เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1083 นางคือเพื่อน
บทที่ 1083 นางคือเพื่อน
………………….
บทที่ 1083 นางคือเพื่อน
ซูอันเงียบ หมี่ลี่จึงกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ ตามความเข้าใจของข้า ความแข็งแกร่งและความหนาแน่นของการควบแน่นพลังชี่ของเจ้านั้นเกินระดับของปรมาจารย์ หรือแม้แต่ระดับปราชญ์ไปแล้ว”
ซูอันเลิกคิ้ว “อา… รู้สึกดีมาก มีอีกไหม? ชมข้าให้เยอะ ๆ”
หมี่ลี่ส่งเสียงครวญ “เจ้าจะอวดดีไปเพื่ออะไร? แม้ว่าคุณภาพของพลังชี่เจ้าจะเหนือกว่าพวกเขา แต่ปริมาณและระดับโดยรวมก็ยังด้อยกว่ามาก มันยังไม่ยากที่พวกเขาจะบดขยี้เจ้าจนตาย”
ซูอันพูดอย่างเศร้าโศก “ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้?”
ในเวลาเดียวกัน เขาหยิบยาควบแน่นพลังชี่อีกเม็ดออกมา “เฮ้อ ในที่สุดข้าก็สามารถทำบางอย่างได้สำเร็จหลังจากลงแรงหนักมามาก แต่สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์” ในที่สุดเขาต้องทิ้งวัสดุจำนวนมาก และเขาเองก็มีความหวังสูงมากในตอนแรก เรื่องนี้จึงเจ็บปวดจริง ๆ
“ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไป แม้ว่ายาเม็ดนี้จะไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้า แต่ก็มีประโยชน์สำหรับคนอื่น” หมี่หลี่กล่าว
“ใคร? ท่าน?” ซูอันปัดความคิดนี้ทิ้งไปทันที หมี่ลี่เป็นร่างวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่านางจะอยู่ในร่างมนุษย์ แต่ด้วยการบ่มเพาะของนาง จักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ฉินอันยิ่งใหญ่น่าจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่ต้องการยาเหล่านี้ไปแล้ว
เขาอยากรู้จริง ๆ เห็นได้ชัดว่านางเป็นร่างวิญญาณ แล้วทำไมต้องสวมเสื้อผ้าด้วย? ชุดสีแดงที่นางสวมนั้นเป็นของที่เขาให้ นอกจากนี้ยังมีชุดสวย ๆ ที่คล้ายกันมากมายในดวงแก้วผู้รอบรู้
“เจ้าเหม่อไปไหน?” หมี่ลี่มองเขา จากนั้นนางก็พูดต่อ “นังจิ้งจอกตัวนี้อาจต้องการมัน”
ซูอันตกตะลึง เมื่อมองตามสายตาของหมี่ลี่ เขาเห็นต๋าจี่ซึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างเตาหลอมยา
ต๋าจี่นั้นสวยงามมากอยู่แล้ว ตอนนี้นางนั่งอยู่เงียบ ๆ ชุดสีขาวทำให้นางดูเหมือนผู้หญิงที่ฉลาดและทรงภูมิมากขึ้น
“ยากที่จะเชื่อจริง ๆ ว่าสาวสวยคนนี้จะกลายเป็นสาวใช้ธรรมดา ๆ ของเจ้า” แม้แต่หมี่ลี่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ซูอันถามว่า “ยาควบแน่นพลังชี่มีประโยชน์กับนางเหรอ?”
