เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1070 บิดาผู้โกรธเกรี้ยว
บทที่ 1070 บิดาผู้โกรธเกรี้ยว
เมื่อซูอันกลับมายังตำหนักถักแพร ซือจวิ้นได้ถูกกักตัวรอไว้ที่คุกใต้ดินอยู่แล้ว
“ไอ้สารเลว รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร!”
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าพ่อของข้าเป็นใคร? พ่อของข้าเป็นเสนาบดีสงครามที่ยิ่งใหญ่ของราชสำนัก…”
…
“ไม่ว่าพ่อของเจ้าจะเป็นใครก็หยุดโวยวายเป็นเด็กอมมือได้แล้ว” ซูอันขัดจังหวะ บุคคลนี้กระตือรือร้นอย่างยิ่งที่จะจับเขาและองค์หญิงรัชทายาท ซือจวิ้นเป็นผู้ที่น่าสงสัยที่สุดรองจากซินรุ่ย
ดวงตาของซือจวิ้นหรี่ลงเมื่อเห็นชุดเครื่องแบบของซูอัน เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักทูตยุทธ์เสื้อแพรทอง อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงอิทธิพลของตระกูลซือในราชสำนัก เขาก็สงบลงได้เล็กน้อยและถามว่า “ข้าทำผิดอะไร? พวกเจ้าทุกคนมีหลักฐานอะไรที่จะกักขังข้าไว้ที่นี่? ข้าอยากเจอท่านพ่อ!”
ซูอันถามกลับ “ทุกคนที่มาที่นี่ล้วนบอกว่าตัวเองบริสุทธ์ทั้งนั้น พูดมา! ทำไมเจ้าถึงใส่ร้ายองค์หญิงรัชทายาท?” เขาไม่ได้เอ่ยชื่อตัวเอง เรื่องราวใส่ร้ายที่เกิดขึ้นคนอย่าง ‘ซูอัน’ นั้นไม่มีนัยสำคัญเลย เป้าหมายหลักย่อมต้องเป็นองค์หญิงรัชทายาท
ซือจวิ้นตะโกนเสียงดัง “ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น! ข้าเคยทำผิดกับองค์หญิงรัชทายาทเมื่อไรกัน!?”
“ไอ้คนปลิ้นปล้อน! ผู้เบิกเท็จได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ขององค์หญิงรัชทายาทแล้ว เจ้ากล้าสงสัยการสอบสวนของผู้เบิกเท็จเหรอ?” ซูอันทุบโต๊ะ
สีหน้าของซือจวิ้นว่างเปล่า “ข้าไม่รู้ว่าทำไมผู้เบิกเท็จถึงพูดแบบนั้น แต่ข้าเห็นพระนางกับซูอันในวันนั้นจริง ๆ!”
ซูอันรู้สึกหงุดหงิดเมื่อจำได้ว่าตัวเองต้องลำบากมากแค่ไหนในวันนั้นเพราะชายคนนี้ เขาสั่งว่า “ได้! ในเมื่อไม่ยอมพูดความจริงใช่ไหม! ลงมือทรมานมันเดี๋ยวนี้!”
“รับทราบ!” ทูตยุทธ์เสื้อแพรไร้ซึ่งความลังเล พวกเขากล้าหาญอยู่เสมอ และไม่สนใจว่าจะล่วงเกินเจ้าหน้าที่คนใด เจ้าหน้าที่ประตูหวงตำแหน่งเล็ก ๆ นับเป็นอะไรได้?
ซือจวิ้นเริ่มตื่นตระหนก “ข้าบริสุทธิ์! พวกเจ้าก็แค่พยายามให้ข้ารับสารภาพโดยใช้การทรมาน!”
จากนั้นแส้ก็ถูกเหวี่ยงใส่หลังของเขา ซือจวิ้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ในที่สุดอารมณ์ของซูอันก็ดีขึ้น
“เจ้ากำลังบังคับให้ข้าสารภาพผ่านการทรมาน! ข้าจะรายงาน!”
