เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1014 ทำไมจะไม่
บทที่ 1014 ทำไมจะไม่
“เกิดอะไรขึ้น?” ดวงตาของฉู่โหยวเจาเบิกกว้าง ทายาทของราชันลมปราณเพิ่งจะใช้ทักษะขั้นสุดท้ายของเขา ดูเหมือนว่าพี่เขยของนางจะพ่ายแพ้ แต่ในวินาทีสุดท้ายกลับเป็นทายาทรุ่นเยาว์ที่ถูกฟ้าผ่าลงมาแทน เป็นไปได้อย่างไร?
มู่หรงชิงเหอมึนงงเช่นกัน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นางตกตะลึงอย่างยิ่ง นางมองไปรอบ ๆ โดยไม่รู้ตัว “มีคนแอบช่วยเขาหรือเปล่า?”
นางเห็นลูกบอลน้ำพุ่งออกมาจากด้านข้าง มีผู้บ่มเพาะธาตุน้ำซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ หรือไม่?
คนขับชราฟันหลอก็มองไปรอบ ๆ ด้วยแววตาที่ตกใจอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของเขาดูงุนงงเล็กน้อย
ซูอันเดินขึ้นไปหาทายาทหนุ่มและมองลงไปยังร่างกายที่กำลังกระตุกของอีกฝ่าย เขาถอนหายใจ ดูเหมือนว่าบทเรียนฟิสิกส์จะได้ผล
เมื่อเขาเห็นคู่ต่อสู้เป็นผู้บ่มเพาะธาตุสายฟ้า เขาจึงรวบรวมแอ่งน้ำจากบ่อเก็บน้ำและภาชนะอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง รอเวลาที่เหมาะสมที่จะใช้ลูกบอลน้ำยักษ์นี้
เขาไม่ได้ปลุกธาตุน้ำ ดังนั้นจึงไม่สามารถเรียกน้ำจากอากาศบาง ๆ ได้ ทั้งหมดที่เขาทำได้คือใช้ทักษะนกเป็ดน้ำสีครามเพื่อเคลื่อนย้ายน้ำ
แม้แต่โลกแห่งการบ่มเพาะยังต้องปฏิบัติตามกฎของฟิสิกส์
ทายาทของราชันลมปราณกระดิกนิ้วราวกับพยายามเรียกสายฟ้าอีกครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงประกายไฟฟ้าสีน้ำเงินเล็ก ๆ วูบขึ้นที่นิ้ว ก่อนที่ร่างกายไหม้เกรียมจะกระตุกอีกครั้งและอยู่ในภาวะอัมพาต
ซูอันหัวเราะ “โอ้? เจ้าพยายามที่จะทำให้ข้าตกใจ?” เขาวางเท้าข้างหนึ่งบนหน้าอกของทายาทรุ่นเยาว์แล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้ ใครกันที่บอกว่าต่อให้พยายามแค่ไหน ทุกอย่างก็ไร้ความหมาย?”
ไม่เคยมีใครเหยียบหน้าอกของทายาทราชันลมปราณมาก่อน เขาดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่ร่างกายทั้งหมดเป็นอัมพาตจากกระแสไฟฟ้า
—
ท่านยั่วยุจ้าวจื่อสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999… +999… +999…
—
หากเขาไม่ได้เป็นผู้บ่มเพาะธาตุสายฟ้า กระแสไฟฟ้ามหาศาลที่ไหลผ่านร่างกายคงทำให้เขาตายไปแล้ว
ความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่นั้นก็เป็นปาฏิหาริย์เกินพอแล้ว น่าเสียดายที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายเดือนก่อนที่จะกลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิม
ซูอันกวาดสายตาไปที่ศัตรูของเขาและไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้ ผมของทายาทอายุน้อยคนนี้ ซึ่งเคยตรงยาวเงางาม ตอนนี้กลับหยิกหยอยและชี้ฟู เสื้อผ้าที่หรูหราถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน การเคลื่อนไหวเล็กน้อยทำให้พวกมันสลายตัวเผยให้เห็นร่างที่เปลือยเปล่าของจ้าวจื่อ
“อา!”
ทั้งมู่หรงชิงเหอและฉู่โหยวเจาตกใจและหันกลับไปอย่างรวดเร็ว หัวใจของพวกนางเต้นแรง
มู่หรงชิงเหอดูประหลาดใจในปฏิกริยาของฉู่โหยวเจา “ข้าอายเพราะข้าเป็นผู้หญิง แต่ทำไมท่านถึงอายไปด้วย?”
