เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1028 ข้าแค่มีเสน่ห์
บทที่ 1028 ข้าแค่มีเสน่ห์
ฉู่โหยวเจาออกไปที่ลานบ้านเพื่อสงบสติอารมณ์ ลมกลางคืนที่หนาวเหน็บได้ขับไล่สีแดงออกจากพวงแก้มของนางอย่างรวดเร็ว
“ฮึ่ม ข้าแค่ปกป้องพี่ใหญ่เท่านั้น ทำไมข้าถึงต้องวิ่งหนีแบบนี้ จะไปเขินอายทำไมไม่รู้ ว่าแต่เขาซ่อนจี้นั่นไว้ในอุปกรณ์เก็บของเชิงมิติหรือเปล่า?”
ในฐานะชนชั้นสูง ฉู่โหยวเจารู้จักอุปกรณ์เก็บของเชิงมิติอยู่แล้ว แม้ว่าพวกมันจะมีราคาแพง แต่ใช่ว่าพี่เขยจะไม่สามารถมีไว้ในครอบครองได้
นางรีบกลับมาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มาดูกันว่าคราวนี้เจ้าจะซ่อนมันไว้ที่ไหน!
เมื่อกลับมา นางพบว่าประตูปิดอยู่จึงรู้สึกแปลกใจ และกำลังจะเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงพี่เขยของนาง “ข้ามีทักษะไม้เท้าอันทรงพลังที่สวรรค์มอบให้ ตอนนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นรูปแบบแรก เอาขาพาดบ่าข้า”
ฉู่โหยวเจาตกตะลึง ทักษะไม้เท้าจากสวรรค์คืออะไร? และเขาหมายถึงอะไรโดย ‘เอาขาพาดบ่า’?
ขณะที่ไตร่ตรอง นางจำได้ว่าพี่เขยของนางเพิ่งเอาชนะทายาทของราชันลมปราณซึ่งอยู่ในระดับแปด และจากนั้นสู้หัวชนฝากับผู้บ่มเพาะระดับเก้าขั้นสุงสุดอย่างดื้อรั้น เขารู้จักทักษะที่ทรงพลังมากมายอย่างแน่นอน ดูเหมือนพี่สาวของนางยังต้องถ่อมตัวเพื่อเรียนรู้กับผู้ชายคนนี้
ฉู่โหยวเจารู้ว่าพี่สาวคนโตภูมิใจและหยิ่งผยองอยู่เสมอ นางอาจเต็มใจขอคำแนะนำจากสามีเป็นการส่วนตัว ถ้าสิ่งนี้ถูกเปิดเผย ความอับอายอาจทำให้นางโกรธเคือง ข้ายังจำได้ว่าเคยถูกนางทุบตีตอนยังเด็ก…
ดังนั้นนางจึงเดินไปที่ประตูอย่างเงียบ ๆ มองลอดช่องประตูเพื่อดูว่าพี่เขยของนางกำลังสอนพี่สาวอย่างไร อย่างไรก็ตาม หลังจากเหลือบมองเพียงครั้งเดียว นางก็กระโดดถอยหลังราวกับสัมผัสน้ำเดือด
ผิวแก้มของนางแดงก่ำอีกแล้ว
พี่เขยช่างเลวทรามจริง ๆ!
ข้าก็ผิดหวังในตัวท่านเหมือนกันนะพี่ใหญ่!
…
สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความขัดแย้ง “ข้าจะดูอีกครั้ง ครั้งสุดท้าย…” นางพึมพำกับตัวเอง
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวและประสบการณ์ใหม่ ๆ
ตัวอย่างเช่น หากใครพักค้างคืนในโรงแรม และจู่ ๆ ได้ยินเสียงเคาะเป็นจังหวะผสมรวมกับเสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากแนบหูกับกำแพงแล้วฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใครไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ามาก่อน แต่เมื่อรู้ว่ามันคืออะไรแล้ว คนฟังก็ไม่อาจหลับใหลได้ตลอดคืน…
หลังจากเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง ลมหายใจของนางขาดห้วงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อความเขินอายตามธรรมชาติในฐานะเด็กสาวเอาชนะความอยากรู้อยากเห็นได้ในที่สุด นางจึงวิ่งหนีไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
นางรู้สึกชื้นและอึดอัด ต้องการจะอาบน้ำ แต่คฤหาสน์ตระกูลฉินอยู่ห่างออกไปพอสมควร นางกลัวที่จะกลับไปคนเดียว
นางสาปแช่งซูอันในใจและจ้องมองไปที่บ่อน้ำใกล้เคียง ดึงถังน้ำขึ้นมา ไม่มีใครอยู่ในบ้านนี้อยู่แล้วและมีห้องพักเพียงพอ
ข้างในห้องฉู่ชูเหยียนเอามือทั้งสองปิดตา “อา…! ข้าอายจริง ๆ ถูกเห็นเข้าอีกแล้ว!”
ทั้งสองคนเป็นผู้บ่มเพาะ พวกเขาจะพลาดเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของฉู่โหยวเจาได้อย่างไร?
ซูอันยิ้ม “เรื่องนี้ข้าไม่รู้สึกอึดอัดใจ ตราบใดที่เจ้าไม่อึดอัดกับมัน นางคนเดียวที่จะรู้สึกอับอาย นอกจากนี้มันไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเห็น เมื่อนางชินกับมันแล้วก็จะไม่เป็นไร”
ฉู่ชูเหยียนพูดไม่ออก
เจ้ารู้สึกชินกับมันงั้นเหรอ?