“ข้าจะรายงานพวกเจ้าทุกคนที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด!”
“พ่อของข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้า!”
—
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +888… +888… +888…
—
ซูอันพูดอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเรายังเฆี่ยนไม่หนักพอ”
ชายผู้นี้กลั่นแกล้งเขาที่ประตูวัง ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีกลโกงเอาตัวรอด ซือจวิ้นอาจจะทำสำเร็จไปแล้ว ต่อมาก็ได้ใส่ร้ายเขาและองค์หญิงรัชทายาท ในความผิดที่มีโทษถึงประหารทั้งโคตร เขาจะผ่อนผันให้ชายคนนี้ได้อย่างไร?
ซือจวิ้นยังคงสาปแช่งในตอนแรก แต่สูญเสียพลังไปหลังจากนั้นไม่นาน เขากลับเริ่มขอความเมตตา
“ได้โปรด ได้โปรดหยุดตีข้า…”
“ข้าจะพูด ข้าจะพูด… พอแล้ว…”
…
ซูอันกล่าวดูถูกเหยียดหยาม “ข้าเกือบจะคิดว่าเจ้ากล้าหาญ ดูเหมือนว่าแท้จริงแล้วเจ้าเป็นเพียงคนขี้ขลาดคนหนึ่ง”
ความขุ่นเคืองส่องประกายผ่านดวงตาของซือจวิ้น เขาคิดในใจว่า เจ้าเป็นทูตยุทธ์เสื้อแพรทองแล้วอย่างไรล่ะ? รอจนกว่าข้าจะออกไป! พ่อของข้าจะทำให้เจ้าตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
ท่านยั่วยุซือจวิ้นสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999 +999 +999…
—
ซูอันยิ้มอย่างเย้ยหยันเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นที่เข้ามา เขาบอกให้คนอื่น ๆ ออกไปก่อน จากนั้นเขาก็ถามว่า “เจ้ากับซินรุ่ยพบกันได้ยังไง?”
“ซินรุ่ย?” ดวงตาของซือจวิ้นหรี่ลง แต่เขาตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “นางกำนัลของวังร้อยดอกไม้? เหมือนข้าจะเคยเห็นนางอยู่ แต่เราไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากนัก เราไม่รู้จักกันจริง ๆ”
ซูอันตอบว่า “อ้อ… มาทรมานกันต่อ” เขาเรียกผู้ใต้บังคับบัญชากลับมาโดยกล่าวว่า “นายน้อยซือ ทูตยุทธ์เสื้อแพรมีหลายวิธีในการหาข้อมูลที่เราต้องการ เรามีเวลาเหลือเฟือ ค่อย ๆ ลองใช้เครื่องมือทรมานไปทีละอย่างก็แล้วกัน”
เขาต้องการเพียงแค่ทำให้คนผู้นี้หวาดกลัวด้วยวิธีการข่มขู่ที่ได้เรียนรู้จากนวนิยายที่เคยอ่าน แต่เมื่อได้รู้ทีหลังเกี่ยวกับวิธีการทรมานของทูตยุทธ์เสื้อแพรแล้วเขาก็ตระหนักว่าวิธีเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง และคำพูดที่ว่าถึงอยากตายก็ไม่ได้ตายมีอยู่จริงเช่นกัน
“ไม่!” ดวงตาของซือจวิ้นเต็มไปด้วยความสยดสยอง เขาจะไม่รู้เกี่ยวกับวิธีการทรมานของทูตยุทธ์เสื้อแพรได้อย่างไร? ลืมการทดสอบเครื่องมือทีละอย่างไปได้เลย แค่เครื่องมือแรกร่างกายของเขาคงจะถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ แล้ว!
“ข้าจะพูด…” เขาเริ่มเอ่ยปาก แต่ประตูถูกเปิดเข้ามาอย่างกะทันหัน
จากนั้นความกดดันอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ขยายเข้ามาพร้อมกับเสียงคำรามว่า “ใครหน้าไหนมันกล้าทำร้ายลูกชายของข้า!?”
