เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1015 ถูกหลอกง่าย
บทที่ 1015 ถูกหลอกง่าย
ซูอันขมวดคิ้ว เขาไม่เห็นระดับการบ่มเพาะของชายผู้นี้ ซึ่งหมายความว่าระดับการบ่มเพาะของอีกฝ่ายสูงกว่าเขา
ไม่จำเป็นต้องรู้ระดับการบ่มเพาะ แค่แรงกดดันเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่าผู้อาวุโสคนนี้เป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง ทุกย่างก้าวของเขาดูเหมือนจะเหยียบย่ำหัวใจ มันเป็นความรู้สึกที่อึดอัดเป็นอย่างมาก
เขาไม่สงสัยเลยสักนิดว่าเพียงแค่การเดินแบบนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายหัวใจของผู้บ่มเพาะที่อ่อนแอกว่าได้
“เจ้าเป็นใคร?” ร่างกายของซูอันตึงเครียด ไม่ลดการป้องกันลง
“หานเฟิงชิว” ผู้เฒ่าซึ่งมาหยุดยืนอยู่อย่างสงบตอบ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เคลื่อนไหว ราวกับว่าชื่อของเขาเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการเรื่องต่าง ๆ
คนขับชราฟันหลอขมวดคิ้ว “ตอนนี้เรื่องเริ่มซับซ้อนแล้ว”
“คนผู้นี้เป็นใครกัน?” ผู้หญิงข้างในพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ
“หนึ่งในห้าองครักษ์ที่ยิ่งใหญ่ของคฤหาสน์ราชันลมปราณ เขาเป็นผู้บ่มเพาะระดับเก้าขั้นสูงสุด” คนขับชราฟันหลออธิบาย ฮูหยินของเขาไม่คุ้นเคยกับวงการการบ่มเพาะ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะไม่รู้เรื่องนี้
ผู้ที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ขึ้นไปอาจเป็นอ๋องหรือขุนนางใหญ่ในราชสำนัก บุคคลระดับสูงสุดที่ยังคงอยู่ใต้การบังคับบัญชาจะอยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดับเก้า
ตระกูลของราชันลมปราณน่าจะเป็นตระกูลเดียวที่มีผู้บ่มเพาะระดับเก้าขั้นสูงสุดอยู่ในฐานะคนรับใช้ บุคคลเหล่านี้มักชอบที่จะเป็นข้าราชสำนักมากกว่า
ไม่มีเสียงจากภายในรถม้าอีกต่อไป
…
ซูอันพูดอีกครั้ง “หานเฟิง… อะไรนะ?”
“หานเฟิงชิว” ผู้อาวุโสกล่าวย้ำ เขาคิดว่าในที่สุดเด็กคนนี้ก็รู้สึกตัวแล้วและเพียงต้องการคำยืนยัน
“อะไรเฟิงชิวนะ?” ซูอันถามอีกครั้ง
ผู้อาวุโสผมสีเงินขมวดคิ้ว แต่ควบคุมอารมณ์ไว้และพูดซ้ำอีกครั้ง “หานเฟิงชิว!”
เขาอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง
“ฮัด… อะไร… ชิ่วนะ?” สีหน้าของซูอันดูสับสนจริง ๆ
ผู้เฒ่าผมสีเงินเดือดดาลด้วยความโกรธ
“ไอ้เด็กบ้า นี่เจ้าล้อเลียนข้าเหรอ!?”
—
ท่านยั่วยุหานเฟิงชิวสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +315… +315… +315…
—
เขาไม่เชื่อว่าความทรงจำของผู้บ่มเพาะจะเลวร้ายขนาดนี้ เด็กคนนี้กำลังยั่วยุเขาอย่างชัดเจน!
ซูอันยิ้มอย่างไร้เดียงสา “เจ้าใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะรู้ตัว? ดูไม่ค่อยฉลาดเท่าไรเลยนะ”
ผู้เฒ่าผมสีเงินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
—
ท่านยั่วยุหานเฟิงชิวสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999… +999… +999…
—
เสียงหัวเราะดังมาจากรถม้าที่อยู่ห่างไกล แต่จู่ ๆ มันก็เงียบลง ราวกับว่าใครก็ตามที่หัวเราะได้เอามือปิดปากตัวเองในทันที
การต่อสู้ระหว่างซูอันและทายาทรุ่นเยาว์นั้นน่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจการสนทนาระหว่างผู้หญิงกับคนขับรถของนาง
ในช่วงเวลาที่เงียบไปชั่วครู่นี้ เสียงหัวเราะของนางจึงโดดเด่นขึ้นมา
ทุกคนมองไปยังที่มาของเสียงนี้ ในโลกนี้มีคนที่มีเสียงไพเราะเช่นนี้ด้วยเหรอ?