“เจ้าลองดูก็ได้” หมี่ลี่มาถึงด้านข้างของต๋าจี่ ดวงตาที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ซูอันมองผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างหน้า คนหนึ่งสวมชุดสีแดงเพลิง อีกคนสวมชุดสีขาวพลิ้วไหว ทั้งสองงดงามอย่างยิ่ง
เขาเดินไปหาต๋าจี่และป้อนยาควบแน่นพลังชี่ให้นาง เห็นริมฝีปากสีแดงของนางปิดลงอย่างแผ่วเบา จากนั้นเฝ้าดูนางกลืนยาลงคอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายดังเอื๊อกเช่นกัน ต๋าจี่ยังคงมีเสน่ห์มากแม้ในสภาพที่ไม่มีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง
“เจ้าสัตว์ร้าย” การกลืนน้ำลายของซูอันไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของหมี่ลี่ นางแสดงอาการดูถูกเหยียดหยาม
ใบหน้าของซูอันร้อนขึ้น เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ เขาก็หยุด แถวของตัวอักษรปรากฏขึ้นบนหน้าจอแป้นพิมพ์ในหัวของเขา :
ตรวจพบวัสดุเพิ่มระดับทักษะของวีรสตรี…
ซูอันตกใจมาก เขาอ่านเนื้อหาอย่างรวดเร็วและเห็นว่าทักษะทั้งสามของต๋าจี่ได้แก่ ‘เสียงเพรียกจากปีศาจ’ ‘มายาจิ้งจอก’ และ ‘จิ้งจอกเก้าหาง’ เป็นทักษะที่สามารถยกระดับได้ พวกมันเริ่มต้นที่ระดับหนึ่ง แต่เมื่อทักษะเพิ่มระดับขึ้น พวกมันจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
“ทำไมรู้สึกเหมือนเกมเลย” ซูอันหัวเราะ ในฐานะนักรบคีย์บอร์ดแน่นอนว่าเขาได้เล่นเกมมามาก เห็นได้ชัดว่านี่คือระบบที่เขาคุ้นเคย
แต่ละทักษะมีสิบระดับ นอกจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นทักษะใด วัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการเลื่อนระดับแต่ละครั้งก็เหมือนกัน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมสิ่งที่เขาต้องพิจารณาคือทักษะใดที่จะเป็นประโยชน์มากที่สุดในตอนนี้
ซูอันไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะเพิ่มระดับทุกอย่างในเวลาเดียวกัน ประสบการณ์การเล่นเกมที่ผ่านมาของเขาสอนว่าการใช้ทรัพยากรอย่างไม่ระมัดระวังเป็นทางเลือกที่โง่เขลา เขาตรวจสอบข้อกำหนดที่จำเป็นในการเพิ่มระดับทักษะอย่างถี่ถ้วน และสีหน้าของเขาก็แปลกไป
การอัพเกรดทักษะเป็นระดับสองจำเป็นต้องใช้วัสดุสามประเภท : ยาควบแน่นพลังชี่สองเม็ด เกล็ดมังกรสี่อัน และเงิน 12,000 เหรียญ
ซูอันสาปแช่ง ต้มตุ๋นกันชัด ๆ! ทำไมการอัปเกรดสกิลพวกนี้ถึงต้องใช้เงิน?!
แม้ว่าเงินหนึ่งหมื่นสองพันเหรียญจะไม่มากเกินไปสำหรับตัวเขาในปัจจุบัน แต่เขาแน่ใจว่าเมื่อเพิ่มระดับทักษะ จำนวนเงินที่ต้องการจะยิ่งมากขึ้นทวีคูณ
บ่อยครั้งที่เขาถูกเกมหลอกด้วยจำนวนเงินและทรัพยากรที่ต้องการจำนวนน้อยในช่วงแรก แต่ต่อมาใคร ๆ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้เงินจริงอุดช่องว่างที่ไม่มีวันเติมเต็มของทรัพยากรที่ต้องการเหล่านั้น
สำหรับเกล็ดมังกรสี่ชิ้นนั้นค่อนข้างหาง่าย เขาอาจไม่มีอย่างอื่น แต่เขามีเกล็ดมังกรมากเกินพอ ไม่ว่าจะเป็นมังกรแดงตัวนั้นหรือผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์มังกรที่เขาฆ่าระหว่างทางมาเมืองหลวง ศพเหล่านั้นยังคงอยู่ในดวงแก้วผู้รอบรู้ของเขา เขาสงสัยว่าจะทำอย่างไรกับพวกมันดี ในที่สุดก็มีเรื่องที่ต้องใช้มัน สิ่งเดียวที่เขาขาดในตอนนี้คือเม็ดยาควบแน่นพลังชี่!
