เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1072 เจ้าช่วยข้าได้แน่นอน
บทที่ 1072 เจ้าช่วยข้าได้แน่นอน
………………….
บทที่ 1072 เจ้าช่วยข้าได้แน่นอน
“ถวายพระพรองค์จักรพรรดินี” เขาพูดด้วยความเคารพ ยังมีนางกำนัลและขันทีอยู่ใกล้ ๆ ดังนั้นเขาจึงต้องแสดงมารยาทที่เหมาะสม
จักรพรรดินีนั่งอยู่บนบัลลังก์หงส์ เครื่องแต่งกายอันวิจิตรของนางดูน่าประทับใจเมื่อซูอันมองนาง เขารู้สึกเหมือนได้เห็นอนาคตขององค์หญิงรัชทายาท แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่พวกนางต่างคล้ายคลึงกันในแง่ของความสุขุมและสง่างาม
จักรพรรดินีโบกมือเพื่อบอกให้ทุกคนถอยออกไป มีเพียงกุ้ยน้อยและจั้วน้อยเท่านั้นที่ยังอยู่ แม้ว่านางจะเป็นจักรพรรดินีผู้สูงส่ง แต่ก็ยังมีข้อห้ามหลายประการในการพบปะกับบุคคลภายนอก นางจึงต้องเหลือใครบางคนไว้เป็นพยานรับรู้ความบริสุทธ์ใจในการพบปะกับซูอัน
เมื่อนางกำนัลและขันทีคนอื่นออกไป นางโบกมือให้กุ้ยน้อยและจั้วน้อยรออยู่นอกประตู ทั้งสองถอยออกไปด้วยความเคารพ เมื่อเดินผ่านซูอันพวกเขาส่งรอยยิ้มที่เป็นมิตรมาให้ ทั้งสองจำได้อย่างชัดเจนถึงน้ำใจที่ซูอันเคยมีให้
เมื่อเหลือกันอยู่เพียงสองคนจักรพรรดินีพูดอย่างเฉยเมยว่า “หากคนอื่นจ้องมองมาที่ตัวข้า ข้าคงควักลูกตาของมันออกมาแล้ว”
ซูอันถอนหายใจยาว “จักรพรรดินีงดงามมากก็จริง แต่ท่านสามารถใช้วันเวลาอยู่คนเดียวในวังที่ว่างเปล่านี้เท่านั้น ผู้รับใช้คนอื่นต่างกลัวโทษทัณฑ์ไม่กล้ามองท่าน ความงามนี้จึงสูญเปล่า ข้าจึงต้องจ้องมองท่านให้นานขึ้นเพื่อช่วยชดเชยในส่วนของคนอื่น”
แก้มของจักรพรรดินีแดงก่ำ นัยน์ตาที่ดูดุร้ายแต่งดงามของนางอ่อนลง “ปากของเจ้ายังหวานเหมือนเคย แต่เกรงว่าถ้อยคำเหล่านี้เพียงพอแล้วที่จะจบชีวิตเจ้าหากความทราบถึงพระเนตรพระกรรณฝ่าบาท”
เขาตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ตราบใดที่ท่านไม่พูด ฝ่าบาทจะรู้ได้ยังไง?” จักรพรรดิองค์นั้นข่มขู่เขาให้เกิดความกลัวตลอดเวลา เมื่อคิดถึงทีไรก็อารมณ์เสียทุกครั้ง คำพูดของเขาจึงไม่แสดงถึงความเคารพอีกต่อไป
“บังอาจ! เจ้ากล้าพูดจาหยาบคายอย่างนี้เลยเหรอ!?”
ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาอาจจะกลัวนาง แต่ความกล้าของซูอันไม่ได้สั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย “ท่านขอให้ทุกคนออกไป ข้าควรถือสิ่งนี้เป็นการบอกอ้อม ๆ ไหมล่ะ?”
จักรพรรดินีมองตรงมาที่เขา ไม่นานนางก็หัวเราะออกมา “เจ้าไม่เหมือนข้ารับใช้คนอื่นเลยจริง ๆ! จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกว่าการมีคนแบบเจ้าทำให้สิ่งต่าง ๆ น่าสนใจยิ่งขึ้น”
“อืม” ซูอันไม่แสดงความคิดเห็น “ว่าแต่ท่านเรียกข้าเข้าเฝ้าทำไม?”