ใบหน้าของฉู่โหยวเจาแดงก่ำ นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย คำถามหนึ่งผุดขึ้นในใจ ทำไมของจ้าวจื่อถึงดูแตกต่างจากพี่เขยของนางมาก?
ไอ้นั่น… มันเล็กมาก…
ใครกันแน่ที่แปลก?
ซูอันจ้องมองไปที่ขาหนีบของทายาทหนุ่มด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
“อันแค่เนี้ย!?”
แม้ว่าจะมีหญิงสาวมากมายอยู่ใกล้ ๆ แต่เขาไม่สามารถอดใจได้ในตอนนี้ และวาดวงกลมรอบ ๆ ความเป็นลูกผู้ชายของจ้าวจื่อด้วยปลายกระบี่ “มันไหม้ไปแล้ว ข้าควรช่วยเจ้ากำจัดมันไหม?”
ทายาทของราชันลมปราณตกใจมากจนวิญญาณแทบออกจากร่าง เขาสามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บในตอนนี้ได้อย่างช้า ๆ แต่ถ้าอวัยวะอันล้ำค่าถูกตัดขาด การจะเชื่อมต่อมันได้อีกครั้งคงต้องหวังพึ่งปาฏิหารย์!
ปกติเขาเป็นคนเย่อหยิ่ง แต่น้ำเสียงของจ้าวจื่ออ่อนลงอย่างมากในทันที “ตอนนี้มันแค่ไหม้เล็กน้อย แต่ถ้ามันได้ฟื้นตัวก็น่าจะยังใช้ได้”
ซูอันหัวเราะ “แม้จะอยู่ในสภาพนี้ เจ้ายังต้องการใช้มันอีกเหรอ? คงเป็นปาฏิหาริย์ ถ้าเจ้ายังสามารถฉี่ออกมาได้”
ทายาทของราชันลมปราณฝืนยิ้มอย่างลุแก่โทษ แต่ความโกรธก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบในใจ ‘ในอนาคตข้าจะสับศพของเจ้าเป็นหมื่นชิ้นอย่างแน่นอน!’
—
ท่านยั่วยุจ้าวจื่อสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +1024… +1024… +1024…
—
สีหน้าของซูอันเริ่มเย็นชาเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นที่เข้ามา “ตอนนี้เจ้าแอบด่าข้าอยู่ในใจใช่ไหม?”
“ไม่… ข้าไม่ได้…” ทายาทหนุ่มกะพริบตาปริบ ๆ เขาอยากพูดคำที่ประจบสอพลอเพื่อคลายความตึงเครียด แต่จนใจที่หาคำพูดที่เหมาะสมไม่ได้ เมื่อพิจารณาจากสถานะของเขาแล้ว จ้าวจื่อเป็นคนที่ถูกยกย่องเสมอมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จึงไม่รู้วิธีประจบประแจงผู้อื่นแม้แต่น้อย
จู่ ๆ ใบหน้าของซูอันก็สว่างขึ้น “โอ้ ในที่สุดข้าก็จำบางอย่างได้ ก่อนหน้านี้เจ้าเคยขอให้ข้าหักแขนขาตัวเอง และคุกเข่าให้เจ้าเพื่อเป็นการขอโทษใช่ไหม?”
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ทายาทของราชันลมปราณละล่ำละลักอธิบาย ตอนนี้ เขาต้องผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าข่าวเรื่องนี้รู้ไปถึงคฤหาสน์ของราชันลมปราณเมื่อไร เขาแน่ใจว่าจะตอบแทนไอ้สารเลวคนนี้มากกว่าร้อยเท่าพันเท่า!
“เจ้าหาว่าข้าหูฝาดเหรอ?” เสียงของซูอันเย็นชา
ทายาทของราชันลมปราณพูดไม่ออก
ในตอนนี้ เขารู้แล้วว่าตัวเองจะถูกเยาะเย้ยไม่ว่าจะเลือกตอบอย่างไร
ด้วยความคิดนี้ เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และละทิ้งความตื่นตระหนกชั่วขณะไป “อย่าพูดจาอวดดีไปนักเลย เจ้ากล้าทำร้ายข้าจริงเหรอ? ข้าเป็นลูกชายคนโตของราชันลมปราณและเป็นขุนนางของราชสำนัก หากข้าได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เจ้าจะต้องทนทุกข์เป็นสิบเท่า ไม่สิ ข้าจะตอบแทนเจ้าเป็นร้อยเท่า”
ซูอันขมวดคิ้ว “เจ้ามีบิดาที่ดีจริง ๆ”
ทายาทหนุ่มมีสีหน้าเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม “ถูกต้อง ดูเหมือนว่าเจ้ายังเข้าใจสถานการณ์ ข้ายินดีที่จะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าเจ้าเลิกราแต่โดยดี”
แต่ภายในใจเขาเย้ยหยัน ลืมเหรอ? ไม่มีทาง!