จากนั้นเขาจึงรีบบอกเรื่องนี้กับหมี่ลี่ นางรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับวิธีการปรับระดับทักษะ “หืม? ทักษะควรเพิ่มขึ้นตามการบ่มเพาะของเจ้าของไม่ใช่เหรอ? มีวิธีง่าย ๆ ในการเพิ่มระดับแบบนี้ด้วยเหรอ หากเจ้าเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป ผู้บ่มเพาะจะมีอะไรให้บ่มเพาะอีก?”
ซูอันยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่พูดว่า “ข้าไม่คิดว่าจะเป็นไปได้” เขาดึงต๋าจี่มาจากระบบสุ่มวีรสตรีแต่เพียงผู้เดียว วิธีนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับคนอื่นอย่างแน่นอน
ซูอันควบคุมต๋าจี่อย่างรวดเร็วเพื่อหลอมยาต่อไป คิดว่าหลังจากประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้ ประสบการณ์จะทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือความล้มเหลวห้าครั้งติดต่อกัน
สิ่งที่น่าหดหู่ใจยิ่งกว่าคือ ระหว่างความล้มเหลวครั้งที่ห้า มีควันดำออกมาจากเตาหลอมและระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ
ซูอันและหมี่ลี่ยกมือขึ้นบังหน้าตัวเองตามสัญชาตญาณ แต่ต๋าจี่ไม่โชคดีอย่างนั้น ใบหน้าที่งดงามของนางปกคลุมไปด้วยขี้เถ้าสีดำ ซูอันพยายามช่วยนางเช็ดออก แต่ต๋าจี่หันหลังกลับและทำความสะอาดใบหน้าของตัวเอง หลังจากนั้นนางยังคงนั่งเงียบ ๆ อยู่กับที่ หมี่ลี่และซูอันต่างก็พูดไม่ออก
ในที่สุดหมี่ลี่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เจ้าต้องการฉวยโอกาสจากนาง แต่นางไม่ยินยอมเอาซะเลย”
ซูอันรู้สึกมืดมนอย่างมาก “ข้าแค่อยากช่วยนางเช็ดมันออกจริง ๆ”
เขาเคยทดสอบมาก่อนแล้ว ต๋าจี่จะเชื่อฟังคำสั่งของเขาและช่วยเขาต่อสู้ แต่นางจะไม่แตะเนื้อต้องตัวเขาเด็ดขาด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป ดังนั้นเขาจึงลืมเรื่องนั้นไป
หมี่ลี่มองต๋าจี่ด้วยสายตาแปลก ๆ “สาวใช้ของเจ้านี่แปลกจริง ๆ นางค่อนข้างดื้อรั้นใช่ไหม? ข้าควรจะช่วยปราบนางไหม เผื่อว่านางจะเชื่อฟังมากขึ้น?
ก่อนหน้านี้ หมี่ลี่ต้องการครอบครองร่างกายของต๋าจี่ ไม่ว่านางจะหยิ่งผยองเพียงใด ก็ยังต้องยอมรับว่าต๋าจี่นั้นงดงามและควรค่าแก่การครอบครอง อย่างไรก็ตาม นางถูกพลังลึกลับพัดกลับออกมา ทำให้นางอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก
แม้จะไร้ซึ่งจิตสำนึก แต่ดวงตาของต๋าจี่กลับมีความระแวดระวังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ซูอันส่ายหัว “หยุดเลย ข้าไม่ใช่คนวิปริตขนาดนั้น! ยิ่งไปกว่านั้น นางช่วยข้าไว้หลายอย่าง ดังนั้นนางจึงเป็นเพื่อนไม่ใช่สาวใช้”
เนื่องจากวีรสตรีเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาให้เขาไม่สามารถแตะต้องพวกนางได้ มันมีเหตุผลอย่างแน่นอน การฝืนกระทำอาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้ นอกจากนี้เขาไม่เคยเป็นคนประเภทใช้กำลัง มันสนุกกว่าไหมที่จะพัฒนาความรักของหญิงสาวอย่างช้า ๆ?
ต๋าจี่หันกลับมามองซูอัน สีหน้าของนางไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
………………….