“แล้วถ้าไม่มีธุระ ข้าจะขอให้เจ้ามาไม่ได้เหรอ?” จักรพรรดินียืนขึ้น ขณะที่นางเคลื่อนไหว กลิ่นหอมสดชื่นก็เติมเต็มลมหายใจของซูอัน
ซูอันให้มองใบหน้าที่งดงามของนาง “บางทีท่านอาจอยู่คนเดียวมานานจนต้องการผู้ชายซักคน?”
จักรพรรดินีหัวเราะคิกคัก แววตาระยิบระยับดูซุกซน “แล้วยังไง? ไม่ได้เหรอ?”
ตอนนี้ถึงตาของซูอันที่ต้องตกตะลึง เมื่อเห็นสีหน้าที่ว่างเปล่าของเขา จักรพรรดินีก็คร่ำครวญ “เจ้าคนรับใช้ที่เลวทราม ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าเพิกเฉยหรือขวัญกล้าเกินตัว”
“เฮอะ…” จักรพรรดินีแค่นเสียงเยาะ หากเจ้าทำตามกฎจริง ๆ ผู้ชายทุกคนในวังแห่งนี้คงต้องเป็นขันที “จะมีคนขี้ขลาดที่กล้าแตะต้ององค์หญิงรัชทายาทด้วยเหรอ?”
สีหน้าของซูอันเริ่มจริงจัง “ทั้งองค์หญิงรัชทายาทและข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านอย่าพูดอะไรไร้สาระ”
จักรพรรดินียิ้มเยาะ “คนอื่นอาจคิดว่าเจ้าไม่กล้า แต่กับข้า เจ้ายังกล้า… หืม แล้วองค์หญิงรัชทายาทจะเป็นอะไรได้?”
ซูอันเพิกเฉยต่อคำพูดของนาง “ถ้าข้าไม่บริสุทธิ์ ฝ่าบาทจะปล่อยข้ามาทำไม?”
จักรพรรดินีขมวดคิ้วแน่น “นั่นคือสิ่งที่ข้าสับสนมากที่สุด ด้วยธรรมชาติของจ้าวฮั่น แม้ว่าเจ้าจะบริสุทธ์ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อหลังจากเรื่องอื้อฉาวทั้งหมด”
“บางทีข้าอาจจะโชคดี” ซูอันถอนหายใจ ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ… ผู้หญิงคนนี้เข้าใจจักรพรรดิดีเกินไป
เป็นเพียงว่าจักรพรรดิยังต้องการให้เขาจัดการกับราชันลมปราณ และเมื่อทุกอย่างสำเร็จก็คงจะกำจัดเขาทิ้งทันที นอกจากนี้เขายังมีหน้าที่ในการสืบหาว่าใครเป็นคนใส่ร้ายองค์หญิงรัชทายาท ถ้าภารกิจไม่สำเร็จ นั่นจะเป็นจุดจบสำหรับซูอันเช่นกัน
บัดซบเอ๊ย… เจ้าต้องการใช้งานข้า แต่ก็ยังขู่ว่าจะฆ่าข้าตลอดเวลา ซูอันเริ่มประหม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเส้นตายกำลังใกล้เข้ามา
“อ้อ ครั้งล่าสุดที่เจ้าส่งคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่มาขอให้ข้าตรวจสอบนางกำนัลและขันทีเหล่านั้น…” จักรพรรดินีพูดขึ้นทันที
ก่อนที่นางจะจบประโยค ซูอันถามอย่างตกใจ “ท่านค้นพบอะไรไหม?” ซือจวิ้นถูกพาตัวไป ดังนั้นร่องรอยจึงถูกตัดขาด เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์นี้
จักรพรรดินีกำลังสับสน “ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังสืบสวนคดีนี้อยู่เหรอ? ทำไมเจ้าถึงกังวลขนาดนี้?”
ซูอันไม่ได้เปิดเผยความตั้งใจที่แท้จริงของเขา “อย่างน้อยก็ต้องหาให้เจอว่าใครเป็นคนใส่ร้ายข้าใช่ไหม?”
