เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1006 วิธีหยุดทหารม้า
บทที่ 1006 วิธีหยุดทหารม้า
เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกจากปากของซูอัน ความเงียบได้ปกคลุมฝั่งตรงข้าม
จากนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมา มีอะไรผิดปกติกับสมองของบุคคลนี้หรือไม่?
เขากำลังเรียกร้องให้ทายาทของราชันลมปราณขอโทษงั้นเหรอ? ชายคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นใคร!
ฉู่โหยวเจาระงับความโกรธ หลังจากผ่านความยากลำบากมามาก นางเกือบจะจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้สงบลงได้แล้ว ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงปากสุนัขไม่เปลี่ยน? เขาใช้เวลาเพียงชั่วครู่ทำลายความพยายามทั้งหมดของนาง ตอนนี้ไม่มีทางที่ทายาทของราชันลมปราณจะปล่อยเขาไปอีกแล้ว
มู่หรงชิงเหอขมวดคิ้ว ตระกูลมู่หรงยืนหยัดเคียงข้างราชันลมปราณเสมอ ถ้าฉู่โหยวเจาไม่ก้าวออกไป นางคงไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
นางเคยเผชิญหน้ากับซูอันมาก่อนและชื่นชมการบ่มเพาะของเขา อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขามีเพียงความแข็งแกร่ง แต่ขาดไร้ซึ่งไหวพริบ
ฮึ่ม! พี่ฉู่เป็นคนที่อ่อนโยนแสนดี เขาเป็นคนที่หล่อและฉลาดที่สุดที่ข้ารู้จัก!
ขณะที่นางหมกมุ่นอยู่กับจินตนาการ คนขับชราฟันหลอส่ายหัว “เจ้าเด็กนั่นดูมั่นใจเกินไปหน่อย”
เสียงหัวเราะเบา ๆ มาจากภายในรถม้า “อย่างนั้นเหรอ? ทำไมข้าไม่คิดอย่างนั้นล่ะ”
คนขับชราตกใจ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของฮูหยิน นางหัวเราะเพราะชายหนุ่มโง่เง่านั่นจริงเหรอ?
“นายหญิงรู้จักเขาเหรอ?” เขาถามหยั่งเชิง วันนี้ฮูหยินของเขาทำตัวแปลกไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางจะสนใจซูอันอยู่บ้าง
ไม่มีเสียงจากภายในรถอีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าฮูหยินไม่คิดจะตอบ
ทายาทของราชันลมปราณมองไปที่ซูอันอย่างไม่เชื่อ จากนั้น ราวกับเพิ่งได้ยินเรื่องตลกครั้งใหญ่ เขาหัวเราะดังลั่น “ให้ข้าขอโทษเจ้า? ทำไมข้าต้องทำอย่างนั้นกับคนอย่างเจ้าด้วย?”
ซูอันถอนหายใจ “อย่าหาว่าข้าไม่ได้ให้โอกาสเจ้าขอโทษ เจ้าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
ทายาทของราชันลมปราณพ่นลมหายใจและเพิกเฉยต่อคำพูดของเขาราวกับกำลังคุยกับคนบ้า เขามองไปที่ฉู่โหยวเจาและกล่าวว่า “นายน้อยฉู่ได้เห็นด้วยตาของตัวเองแล้วว่าชายคนนี้รนหาที่ตาย ท่านไม่สามารถตำหนิข้าในสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้”
ฉู่โหยวเจาเริ่มตื่นตระหนก นางก้าวไปขวางหน้าซูอันและพูดเสียงเบา “พี่เขย เขาเป็นทายาทของราชันลมปราณ เจ้าอย่าทำให้เขาขุ่นเคือง ใช่ ข้ารู้ว่าเจ้ามีความแข็งแกร่ง แต่ทายาทของราชันลมปราณมีการบ่มเพาะระดับแปด แถมยังมีลูกน้องตามเป็นพรวน เจ้าคิดว่าจะชนะได้อย่างไร?”
