เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1032 การทดสอบ
บทที่ 1032 การทดสอบ
“ฝ่ายของราชันลมปราณเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้หรือพะย่ะค่ะ? แต่ไม่มีทางที่องค์จักรพรรดิจะทรงนิ่งเฉย องค์หญิงรัชทายาททรงอย่ากังวลไปเลย” ซูอันให้ความมั่นใจกับนาง
“ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดี” องค์หญิงรัชทายาทถอนหายใจ “ในช่วงเช้าของวันนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายของเราสอบปากคำราชันลมปราณ คดีลอบสังหารล้วนเกี่ยวพันกับราชันลมปราณ ไม่ว่าฝ่ายของราชันลมปราณจะพยายามปกป้องตัวเองอย่างไร เราก็มีวิธีจัดการกับมัน อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้คาดหวังว่าราชันลมปราณจะชั่วร้ายได้ขนาดนี้ เขายอมรับทั้งหมด แต่จากนั้นก็ผลักความผิดไปที่พ่อและลูกชายของเฉิงซยง”
“แม้ว่าคนของเราหลายคนจะพยายามคาดคั้นหลังจากนั้น แต่ด้วยไม่มีหลักฐานสำคัญใด ๆ มัดตัวและมีขุนนางมากมายออกมาพูดแทนราชันลมปราณ ดังนั้นเรื่องจึงจบลงไปโดยที่ราชันลมปราณพ้นข้อกล่าวหาทั้งหมด”
ซูอันกล่าวด้วยความประหลาดใจ “แต่นี่เป็นสิ่งที่เราคาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้ว อะไรทำให้ทุกคนดูเคร่งเครียดกันไปหมดล่ะพะย่ะค่ะ?”
“ถ้าเป็นแค่นั้นคงจะดี” องค์หญิงรัชทายาทถอนหายใจ “หลังจากนั้นไม่นาน ฝ่ายของราชันลมปราณเริ่มตอบโต้ หลายคนมองว่ารัชทายาทไม่มีแม้แต่ความสามารถในการปกป้องตัวเอง แล้วเขาจะสืบทอดบัลลังก์ได้อย่างไร”
ราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่สถาปนาด้วยพลังการต่อสู้ สถานะของคนในโลกนี้ถูกกำหนดโดยระดับการบ่มเพาะ ก่อนหน้านี้ แม้ว่ารัชทายาทจะเป็นคนที่น่าผิดหวัง แต่ก็มีพ่อที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก แม้ว่าทุกคนจะไม่มีความสุข แต่พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้
ในที่สุด ทุกคนก็เริ่มให้ความสนใจกับประเด็นนี้หลังจากที่รัชทายาทเกือบถูกสังหารในเหตุการณ์ลอบสังหาร เพื่อประณามราชันลมปราณ ฝ่ายของรัชทายาทได้ย้ำหลายครั้งว่า เกิดเหตุการณ์อันตรายร้ายแรงและรัชทายาทเกือบเสียชีวิตหลายครั้งได้อย่างไร ทว่าท้ายที่สุดมันกลับกลายเป็นหลักฐานย้อนมาเข้าตัวรัชทายาทว่าเป็นคนไร้ความสามารถแค่ไหน
ขุนนางที่เป็นกลางในราชสำนักหลายคนไม่พอใจอย่างมากต่อรัชทายาทที่โง่เขลา เมื่อใดที่รัชทายาทกลายเป็นจักรพรรดิ เขาอาจถูกลอบสังหารอีกครั้งและไม่โชคดีเหมือนที่ผ่านมา ถ้าเป็นเช่นนั้น คนทั้งอาณาจักรจะไม่ตกอยู่ในความโกลาหลเหรอ? คนเหล่านั้นไม่ได้พูดออกมาเพื่อเห็นแก่ราชันลมปราณ แต่พูดเพื่อประโยชน์สาธารณะ ด้วยเหตุนี้ แม้แต่จักรพรรดิก็ไม่สามารถตำหนิใครได้
แน่นอนว่า จักรพรรดิไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเหยียบย่ำ แกนนำที่โต้เถียงเสียงดังที่สุดถูกสั่งโบยเพื่อดับสัญญาณแรกของความวุ่นวาย
อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นดูเหมือนจะวางแผนไว้แล้ว พวกเขายังคงไม่หยุดโต้เถียงโดยไม่เกรงกลัวความตาย แต่กลับมองว่าเป็นการถูกโบยอย่างมีเกียรติ