ซูอันอยากรู้เช่นกัน ‘หืม? เสียงนี้ฟังดูเพราะดี ข้าสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร… การที่นางยังอยู่ที่นี่ หมายความว่าอย่างน้อยนางก็มีความกตัญญูอยู่บ้าง ไม่เสียแรงที่ช่วยชีวิตนางไว้’
ผู้อาวุโสผมสีเงินมีความกังวลมากขึ้น ‘ข้าไม่สามารถแยกแยะการบ่มเพาะของคนขับรถม้าได้ เขาเป็นคนธรรมดาหรือผู้บ่มเพาะที่ทรงพลัง? ไม่มีทางที่คนธรรมดาจะอยู่ชมเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อย่างเพลิดเพลินใช่ไหม?’
มู่หรงชิงเหอพูดเบา ๆ กับฉู่โหยวเจา “พี่ฉู่ พี่เขยของท่านประมาทเกินไป! เขายังไม่แข็งแกร่งพอ แล้วยังไปยั่วยุผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังอีกคนเข้า ข้าดูไม่ออกเลยว่าเขามีหัวคิดบ้างหรือเปล่า?”
ในฐานะหญิงสาวจากตระกูลมู่หรง นางรู้ว่าใครคือหานเฟิงชิว และรู้ระดับการบ่มเพาะของเขาเช่นกัน คนที่อยู่บนขั้นสูงสุดของระดับเก้าสามารถเอาชนะใครก็ตามที่ต่ำกว่าระดับปรมาจารย์ได้!
นางไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความฉลาดของซูอันมากนัก ที่นางกังวลยิ่งกว่าคือเรื่องนี้อาจสร้างปัญหาให้กับพี่ฉู่ได้
นางคิดถึงภาพที่ฉู่โหยวเจาพยายามปกป้องซูอันก่อนหน้านี้ และไม่อยากให้เขาทำแบบนั้นอีก
“พี่ใหญ่เคยบอกว่าพี่เขยดูไร้มารยาทและอารมณ์ร้อน แต่จริง ๆ แล้วเขามีความคิดที่เฉียบแหลมอย่างเหลือเชื่อ” ฉู่โหยวเจาอธิบาย “เขาชอบทำให้ศัตรูโกรธเคืองและหมดหนทางโต้ตอบอยู่เสมอ แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่สอดคล้องกับคุณธรรมที่เราได้รับการสั่งสอนมา แต่การได้ชมเหตุการณ์เป็นเรื่องเพลิดเพลินอย่างยิ่ง”
เมื่อบอกเรื่องนี้กับนาง นัยน์ตาของพี่สาวคนโตเป็นประกายเจิดจ้า ฉู่โหยวเจาไม่นำคำพูดของพี่สาวคนโตมาใส่ใจ นางมองซูอันเป็นชายที่ไร้ยางอายและน่ารังเกียจ
แต่หลังจากใช้เวลาอยู่กับพี่เขยคนนี้แล้ว นางค่อย ๆ เข้าใจความหมายของฉู่ชูเหยียน
พี่เขยเก่งมากในการทำให้คนอื่นโกรธ ทายาทของราชันลมปราณมีประสบการณ์มาแล้ว และตอนนี้ผู้อาวุโสคนนี้ก็ต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน
การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของเขาทำให้ดวงตาของนางเปล่งประกาย ตอนนี้นางเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวพี่เขยของตัวเอง
หานเฟิงชิวมองออกไปทางรถม้า มันดูธรรมดาเกินไปที่จะเป็นของใครก็ตามที่มีความแข็งแกร่ง แม้ว่าพวกเขาจะมีทักษะบางอย่างก็ตาม
ไม่นานเขาก็เลิกสนใจ การช่วยเหลือทายาทของราชันลมปราณเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
เขามองดูซูอันอย่างเย็นชา “เจ้าหนู เจ้าทำให้ข้าโกรธแล้ว”
“เมื่อครู่เจ้าขอให้ข้าขยับเท้าเหรอ?” ซูอันถาม
หานเฟิงชิวพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าเข้าใจถูกต้อง …”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซูอันก็กระทืบเท้าลงไปแล้ว เสียงกระดูกแตกตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของทายาทรุ่นเยาว์ สร้างความสยดสยองให้กับผู้ชมเหตุการณ์
ฉู่โหยวเจาตกตะลึง ไม่ว่าความคิดเห็นของนางที่มีต่อพี่เขยจะดีแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาทำเกินไปจริง ๆ
มู่หรงชิงเหอมองไปที่ซูอันราวกับกำลังดูคนตาย ทำลายเข่าของทายาทหนุ่มต่อหน้าผู้บ่มเพาะระดับเก้าขั้นสุงสุด… ชายผู้นี้ก็แค่รอความตาย
คนขับชราฟันหลออ้าปากค้าง “ข้าคิดว่าเขาเป็นคนที่ฉลาด ไม่คิดว่าเขาจะเจ้าคิดเจ้าแค้นและดื้อรั้นขนาดนี้! เด็กคนนี้น่ากลัวจริง ๆ!”