ซูอันลูบหัวของนางและหัวเราะ “ไม่เลว แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้ายังเป็นห่วงข้า พี่เขยคนนี้ซึ้งใจจริง ๆ”
“ใครห่วงเจ้า!” ฉู่โหยวเจาหน้าแดง รู้สึกอึดอัดและเขินอาย ลืมไปชั่วขณะว่าต้องการจะพูดอะไรอีก
ทายาทของราชันลมปราณพูดอีกครั้ง “ถ้าข้าจำไม่ผิด ดูเหมือนว่าตระกูลฉู่ได้ตัดความสัมพันธ์กับซูอันแล้ว เขาไม่ใช่สามีของคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่อีกต่อไป แน่นอนว่าเขาไม่ใช่พี่เขยของท่านเช่นกัน ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกนายน้อยฉู่”
แม้ว่าในสถานะของเขาจะไม่จำเป็นต้องสนใจตระกูลฉู่เลย แต่ตระกูลฉู่มีความสัมพันธ์พิเศษกับตระกูลฉิน คุณหนูใหญ่ฉู่และนายน้อยฉู่เป็นที่รักใคร่ของแม่ทัพทั้งสองของตระกูลฉิน นอกจากนี้ยังเป็นความรู้ทั่วไปว่ามู่หรงชิงเหอชื่นชมนายน้อยฉู่ เขาไม่ต้องการที่จะทำลายความสัมพันธ์ทั้งหมดเหล่านี้ด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอดทนอธิบายให้ฉู่โหยวเจาฟังทั้งหมด
ฉู่โหยวเจากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซูอันจับมือนางและบอกผ่านกระแสพลังชี่ “ไม่ต้องกังวล ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่”
ฉู่โหยวเจาตกตะลึง น้ำเสียงของพี่เขยนางค่อนข้างสงบ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ตื้นเขินอย่างที่นางคิด
เมื่อหวนนึกถึงสิ่งที่เคยผ่านมาด้วยกัน นางก็ตระหนักว่าถึงแม้เขาจะทำให้รำคาญอยู่เสมอ เมื่ออันตรายที่แท้จริงปรากฏขึ้นเขาก็มั่นคงดั่งขุนเขา เมื่อจำสิ่งนี้ได้ นางจึงเลิกพยายามห้ามปรามเขา แม้ว่านางไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องเผชิญหน้ากับทายาทของราชันลมปราณแบบนี้
ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่ามือนางอยู่ในมือเขา หัวใจของฉู่โหยวเจาเต้นแรง นางรีบดึงมือออกและวิ่งกลับไปที่ด้านข้างของมู่หรงชิงเหอ หลังจากกลับมาอยู่เคียงข้างเพื่อนเล่นประจำแล้ว นางก็สงบลงได้
มู่หรงชิงเหอมองนางด้วยสายตาแปลก ๆ “พี่ฉู่ทำไมหน้าท่านแดงขนาดนี้?”
ฉู่โหยวเจาสัมผัสแก้มของตัวเอง รู้สึกถึงความอบอุ่นเล็กน้อย “อ… อะไรกัน? อ้อ อาจเป็นเพราะข้ากังวลนิดหน่อย” นางกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน
“พี่ฉู่ไม่จำเป็นต้องกังวล ท่านทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว ถ้าพี่เขยของท่านรนหาที่ตาย ท่านก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว” มู่หรงชิงเหอมองซูอันอย่างดูถูกเหยียดหยาม คนโง่เง่านี่ไม่มีค่าพอให้พี่ฉู่ต้องเป็นกังวล
ทายาทของราชันลมปราณพูดอีกครั้ง “ช่างเถอะ เพื่อประโยชน์ของคุณหนูใหญ่ฉู่และนายน้อยฉู่ ข้าจะไม่เอาเรื่องอะไรมาก ถ้าเขาหักแขนขาตัวเอง ข้าจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป”
มู่หรงชิงเหอพยักหน้า นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับซูอัน อย่างน้อยเขาก็จะรักษาชีวิตไว้ได้ ส่วนแขนขาที่หักค่อยไปรักษาในภายหลัง
ฉู่โหยวเจายังคงกังวล ถ้าพี่ใหญ่ของนางอยู่ที่นี่ ทุกอย่างคงจะไม่เป็นอย่างนี้
ซูอันทำท่าทางแคะหูตัวเองอย่างระอาใจ “พูดพล่ามเสร็จหรือยัง? เจ้าได้ตำแหน่งมาโดยใช้ปากเหรอ? เจ้าคิดว่าตัวเองเก่งเหมือนข้าหรืออะไร?”
