เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1116 ความจริงไม่สำคัญ
บทที่ 1116 ความจริงไม่สำคัญ
“พวกเขาตายได้ยังไง?” จูเซี่ยฉือซินถามอย่างตกใจ ความคิดแรกของเขาคือ ไม่ใช่ซูอันที่เป็นผู้ฆ่าคนเหล่านี้ เพราะเขารู้ว่าซูอันมีการบ่มเพาะแค่ระดับเจ็ดเท่านั้น แม้ว่าชายคนนี้มักจะแสดงความแข็งแกร่งมากกว่าระดับการบ่มเพาะของตัวเอง แต่ทุกอย่างก็ต้องมีขีดจำกัด
ทั้งสามคนนี้ล้วนเป็นผู้บ่มเพาะขั้นสูงสุดของระดับเจ็ด ทักษะของพวกเขาได้รับการบ่มเพาะในสนามรบ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงจึงอยู่ในระดับสูงสุด แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่นักรบที่ผู้บ่มเพาะระดับต่ำกว่าจะสามารถเอาชนะได้ง่าย ๆ
ซูอันพูดโดยไม่กะพริบตา “ข้าฆ่าพวกเขาเอง” ไม่มีทางที่เขาจะพูดถึงอวิ๋นอวี้ชิงได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงบอกว่าเป็นฝีมือของตัวเอง
“เจ้าฆ่าพวกเขาเหรอ!?” จูเซี่ยฉือซินอุทานอย่างตกใจมาก เขาพิศมองซูอันแล้วถามว่า “เจ้าทำได้ยังไง?”
ซูอันตอบว่า “พวกเขาไล่ตามข้า ข้าจึงใช้สภาพแวดล้อมแยกทั้งสามออกจากกัน จากนั้นจึงจัดการทีละคน”
จูเซี่ยฉือซินจ้องมองซูอันอย่างตกตะลึง มีไม่กี่คนที่มีพลังที่แท้จริงเช่นนี้ เด็กคนนี้โดดเด่นทีเดียว เมื่อเขาเห็นรูพรุนที่เต็มไปด้วยเลือดในศพเหล่านั้น เขาคิดว่าทั้งสามถูกโจมตีด้วยพลังมหาศาล ดูเหมือนว่าซูอันจะมีไพ่ตายมากมายซ่อนอยู่ในมือ! เขาไม่ได้ถามซูอันเกี่ยวกับความสามารถที่แท้จริง เนื่องจากเป็นเรื่องต้องห้ามระหว่างผู้บ่มเพาะ ไม่มีใครเต็มใจที่จะเปิดเผยไพ่ลับโดยไม่มีเหตุผล
จูเซี่ยฉือซินหัวเราะออกมาดัง ๆ “นี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่! ไปกันเถอะ ตามข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท!”
ซูอันพยักหน้า คดีนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลซือ จึงไม่ใช่เรื่องที่จูเซี่ยฉือซินจะตัดสินใจได้โดยลำพัง
…
ทั้งสองมาถึงห้องหนังสือส่วนพระองค์อย่างรวดเร็ว จูเซี่ยฉือซินรายงานข้อมูลต่อจักรพรรดิด้วยความเคารพ ในขณะที่ซูอันใช้โอกาสนี้ตรวจสอบจักรพรรดิ
ภาพลวงตาของเจียซืออี๋ทำให้เขาเผชิญหน้ากับจักรพรรดิ และเขาก็เอาชนะมาได้ในตอนนั้น แม้ว่านั่นจะเป็นเพียงจักรพรรดิจากจิตใต้สำนึก แต่ก็ยังทำให้เขามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตอนนี้เขาสงบลงมากเมื่อเผชิญหน้ากับจักรพรรดิ
“ฮึ่ม ตระกูลซือช่างกล้าจริง ๆ!” จ้าวฮั่นทุบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากฟังรายงานทั้งหมดของจูเซี่ยฉือซิน เขากำลังจะพูดต่อ แต่สัมผัสได้ถึงบางอย่างและเงยหน้าขึ้น
จักรพรรดิดูเหมือนจะสัมผัสได้ว่าซูอันกำลังเฝ้าดูเขา ซึ่งทำให้จ้าวฮั่นไม่มีความสุขเล็กน้อย แต่เมื่อเขาคิดว่าชายคนนี้เพิ่งนำความสำเร็จอันยิ่งใหญ่กลับมาได้ เขาก็ไม่สามารถต่อว่าอีกฝ่ายได้มากนัก หลังจากหักห้ามใจตัวเองแล้วพูดว่า “ดีมาก สิบเอ็ด เจ้าทำได้ดีมาก พูดสิ เจ้าต้องการรางวัลแบบไหน?”