ทูตยุทธ์เสื้อแพรในห้องคว้าอาวุธและมองที่ทางเข้าอย่างระมัดระวัง “ใครกล้าสร้างปัญหาในตำหนักถักแพร!”
นี่เป็นเรื่องตลกอะไร? ตำหนักถักแพรเป็นสถานที่แบบไหน? นี่คือสำนักงานใหญ่ของทูตยุทธ์เสื้อแพร! ไม่ว่าขุนนางคนใดจะถูกพามาที่นี่ย่อมจะสั่นสะท้านด้วยความกลัว แต่ตอนนี้มีคนกล้าเข้ามาสร้างปัญหาในตำหนักถักแพร?
ทูตยุทธ์เสื้อแพรหลายคนกวัดแกว่งโซ่เกี่ยววิญญาณเข้าโจมตีผู้มาใหม่ในทันที น่าเสียดายที่โซ่เกี่ยววิญญาณทั้งหมดถูกพัดกลับโดยพลังที่มองไม่เห็น
แม้ว่าทูตยุทธ์เสื้อแพรจะมีความสามารถในการประสานโจมตี และโซ่เกี่ยววิญญาณจะสามารถกักพลังชี่ของอีกฝ่ายได้ แต่เมื่อเจอกับความแข็งแกร่งที่เหนือกว่ามาก ทุกอย่างย่อมไร้ความหมาย
นี่คือผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์!
ซูอันหันกลับมามองผู้อาวุโสผมขาวเกล้าขึ้นสูง แววตาเฉียบคมราวกับเหยี่ยวที่วาวโรจน์ไปด้วยความโกรธ
ซูอันอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ข้าก็สงสัยว่าใคร ที่แท้ก็ท่านเสนาบดีสงครามนี่เอง! ไม่นึกเลยว่าผู้ใหญ่ที่น่าจะมีความคิดอ่านเช่นท่านจะกล้าบุกเข้ามาในตำหนักถักแพร!”
เขาเคยเห็นซือเหมี่ยวในระหว่างการลอบสังหารของอวิ้นเจียนเยว่ในพระราชวังตะวันออก ดังนั้นเขาจึงจำชายนี้ได้
“ท่านพ่อ รีบมาช่วยข้าที!” ซือจวิ้นรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเมื่อเห็นบิดา ในที่สุดเขาก็เห็นแสงแห่งความหวังในขุมนรกที่ไม่มีที่สิ้นสุด วิธีการทรมานของทูตยุทธ์เสื้อแพรนั้นน่ากลัวยิ่งนัก เขาไม่อยากสัมผัสกับมันจริง ๆ
ซือเหมี่ยวมองซือจวิ้น เมื่อเห็นเลือดบนร่างของลูกชาย สีหน้าของเขามืดลงทันที นัยน์ตาเหยี่ยวมองไปรอบบริเวณด้วยสายตาที่เฉียบคม “บาดแผลบนร่างกายของลูกข้า ใครเป็นคนทำ!?”
ทูตยุทธ์เสื้อแพรมองหน้ากันอย่างตกตะลึง ทั้งหมดมองดูซูอันอย่างอ้อนวอน เขาเป็นบุคคลที่มีระดับสูงสุดในที่แห่งนี้ ดังนั้นเขาเป็นคนที่ควรจะรับหน้าเสนาบดีสงครามที่กำลังเกรี้ยวโกรธ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกินไป แม้ว่าทูตยุทธ์เสื้อแพรทองจะเก่งกล้าสามารถ แต่ก็ไม่มีใครไปถึงระดับปรมาจารย์ ท่านสิบเอ็ดจะทำอะไรได้ในสถานการณ์แบบนี้?
แต่ต่อให้ครั้งนี้จะตกเป็นรอง ทว่าเมื่อไรที่หัวหน้าผู้บัญชาการจูเซี่ยฉือซินกลับมา เหล่าทูตยุทธ์เสื้อแพรตั้งใจจะเอาคืนทีหลัง!
………………….