ผู้หญิงในรถม้าขมวดคิ้ว แต่ไม่แสดงความเห็น
หานเฟิงชิวโกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว “เจ้ากล้าดีอย่างไร…?!!”
—
ท่านยั่วยุหานเฟิงชิวสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +998… +998… +998…
—
ซูอันแก้ไขคำพูดเขาด้วยท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยาม “เจ้าพูดถูก บางครั้งเจ้าต้องจ่ายราคาแพงจริง ๆ สำหรับการพูดคำที่ไม่สุภาพ ถ้าเจ้าพูดจาดีกว่านี้หน่อย ข้าอาจจะไว้ชีวิตเขา แต่เจ้าตัดสินใจพูดกับข้าราวกับกลัวว่าข้าจะไม่ทำอะไรกับเขาเลย เจ้ารู้ไหม ข้าเริ่มสงสัยจริง ๆ ว่าเจ้าเป็นสายลับในคฤหาสน์ของราชันลมปราณที่พยายามใช้เรื่องนี้เป็นโอกาสในการกำจัดทายาทของเขาหรือไม่”
หานเฟิงชิวแทบจะหายใจไม่ออก เขารู้สึกตื่นตระหนกอย่างกะทันหัน เกรงว่าราชันลมปราณจะเข้าใจผิด
อย่างไรก็ตาม เขาสงบลงอย่างรวดเร็ว “เจ้านี่ฉลาดจริง ๆ น่าเสียดายที่การพูดคุยนั้นไร้ประโยชน์ในโลกนี้!”
กระบี่ยาวหลุดออกจากเอวของเขาทันทีที่จบประโยค และส่งกระบี่พลังชี่ที่คมกริบพุ่งเข้าใส่ซูอัน
ซูอันรู้สึกขนลุกไปทั่วร่างกาย เขารีบยกกระบี่ไท่เอ๋อร์ขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง
การปะทะกันก่อให้เกิดเสียงดัง เขาถูกกระแทกกลับมาหลายระยะ เลือดหยดจากหว่างนิ้ว
หานเฟิงชิวยืนอยู่ต่อหน้าทายาทของราชันลมปราณและก้มลงไปดู “นายน้อย ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ทายาทหนุ่มยกมือขึ้นและชี้ไปที่ซูอัน เขากัดฟันกรอด “ข้าไม่ตายง่าย ๆ แน่ หักกระดูกทุกส่วนในร่างกายของไอ้เวรนั่นก่อน!”
ในชีวิตนี้เขาไม่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่เคยประสบความอัปยศเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้มีความคิดเดียวในหัวของเขานั่นคือการแก้แค้น เขากำลังจะทำให้ซูอันเสียใจที่เกิดมาในโลกนี้
“เข้าใจแล้ว!” หานเฟิงชิวยืนขึ้น มองไปที่ซูอันพร้อมแรงกดดันที่มาหาศาล
ซูอันยิ้ม “นายน้อย เจ้าลืมคำสาบานก่อนการต่อสู้หรือไม่? นี่ควรจะเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรมระหว่างเรา ถ้าเจ้าให้คนในตระกูลมาล้างแค้น เจ้าจะต้องทนทุกข์กับทัณฑ์สวรรค์”
หานเฟิงชิวขมวดคิ้ว หากทายาทรุ่นเยาว์ได้สาบานเช่นนั้นจริง ๆ เขาก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
ทายาทของราชันลมปราณชี้ไปที่ประติมากรรมน้ำแข็งรูปทหารม้าที่เกลื่อนถนนโดยไม่คาดคิด “ข้าอาจเคยพูดว่า ข้าจะไม่นำความแข็งแกร่งของตระกูลมาใช้แก้แค้น แต่ดูเหมือนว่าเจ้าได้ฆ่าเจ้าหน้าที่ไปหลายคน นี่เป็นอาชญากรรมที่มีโทษถึงประหาร! ข้าจะให้ลุงหานจับเจ้าไปส่งทางการ!”