เมื่อเขากลับไปยังคฤหาสน์ของราชันลมปราณ เขาจะทำให้แน่ใจว่าชายคนนี้เข้าใจว่าการมีชีวิตอยู่หมายถึงอะไร และร้องขอความตายในท้ายที่สุด
ซูอันถอนหายใจ “บิดาของเจ้านั่นแหละคือตัวปัญหา แต่ข้าไม่เคยกลัวการถูกคุกคามมาก่อน ข้าไม่ได้อารมณ์รุนแรงขนาดนั้น รู้ไหม? ทำไมเจ้าต้องยั่วข้าด้วย?”
ทันทีที่พูดจบ เขายกเท้ากระทืบหัวเข่าของทายาทหนุ่ม
ทั้งฉู่โหยวเจาและมู่หรงชิงเหอต่างตกตะลึง ชายคนนี้กล้าทำอย่างนี้กับทายาทของราชันลมปราณได้อย่างไร? เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลที่ตามมาคืออะไร?
ฉู่โหยวเจาสูญเสียความสุขทั้งหมดเกี่ยวกับการกลับมาของพี่เขย นางเต็มไปด้วยความกังวลในทันที
คนขับชราฟันหลอขมวดคิ้ว “ไอ้หนุ่มคนนี้ประมาทเกินไป” เขาอดไม่ได้ที่จะพูด “ตอนนี้เขาทำให้ราชันลมปราณขุ่นเคืองอย่างแท้จริง ข้าเกรงว่าตอนนี้จะไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้อีกแล้ว”
ภายในรถม้ายังคงเงียบ เป็นไปไม่ได้ที่จะหยั่งรู้ถึงความคิดของผู้หญิงที่อยู่ภายใน
“โอ๊ย!” เสียงร้องอันขมขื่นของจ้าวจื่อดังขึ้นทั่วทั้งถนน จิตใจและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความโกรธอย่างรุนแรง “เจ้ากล้าทำร้ายข้า! กล้าดีอย่างไร?!”
—
ก่อนหน้านี้ที่ซูอันทำท่าวาดกระบี่รอบเป้าแล้ว เขายังไม่รู้สึกตื่นตระหนกมากนัก ท้ายที่สุด เขามั่นใจว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดจากหัวเข่าทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามกับชีวิต ผู้ชายคนนี้ไม่กลัวพ่อของข้าจริง ๆ เหรอ? มันโง่เหรอ!
ริมฝีปากของซูอันกระตุก “สมองของเจ้าโดนฟ้าผ่าด้วยเหรอ? ข้าไม่ได้ทำร้ายเจ้าไปแล้วเหรอ? แต่นี่เจ้ายังคงถามว่าข้ากล้าไหม เจ้าดูค่อนข้างสับสนนะ ข้าจะช่วยเอง”
เขากระทืบเท้าลงบนเข่าอีกข้างหนึ่งของจ้าวจื่อ
“หยุด!” มู่หรงชิงเหอรีบวิ่งไปหยุดซูอันด้วยความตื่นตกใจ
ซูอันมองนางด้วยสายตาเย็นชา
อย่างไรก็ตาม นางยึดมั่นในความสัมพันธ์ของราชันลมปราณกับตระกูลมู่หรงและยังคงรวบรวมความกล้าที่จะพูดว่า “เจ้าไม่สามารถทำร้ายเขาได้”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” ซูอันกล่าวอย่างเฉยเมย
มู่หรงชิงเหอกัดริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของนางและกล่าวว่า “เพราะเขาเป็นทายาทของราชันลมปราณ เขาเป็นคนมีฐานะดี หากมีอะไรเกิดขึ้น เมืองหลวงทั้งหมดจะเกิดความโกลาหล เหตุผลนี้ไม่เพียงพอเหรอ?”
“ยังไม่พอ!” ซูอันพูดอย่างไร้ความรู้สึก เขากำลังจะกระทืบเท้าลงอีกครั้ง แต่ความรู้สึกถึงลางร้ายผุดขึ้นภายในความคิด เขาหันไปทางถนน
ผู้อาวุโสคนหนึ่งปรากฏตัวที่ปลายถนน เขามีผมสีเงินเต็มหัว แต่ไม่มีรอยย่นบนใบหน้าแม้แต่น้อย ขณะที่เดินมาช้า ๆ เขาก็ดูเป็นหนึ่งเดียวกับโลก “ข้าแนะนำให้เอาเท้าสกปรกของเจ้าออกไป”