จักรพรรดิห่วงใยชื่อเสียงของตัวเองเป็นอย่างมาก เขารู้ว่าคนเหล่านี้ต้องการทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ จ้าวฮั่นเองเคยทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อแสวงหาความเป็นอมตะในรูปแบบของการทิ้งชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์มาก่อน เขาจะยอมให้คนเหล่านี้บรรลุผลเช่นเดียวกันจากการถูกโบยได้อย่างไร? นอกจากนี้ หากเรื่องนี้ได้รับการบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์จริง ๆ ชื่อของจักรพรรดิจะเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงหรือความอับอายขายหน้าก็ยากที่จะพูด
นั่นคือเหตุผลที่จักรพรรดิไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องประนีประนอมกับฝ่ายราชันลมปราณและกลุ่มผู้ที่เป็นกลาง โดยการสร้างการทดสอบสำหรับรัชทายาท ถ้าจ้าวรุ่ยจื่อสามารถผ่านได้ นั่นหมายความว่าเขามีคุณสมบัติที่จะสืบราชบัลลังก์ แต่ถ้าล้มเหลวก็ต้องถูกถอดถอนชื่อออกจากตำแหน่งรัชทายาท
ฝ่ายของราชันลมปราณพอใจกับผลลัพธ์นี้เพราะทุกคนรู้ว่าด้วยทักษะของรัชทายาท ไม่มีทางที่เขาจะผ่านการทดสอบได้ เช่นนี้ราชันลมปราณก็จะขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะน้องชายของจักรพรรดิอย่างชอบธรรม
จักรพรรดิตกลงตามข้อเสนอนี้ เพราะตราบใดที่การทดสอบถูกทำขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ ก็ยังมีลู่ทางสำหรับการจัดการ ดังนั้นเขาสามารถใช้เรื่องการทดสอบเพื่อซื้อเวลาและหาวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสม
แต่สำหรับองค์หญิงรัชทายาท นางรู้สึกราวกับท้องฟ้ากำลังพังทลายเมื่อได้ยินข่าว คนอื่น ๆ อาจรู้สึกว่ารัชทายาทเป็นคนง่าย ๆ แต่นางรู้ว่าเขาโง่เง่าแค่ไหน นอกจากกิน เล่น นอน และขับถ่าย เขาไม่รู้อะไรเลย!
ถ้าคว้าใครขึ้นมามั่ว ๆ ก็ได้จากข้างทาง คนผู้นั้นอาจมีโอกาสผ่านการทดสอบมากกว่ารัชทายาทองค์นี้เสียอีก
ในที่สุดซูอันก็เข้าใจว่า ทำไมทุกคนถึงรู้สึกไม่สบายใจหลังจากฟังคำอธิบายขององค์หญิงรัชทายาท ไม่มีใครมั่นใจในตัวเจ้าอ้วนคนนั้นเลย “แล้วต้องทดสอบอะไรหรือพะย่ะค่ะ?” เขาถามตรงประเด็น
องค์หญิงรัชทายาทส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้ว่าเนื้อหาคืออะไร แต่เรื่องของการบ่มเพาะและการปกครองนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ ๆ” นางดูหดหู่อย่างยิ่ง รัชทายาทไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ไม่ว่าเขาจะโดนทดสอบเรื่องอะไรก็ตาม
ซูอันให้ความมั่นใจกับนาง “ทรงอย่ากังวลมากเกินไป องค์รัชทายาทเป็นองค์ชายลำดับที่หนึ่ง ฝ่าบาทย่อมไม่ทอดทิ้งแน่นอนพะย่ะค่ะ”
“ข้าหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” องค์หญิงรัชทายาทไม่มีความหวังมากนัก เพราะนางไม่คิดว่าจักรพรรดิจะทำอะไรได้ “อย่างไรก็เถอะ ข้าได้ยินมาว่าคนของตระกูลซือรบกวนเจ้าที่ประตูวังวันนี้?” นางถาม
ซูอันตอบว่า “ไม่มีอะไรสำคัญพะย่ะค่ะ กระหม่อมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทรงอย่ากังวลเลย”
องค์หญิงรัชทายาทกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น เจ้าไปได้แล้ว”
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เรื่องของซือคุนทำให้ตระกูลซือขุ่นเคือง ซึ่งสามารถผลักดันพวกเขาไปเข้าพวกกับฝั่งของราชันลมปราณได้ อย่างไรก็ตาม นางไม่มีอารมณ์จะคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ นางถอนหายใจเมื่อมองร่างที่กำลังจากไปของซูอัน ถ้ารัชทายาทเป็นคนที่คอยช่วยนางแก้ปัญหาได้เหมือนผู้ชายคนนี้ มันจะดีแค่ไหน?
