เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1033 เหมือนกัน
บทที่ 1033 เหมือนกัน
ความคิดแรกของซูอันคือ การสอนรัชทายาทให้ได้รับชัยชนะในเกมโกะ
แต่เขาก็ขจัดความคิดนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากวิธีเทคนิคที่ต้องจำมีเยอะเกินไป ซึ่งแน่นอนว่ารัชทายาทที่โง่เง่าไม่มีทางจำได้เกินครึ่งวิธี
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เราอาจต้องรู้หัวข้อที่จะทดสอบล่วงหน้าก่อนพะย่ะค่ะ จะได้ให้คำตอบแก่องค์รัชทายาทไว้แต่เนิ่น ๆ”
จักรพรรดิตอบว่า “เนื้อหาของการทดสอบยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่น่าจะจัดโดยสถาบันหลวง บรรดาคณาจารย์ทุกคนที่นั่นต่างดื้อรั้นและผายลมเหม็นเป็นที่สุด พวกเขาไม่มีวันยอมช่วยรัชทายาทโกง ความคิดของเจ้าจึงใช้ไม่ได้”
มีเพียงสถาบันหลวงเท่านั้นที่จะได้รับความไว้วางใจจากทั้งสองฝ่าย
สถาบันหลวงยังคงเป็นกลางอยู่เสมอ มีผู้บ่มเพาะที่โดดเด่นหลายคนที่สำเร็จออกมาจากสถาบันหลวง พวกเขากระจัดกระจายไปทั่วโลก
ไม่ว่าใครจะขึ้นเป็นจักรพรรดิ มันจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ แก่พวกเขา ผู้คนในนั้นล้วนเป็นนักวิชาการที่ไม่สนใจอำนาจ ซ้ำยังเชื่อว่าอำนาจจะหันเหความสนใจของพวกเขาจากการบ่มเพาะอีกด้วย
เป็นเพราะความกระตือรือร้นในการบ่มเพาะของพวกเขาที่ทั้งจักรพรรดิและราชันลมปราณเชื่อว่าพวกเขาจะวางตัวเป็นกลาง
ซูอันขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นสิ่งต่าง ๆ ก็ยากขึ้นมาก เราควรมีคนสวมบทบาทเป็นรัชทายาทและทำการทดสอบแทนเขาหรือไม่พะย่ะค่ะ? มีทักษะการแปลงร่างดี ๆ บ้างไหม?” นี่คือโลกแห่งการบ่มเพาะ คงต้องมีหนทางพิสดารที่คาดเดาไม่ได้อยู่บ้าง
จักรพรรดิค่อย ๆ ส่ายหัว “มีอยู่อย่างหนึ่ง แต่มันหลอกได้เฉพาะคนที่ไม่คุ้นเคยกับรัชทายาทเท่านั้น ฝ่ายของราชันลมปราณจะตรวจสอบอย่างใกล้ชิดแน่ ๆ ข้าไม่คิดว่ามันจะตบตาพวกเขาได้”
ซูอันยักไหล่และกางแขนออก “งั้นก็ไม่มีอะไรที่กระหม่อมสามารถทำได้แล้วล่ะพะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงพระปรีชา พระองค์จะต้องคิดหาทางแก้ไขได้อย่างแน่นอน”
“เวลานี้ข้าไม่อยากได้ยินคำพูดไร้สาระอะไรทั้งนั้น ดังนั้นอย่าเพิ่งมายกยอข้าเอาตัวรอด!” จักรพรรดิเดินไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้ารำคาญใจ เรื่องนี้ทำให้เขาหงุดหงิดใจจริง ๆ หากอารมณ์ของเขาไม่ดี นั่นหมายความว่าเขาจะทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่มีความสุขเหมือนกับเขา “ข้าให้เวลาเจ้าครึ่งเดือนในการคิดหาทางแก้ไข ถ้ารุ่ยจื่อไม่สามารถเป็นรัชทายาทได้ ราชเลขาของรัชทายาทก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ข้าจะโยนเจ้าเข้าห้องตอนขันที!”
ซูอันรู้สึกหดหู่ใจ บัดซบ! เอะอะอะไรก็จะส่งข้าไป ‘ตอน’ อย่างเดียวเลย!
แม้ว่าจะคิดอย่างนี้แต่เขาไม่ได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ ออกมาทางสีหน้าในขณะที่ตอบว่า “พะยะค่ะ!”
…
ซูอันรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากเมื่อออกจากห้องหนังสือส่วนพระองค์และเดินออกจากวังชั้นใน รัชทายาทและองค์หญิงจงรู้ไว้! ถ้าไม่มีทางเลือกข้าจะหนีไปคนเดียว! จักรพรรดิอาจคิดว่าผนึกของเขายังคงอยู่ แต่เขาไม่รู้ว่าผู้บ่มเพาะระดับปราชญ์ช่วยข้ากำจัดมันแล้ว! ฮึ่ม ข้าจะกลับบ้านและโอบกอดชูเหยียนที่น่ารักของข้า! รัชทายาทจะตายหรือไม่ข้าจะสนใจทำไม?
ขันทีอายุน้อยวิ่งมาหาซูอันขณะที่เขากำลังคิดกับตัวเองและพูดว่า “ท่านซู เจ้านายของข้าขอเชิญท่านจิบชาสักถ้วย”
ซูอันตกตะลึง ขันทีน้อยคนนี้ดูคุ้นเคย “ใครเป็นเจ้านายของเจ้า?”