อย่างไรก็ตาม นางไม่มีอารมณ์จะคิดเรื่องนี้ในตอนนี้…
…
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่ชูเหยียนนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างสงบสุข เสียงของนางนุ่มนวลและอ่อนโยนอย่างยิ่ง “อาซู ตอนนี้เจ้าทำให้ราชันลมปราณขุ่นเคือง ทำไมเจ้าไม่กลับไปที่เมืองจันทร์กระจ่างกับข้าล่ะ? สถานที่นั้นอยู่ไกลจากที่นี่ แม้ว่าราชันลมปราณจะหมายชีวิตเจ้า แต่ตระกูลฉู่สามารถปกป้องเจ้าได้”
ซูอันส่ายหัว “ในฐานะผู้ชาย ข้าจะซ่อนตัวภายใต้การคุ้มครองของผู้อื่นตลอดไปได้อย่างไร? แม้ว่าเมืองหลวงจะอันตรายแต่ก็เต็มไปด้วยโอกาส”
ฉู่ชูเหยียนดูโศกเศร้า “ข้ารู้ เจ้ายังคงโทษพวกเราที่ทิ้งเจ้าไปในตอนนั้น แต่ตอนนั้นข้าไม่ได้อยู่ในเมืองจันทร์กระจ่าง ถ้าข้าอยู่ ข้าจะหยุดไม่ให้เรื่องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!”
ซูอันดึงนางเข้ามากอดอีกครั้ง รู้สึกถึงความนุ่มนวลของร่างกายหญิงสาว “เจ้าคิดมากไปแล้ว พ่อและแม่ของเจ้าปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี พวกเขาทำไปเพราะไม่มีทางอื่น นอกจากนี้พวกเขายังแอบช่วยให้ข้าหลบหนี ข้าจะเกลียดพวกเขาไปทำไม?”
ฉู่ชูเหยียนตกตะลึง “ข้าเข้าใจถ้าเจ้าไม่เกลียดท่านพ่อ แต่ข้าคิดว่าเจ้ากับท่านแม่ไม่เคยเข้ากันได้”
ซูอันถอนหายใจ “แม่ของเจ้ากับข้าผ่านอะไรมามากมายด้วยกันหลังจากที่เจ้าจากมาเมืองหลวง ความขุ่นเคืองทั้งหมดที่เรามีให้กันนั้นไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นระหว่างท่านแม่กับเจ้า?” ฉู่ชูเหยียนถามอย่างสับสน ทำไมคำเหล่านี้จึงฟังดูแปลก ๆ? “นอกจากนี้ ท่านแม่ยังถามข้าเกี่ยวกับเจ้าเป็นครั้งคราว นางไม่เคยสนใจเรื่องเจ้ามาก่อน”
ซูอันรู้สึกร้อนที่แก้ม “ไม่มีอะไรมากหรอก สามีคนนี้ของเจ้าช่วยนางหยุดข้อหากบฏของตระกูลฉู่และช่วยพ่อของเจ้าไว้ นางน่าจะรู้สึกดีกับข้ามากขึ้นหลังจากนั้น”
ฉู่ชูเหยียนยิ้มและซุกศีรษะกับหน้าอกของเขา “เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”
อย่างไรก็ตาม ความกังวลยังคงปรากฏบนใบหน้าของนาง “ราชันลมปราณอยู่ในระดับปราชญ์ กองกำลังที่อยู่ภายใต้การสั่งการของเขายิ่งน่ากลัวกว่า แม้แต่จักรพรรดิก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้มาก ตอนนี้เจ้าทำให้เขาขุ่นเคือง มันอันตรายมากที่เจ้าจะอยู่ในเมืองหลวงต่อไป”
“อย่าห่วงเลย ข้าไม่ได้อยู่คนเดียว ข้ายังคงมีจักรพรรดิหนุนหลังอยู่ นอกจากนี้ ด้วยการสนับสนุนของรัชทายาทและองค์หญิงรัชทายาท ราชันลมปราณย่อมไม่ลงมืออย่างเปิดเผยกับข้าได้ เขาได้แต่วางแผนอยู่ในเงามืดเท่านั้น แล้วเจ้าอย่าลืมสิว่าผู้ชายของเจ้ายอมเยี่ยมแค่ไหน”
เมื่อพูดถึงอุบาย ใครเล่าจะเอาชนะข้าได้?
ฉู่ชูเหยียนจำได้ว่า แม้แต่หานเฟิงชิวซึ่งอยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดับเก้าก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ เห็นได้ชัดว่าเขามีกำลังมากพอที่จะปกป้องตัวเอง สิ่งนี้ทำให้นางสงบลงบ้าง อย่างไรก็ตาม นางกลับฉุกคิดถึงข้อสงสัยใหม่ขึ้นมา “องค์หญิงรัชทายาท? ทำไมองค์หญิงรัชทายาทถึงช่วยเจ้า? เป็นไปได้ไหมที่เจ้ากับนาง…”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ชูเหยียนของข้าหึงแล้ว ไป ๆ มา ๆ มาลงเอยเรื่องนี้ได้อย่างไร? เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าองค์หญิงรัชทายาทคือใคร? เจ้าจะสงสัยได้อย่างไรว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างข้ากับนาง?”
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนแดงด้วยความขัดเขิน ทันทีที่คำถามหลุดออกจากปาก นางก็รู้สึกขบขันเช่นกัน นั่นคือองค์หญิงรัชทายาท ว่าที่มารดาแห่งแผ่นดิน! ทำไมนางถึงจะมายุ่งกับผู้ชายคนอื่น?
“มันเป็นความผิดของเจ้าที่ไปยุ่งกับอวี้เหยียนลั่ว ใครจะไปรู้ว่าเจ้าถึงขนาดไปพัวพันกับอดีตสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง?”
ซูอันหัวเราะ “ข้าจะว่าอย่างไรได้? ข้ามีเสน่ห์เกินไป”