…
เมื่อซูอันออกจากวังตะวันออก ขันทีผู้หนึ่งวิ่งมาหาเขาและแจ้งว่าจักรพรรดิได้เรียกตัวเขาเข้าเฝ้าอีกแล้ว
ซูอันรู้สึกหมดหนทาง นางสนมกำนัลต่างก็กระตือรือร้นที่จะพบกับจักรพรรดิแม้เพียงครั้งเดียว แต่เขาได้เจอกับชายคนนั้นเกือบทุกวัน นี่มันอะไรกัน? ถึงแม้ว่าจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไร้สาระ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อีก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงตามขันทีไป
เมื่อเข้าสู่ห้องหนังสือส่วนพระองค์ เขาเห็นว่าสีหน้าของจักรพรรดิมืดหม่น ซูอันโค้งคำนับและกล่าวว่า “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอทรงอายุยืนหมื่นปี” อีกฝ่ายยังคงอารมณ์เสีย ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ทำอะไรเป็นการยั่วยุ
จักรพรรดิส่งเสียงอืมตอบรับและกล่าวว่า “มีคนกล่าวหาว่าเจ้าใช้ความรุนแรงที่ประตูวังโดยอ้างว่าเจ้าโจมตีผู้ตรวจระเบียบซือจวิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่?”
“กระหม่อมถูกกล่าวหา กระหม่อมไม่ได้ผิดอะไร แต่ซือจวิ้นจงใจกลั่นแกล้ง…” ซูอันกำลังจะอธิบายเมื่อจักรพรรดิตัดบทเขา
“มีอีกเรื่องที่ข้าอยากรู้ ทำไมกางเกงของเขาถึงหลุดทันทีที่เจ้าทัก? ตามรายงาน เจ้าพูดแบบเดียวกันกับหานเฟิงชิวระหว่างการต่อสู้” น้ำเสียงของจักรพรรดิเฉียบขาด “เจ้ามีเลือดของเผ่ามังกรหรือไม่? เจ้าใช้ทักษะวิญญาณประกาศิตหรือเปล่า?”
ซูอันตอบอย่างรวดเร็วว่า “ฝ่าบาททรงปรีชา ผู้เฒ่าเผ่ามังกรพยายามฆ่ากระหม่อม เช่นนั้นกระหม่อมจะมีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาได้อย่างไรพะย่ะค่ะ?”
‘คีย์บอร์ด จงมา’ เป็นทักษะที่เขาไม่สามารถบอกจักรพรรดิได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ไม่มีจักรพรรดิองค์ใดจะรู้สึกสบายใจเมื่อมีคนที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้ปรากฏขึ้น
“แล้วทำไมกางเกงของพวกเขาถึงหลุดลงไปกองที่พื้น? ข้าไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ” จักรพรรดิมองเขาอย่างเย็นชา คนหนึ่งอยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดับเก้า ขณะที่อีกคนหนึ่งอยู่ในระดับเจ็ด กางเกงของฝ่ายแรกหลุดเพียงเพราะฝ่ายหลังทักได้อย่างไร?
ซูอันอธิบายว่า “กระหม่อมไม่รู้ว่ากางเกงของหานเฟิงชิวหลุดลงไปกองกับพื้นได้อย่างไร แต่เหตุการณ์นั้นทำให้กระหม่อมมีแรงบันดาลใจ ซือจวิ้นต้องการข่มเหงกระหม่อมด้วยกฎระเบียบ ดังนั้นเมื่อกระหม่อมเข้าไปตบหน้าเขา ก็แอบปลดเข็มขัดของเขาออก ตอนนั้นเขาไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเลยพะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิตกตะลึง จากนั้นจึงคำรามด้วยเสียงหัวเราะ “เจ้าเป็นคนแปลก แต่ต่อไปซือจวิ้นอาจจะรังแกเจ้าหนักกว่าเดิมก็ได้”
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายหัวเราะ ขอบคุณสวรรค์ที่ปฏิกิริยาของข้ารวดเร็ว
แต่จักรพรรดิองค์นี้เย็นชาจริง ๆ… ตระกูลซือได้สร้างผลงานมากมายแก่ราชวงศ์โจว และผู้นำตระกูลซือก็เป็นหนึ่งในแปดเสนาบดีอันทรงเกียรติของราชสำนัก! ทว่าตอนนี้จักรพรรดิองค์กลับมองตระกูลซือเป็นแค่ตัวน่ารำคาญที่สมควรถูกแกล้งเท่านั้น
จักรพรรดิกล่าวต่อ “ข้าเชื่อว่าเจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับการทดสอบแล้ว เจ้าฉลาดมาตลอดนี่ มีความคิดอะไรดี ๆ บ้างไหม?”