“เจ้านายของข้าคือพระสนมไป่” ขันทีน้อยตอบอย่างเคารพ
ซูอันมองท้องฟ้าที่มืดมิด “ดึกแล้ว ข้าไม่คิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดี”
โดยทั่วไปแล้ว ผู้มาเยือนไม่สามารถเดินไปรอบ ๆ ตามที่พอใจในวังได้ มีเจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีอำนาจนี้ และส่วนใหญ่เป็นราชเลขาและขันทีผู้รับใช้จักรพรรดิ
ซูอันสามารถไปได้ทุกที่ตามที่ต้องการด้วยสถานะราชเลขาของรัชทายาท แต่จำกัดเฉพาะเวลากลางวัน เมื่อยามราตรีมาถึง เขาต้องออกจากวัง ไม่อย่างนั้นจะถือเป็นโทษหนัก อืม คงไม่มีจักรพรรดิองค์ไหนที่ชอบให้ภรรยามีชู้
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการทดสอบของรัชทายาท” ขันทีน้อยกล่าว
“นำทาง!” หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย ซูอันจึงเดินตามขันทีน้อยคนนี้ไป จักรพรรดิเพิ่งมอบภารกิจนี้ให้เขา ชีวิตนั้นแขวนอยู่บนเส้นด้าย ถึงแม้ว่าเขาคิดจะหนีถ้าไม่มีทางเลือก แต่ก็เป็นการดีที่สุดที่จะไม่ต้องหนีหากไม่จำเป็น สนมไป่เป็นชายาของรัชทายาท ความห่วงใยที่นางมีต่อรัชทายาทเป็นความจริง ดังนั้นนางอาจมีความคิดดี ๆ บางอย่างก็เป็นได้
เมื่อมาถึงสวนร้อยดอกไม้ ขันทีน้อยโค้งคำนับก่อนจากไป
ซินรุ่ย นางกำนัลส่วนพระองค์ของสนมไป่โผล่ออกมาจากข้างใน “ท่านซู เชิญทางนี้!” นางโค้งตัวเล็กน้อยและเชิญเขาเข้ามา
ซูอันอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ทำไมตอนแรกข้าไม่เห็นเจ้า? ข้าเกือบคิดว่าขันทีพยายามล่อลวงข้ามาทำร้าย” แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่เคยเกิดขึ้น แต่เขาได้เห็นตัวอย่างมากเกินพอแล้วจากละครในโลกก่อนหน้านี้
ซินรุ่ย เอามือปิดปากและหัวเราะอย่างสำรวม “ท่านซูต้องล้อเล่นแน่ ๆ ใครจะกล้าพอที่จะทำร้ายคนในวัง?”
นางกำนัลเป็นภาพสะท้อนของเจ้านายจริง ๆ ซูอันคิดกับตัวเอง บุคลิกของสนมไป่นั้นอ่อนโยน ธรรมชาติของซินรุ่ยคนนี้ก็คล้ายคลึงกัน องค์หญิงรัชทายาทนั้นค่อนข้างฉุนเฉียว ส่วนหรงโม่ก็เหมือนกับพริกเผ็ดร้อนเช่นเดียวกัน
ในขณะที่ซูอันกำลังคิดฟุ้งซ่าน ในไม่ช้าเขาได้มาถึงห้องโถงใหญ่ ซินรุ่ยชี้ไปที่ด้านใน “ท่านซู เชิญ”
ซูอันพยักหน้าและเดินเข้าไปข้างใน ครั้งสุดท้ายที่พบกันเขามีความคิดเห็นที่ดีกับสนมไป่ และอยากจะลองดื่มชานั้นอีกครั้ง นึกสงสัยว่าวันนี้จะมีโอกาสได้ดื่มมันอีกหรือไม่
เขาเห็นร่างที่บอบบางและงดงามนั่งอยู่ที่ปลายอีกด้านของโต๊ะ ท่าทางของนางดูสง่างาม แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้และเห็นทุกอย่างชัดขึ้น เขาก็ตกตะลึง ไม่ใช่ว่านางน่าเกลียด นางทั้งสง่างามและอ่อนโยน แต่ก็ไม่ใช่สนมไป่ ผู้หญิงตรงหน้ามองเขาด้วยความตกใจ
ทั้งสองพูดพร้อมกันว่า “มาที่นี่ทำไม?”
“องค์หญิง พระองค์มาที่นี่ทำไมพะย่ะค่ะ?” ซูอันพูดซ้ำด้วยความสับสน
องค์หญิงรัชทายาทส่งเสียงอืมด้วยความรำคาญ “ข้าเป็นคนถามก่อน!” นางคิดว่าเจ้าคนนี้ลามปามจริง ๆ! คราวหน้าข้าต้องลงโทษเขาให้ได้… เฮ้อ ช่างเถอะเป็นเรื่องปกติที่คนเก่งจะมีความเย่อหยิ่งเล็กน้อย ตอนนี้ข้าไม่ค่อยมีคนให้ใช้สอย ดังนั้นข้าไม่ควรไล่เขาไป
ซูอันย่นจมูก ผู้หญิงคนนี้มักจะวางอำนาจอยู่เสมอ ข้าจะลอกเปลือกนอกของเจ้าออกซักวันหนึ่ง มาดูกันว่าข้างในแข็งหรืออ่อน “พระสนมไป่เชิญกระหม่อมมาและบอกว่านางมีบางอย่างจะพูดเกี่ยวกับเรื่องของรัชทายาทพะย่ะค่ะ”
องค์หญิงรัชทายาทขมวดคิ้ว “นางก็บอกข้าอย่างนั้นเหมือนกัน!”