว คนอย่างเจ้าจะนับเป็นอะไรได้?
ทหารม้าที่อยู่ถัดจากขุนนางหนุ่มกล่าวทันทีว่า “การฆ่าม้าศึกเป็นอาชญากรรมครั้งใหญ่ อย่างน้อยที่สุดเจ้าจะถูกเนรเทศ แต่ถ้าเป็นม้าศึกที่มียศในกองทัพอาจถือได้ว่าเป็นความผิดร้ายแรง”
ซูอันหัวเราะ เขามองนายน้อยที่แต่งตัวโอ่อ่า “เจ้าต้องการให้ข้าตายเพราะม้าสติแตกตัวหนึ่งเหรอ? ช่างน่าหัวเราะจริง ๆ”
สีหน้าของขุนนางหนุ่มเริ่มเย็นชา ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้
—
ท่านยั่วยุจ้าวจื่อสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 444!
—
ดวงตาของซูอันหรี่ลง ชายคนนี้แซ่จ้าวเหรอ? ใครก็ตามที่มีแซ่จ้าวมีโอกาสสูงที่จะเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์
พวกทหารม้าผลัดกันด่าเขา “โอหัง! เจ้ากล้าพูดจาหยาบคายกับแม่ทัพของเราเหรอ?”
“แม่ทัพ? แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?” ซูอันเดินเอามือไพล่หลัง หลังจากขัดเกลาและดูดซับพลังชี่ของจักรพรรดิและอวิ้นเจียนเยว่แล้ว เขารู้สึกแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา
“หืม?” คนขับชราฟันหลอรู้สึกประหลาดใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่าพี่ฟู่?” ฮูหยินข้างในถามด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจ
คนขับชราหัวเราะคิกคักและพูดว่า “ฮูหยิน ชายที่ช่วยพวกเราหาญกล้าจริง ๆ”