“ข้าไม่ได้เก่งกาจเหนือมนุษย์จนสามารถล่วงรู้ได้” จักรพรรดินีกล่าว “ข้าทำได้เพียงตัดรายชื่อผู้ต้องสงสัยบางคนเท่านั้น พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้และถูกเพื่อนฝูงลากไป หลังจากนั้นข้าก็พบว่ามีคนเจ็ดคนเรียกคนเหล่านั้นมารวมกันด้วยเหตุผลหลายประการ”
“เจ็ดคนไหนบ้าง?” ซูอันถาม
จักรพรรดินีเดินไปด้านข้างด้วยท่าทางที่สง่างาม หยิบสมุดเล่มเล็กออกจากตู้แล้วพูดว่า “รายชื่ออยู่นี่แล้ว”
ซูอันขยับไปคว้ามัน แต่จักรพรรดินีกลับดึงมือกลับและซ่อนสมุดเล่มเล็กไว้ข้างหลัง “ข้าจะได้ประโยชน์อะไรถ้าข้ามอบมันให้เจ้า?”
ซูอันขมวดคิ้ว “ท่านต้องการผลประโยชน์แบบไหน? ตราบใดที่ข้าสามารถทำได้ ข้าจะทำให้อย่างแน่นอน” ในขณะเดียวกัน เขาก็อยากรู้ นี่คือจักรพรรดินีผู้สูงส่ง! มีอะไรที่นางไม่มีด้วยเหรอ? ทำไมนางถึงต้องการอะไรจากเขา?
จักรพรรดินียิ้มและตอบว่า “เจ้าทำได้แน่นอน”
เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มลึกลับของนางซูอันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “มันคืออะไรกันแน่?”
จักรพรรดินีไม่ตอบแต่เปลี่ยนเรื่อง “เมื่อเจ้าถูกส่งตัวเข้าคุก คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ตามหาข้า ข้าต้องยอมรับว่าเจ้าเป็นคนที่โชคดีมาก คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ช่างสวยงามยิ่งนัก นางห่วงใยเจ้ามาก”
ซูอันเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ข้าโชคดีจริง ๆ”
จักรพรรดินีพูดคุยกับเขาเรื่องของฉู่ชูเหยียนอีกเล็กน้อย จากนั้นนางก็กล่าวว่า “ต่อมาแม่นางฉู่มาเยี่ยมข้าอีกสองสามครั้ง ข้าได้ยินมาว่าในตอนนั้น เส้นลมปราณของนางทั้งหมดถูกทำลายในมิติลับ แต่เป็นเพราะเจ้าช่วยเหลือ เจ้าสองคนจึงค่อย ๆ สนิทสนมกันมากขึ้น”
“นั่นอาจเป็นแค่โชคชะตา ฮ่า ๆ” ซูอันหัวเราะในขณะที่คิดกับตัวเอง ทำไมภรรยาของข้าถึงบอกจักรพรรดินีทั้งหมดนี้?
แต่ในไม่ช้า เขาก็ตระหนักว่าฉู่ชูเหยียนอาจกังวลที่จะช่วยเขาในตอนนั้น และจักรพรรดินีเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการขอความช่วยเหลือ นี่อาจเป็นเหตุผลว่า ทำไมนางเล่าเรื่องราวให้จักรพรรดินีฟังมากมาย
จักรพรรดินีจึงถามว่า “แล้วเจ้ารักษานางได้ด้วยวิธีใด?”
ซูอันตอบว่า “ข้าพบดอกบัวเร้นลักษณ์ในเวลาที่เหมาะสม นั่นคือเหตุผลที่ข้าสามารถช่วยนางได้” เขาไม่สามารถบอกจักรพรรดินีว่าเป็นเพราะเขาได้ประกอบกิจอย่างขยันขันแข็งกับร่างกายของฉู่ชูเหยียนจนพลังหยางของเขาได้ช่วยชีวิตนางไว้ใช่ไหม? ถ้าเขาพูดแบบนี้ จักรพรรดินีก็จะไม่สงสัยอะไรเขาเช่นกัน
“อย่างนั้นเหรอ?” จักรพรรดินีกล่าวอย่างเฉยเมย
ซูอันกล่าวว่า “ข้าตอบทุกอย่างแล้ว ถึงเวลาที่ท่านจะให้หนังสือเล่มนั้นแก่ข้าแล้วใช่ไหม?”
จักรพรรดินียังคงส่ายหน้า “กลับมาที่นี่ตอนกลางคืน แล้วข้าจะให้เจ้า”
ซูอันรู้สึกตกใจ “ทำไมต้องรอตอนกลางคืน?”
จักรพรรดินีตอบว่า “เพราะว่าข้าต้องการให้เจ้าช่วยอะไรข้าในตอนนั้น”