สีหน้าของขุนนางหนุ่มเริ่มเยือกเย็น “ดีมาก เจ้าทำให้ข้าโกรธสำเร็จแล้ว! เนื่องจากไอ้คนผู้นี้ไม่เต็มใจหักแขนขาตัวเอง พวกเจ้าทุกคนช่วยมันหน่อยก็แล้วกัน”
—
ท่านยั่วยุจ้าวจื่อสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 888!
—
“รับทราบ!” ทหารม้ามองซูอันด้วยท่าทางที่น่ากลัว
ในเมื่อนายน้อยของเราบอกให้หักแขนขา เราจะหักท่อนเล็ก ๆ ตรงขาของมันด้วย เพราะนั่นเป็นขาที่สาม!
“พี่เขย ระวัง!” ตอนนี้ฉู่โหยวเจาตื่นตระหนกอย่างแท้จริง มองดูทหารม้าที่พุ่งเข้าหาซูอันตาแทบถลน
ทหารม้ามีความได้เปรียบกว่าทหารราบ การจู่โจมของทหารม้าในสนามรบถือเป็นหายนะของทหารราบ
มู่หรงชิงเหอถอนหายใจ เนื่องจากพี่ฉู่ของนางห่วงใยผู้ชายคนนี้มาก นางจึงจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเขาในภายหลัง นางเชื่อว่าอย่างน้อยทายาทของราชันลมปราณจะเห็นแก่หน้าของนางบ้าง
ซูอันยืนเอามือไพล่หลังราวกับไม่เห็นม้าที่กำลังพุ่งเข้ามา
ไอ้บ้านั่นคงจะกลัวจนตัวแข็ง! ทหารม้าทั้งหมดมีข้อสรุปเดียวกัน เดิมทีพวกเขาวางแผนที่จะโอบล้อมตัดทางหนีของชายโอหังคนนี้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายยืนนิ่งโดยไม่พยายามหลบเลี่ยงยิ่งทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
การถูกม้าพุ่งชนจะทำให้ซี่โครงหักอย่างน้อยที่สุดครึ่งหนึ่ง มันเป็นความผิดของชายผู้นี้เองที่ทำให้นายน้อยของพวกเขาขุ่นเคือง!
ทหารม้าควบม้าให้พุ่งตรงไปที่ซูอันพลางหัวเราะอย่างชั่วร้าย
ทว่าจู่ ๆ เกิดเรื่องประหลาดขึ้น ม้าที่วิ่งเร็วหยุดกะทันหันพร้อมกับกรีดร้อง สถานการณ์ทั้งหมดเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา
ผู้ขี่ที่ไม่ทันตั้งตัวถูกเหวี่ยงออกจากหลังม้าทันที หลายคนที่มีการบ่มเพาะสูงกว่าสามารถอยู่บนม้าต่อไปได้ แต่ร่างกายของพวกเขายังคงถูกเหวี่ยงไปมาและต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก
พวกที่ถูกเหวี่ยงลงไปที่พื้นต่างกระดูกหัก ผู้โชคร้ายสองสามคนหน้ากระแทกดินฟันหักไปครึ่งปาก เป็นภาพที่น่าสังเวชอย่างยิ่ง