ซูอันก่นด่าอยู่ในใจพลางคิดว่า ‘อะไร? ถ้าข้าขอองค์หญิง เจ้าจะให้องค์หญิงรัชทายาทแก่ข้าไหม?’ แต่ภายนอกเขายิ้มและพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ฝ่าบาทแบกความกังวลของประชาราษฎร์ไว้บนบ่า กระหม่อมจะต้องการรางวัลอะไรอีกพะย่ะค่ะ”
ครั้งหนึ่งซูอันเคยไม่พอใจกับการกระทำเสแสร้งแบบนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่รู้สึกอะไรแล้ว ตรงกันข้าม เขารู้สึกว่าสิ่งนี้มีแต่จะทำให้ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิมากขึ้นเท่านั้น
แน่นอนว่าจักรพรรดิหัวเราะกึกก้อง “ให้ได้อย่างนี้สิ! สิบเอ็ดมีความคิดรอบคอบมากขึ้นเรื่อย ๆ” หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งอื่น ๆ เล็กน้อย เขาพูดกับจูเซี่ยฉือซินว่า “ให้เจ้าหน้าที่จับกุมซือถงและซือจวิ้นจากประตูหวง! เราจะยังไม่แตะต้องเสนาบดีสงครามซือเหมี่ยว นอกจากนี้ให้หาคนสืบสวนเรื่องโอวอู่แห่งประตูเซวียนอู๋เพิ่มเติม เราไม่จำเป็นต้องค้นหาขั้วอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเขา เพราะถ้าข้าจำไม่ผิด เขาคือคนที่ราชันลมปราณเลี้ยงดูมา เจ้าสามารถใช้โอกาสนี้ตรวจสอบพื้นที่นั้นได้”
จูเซี่ยฉือซินตัวสั่นและโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว “พะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
ซูอันพูดขึ้นมา “ฝ่าบาท คดีนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด มีหลายจุดที่น่าสงสัยและอาจมีผู้ร้ายตัวจริงอีกคน…”
จักรพรรดิโบกมือก่อนที่ซูอันจะพูดจบ “พอแล้ว เจ้าได้เสร็จสิ้นภารกิจของเจ้าอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของจูเซี่ยฉือซิน เจ้าไม่ต้องกังวลกับมันอีกต่อไป”
ซูอันขมวดคิ้ว เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จูเซี่ยฉือซินส่งสัญญาณผ่านสายตาให้เขาเงียบ
จักรพรรดิหลับตาแล้วทำสมาธิ เขากล่าวว่า “ข้าเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก เจ้าสองคนไปได้แล้ว”
ซูอันสบถในใจ ‘ชายคนนี้บ่มเพาะอยู่เสมอเพื่อที่จะได้มีชีวิตยืนยาวขึ้นอีกสักหนึ่งนาที จะมีความหมายอะไรในการมีชีวิตอยู่ถ้าเจ้าต้องใช้ชีวิตแบบนั้น?’
…
เมื่อทั้งสองออกจากห้องหนังสือส่วนพระองค์ ซูอันถามว่า “ท่านผู้บัญชาการ ทำไมท่านห้ามไม่ให้ข้าพูดอะไรอีก”
จูเซี่ยฉือซินมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร เขาก็พูดเสียงเรียบว่า “เจ้าคิดว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการสอบสวนคดีนี้?”
“แน่นอนว่าต้องเป็นความจริง” ซูอันตอบโดยไม่รู้ตัว ท่วงทำนองเพลงประกอบแอนิเมชันยอดนักสืบจิ๋วโคนันเริ่มเล่นอยู่ในหัวของเขา
จูเซี่ยฉือซินหัวเราะเบา ๆ “ข้าอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตัวตนเลือดร้อนในอดีตของตัวเองตั้งแต่ตอนที่ข้าเพิ่งเข้าร่วมกับทูตยุทธ์เสื้อแพร ต่อมาข้าจึงเข้าใจว่าความจริงไม่สำคัญเลย สิ่งที่สำคัญคือความจริงแบบไหนที่ฝ่าบาทต้องการ”
ซูอันตกใจ เขารู้สึกราวกับว่าเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
จูเซี่ยฉือซินกล่าวต่อว่า “ฝ่าบาทไม่สนใจความจริง พระองค์มีเรื่องที่ต้องกังวลมากเกินไป สิ่งที่พระองค์สนใจมากกว่าคือ สิ่งที่พระองค์สามารถทำได้ผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง?”
“ขอบคุณท่านผู้บัญชาการสำหรับคำแนะนำ” ซูอันไม่ได้โง่ เขาใช้เวลามากมายในการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของบุคคลที่สาม จนลืมข้อเท็จจริงนี้ไปแล้ว แต่หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของจูเซี่ยฉือซิน ในที่สุดเขาก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง
สถานการณ์ปัจจุบันเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดสำหรับจักรพรรดิ ไม่เพียงแต่สามารถจัดการกับตระกูลซือซึ่งเป็นศัตรูกับองค์รัชทายาทและองค์หญิงเท่านั้นยังสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อลดทอนความแข็งแกร่งของราชันลมปราณ ดังนั้นจะต้องสืบหาความจริงอะไรอีก?
สำหรับผู้กระทำความผิดที่แท้จริง จักรพรรดิคงรู้อยู่แล้วหรือแค่ไม่สนใจ อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ไม่ว่าใครหรืออะไรซ่อนตัวอยู่ในเงามืดย่อมไม่สามารถทำร้ายเขาได้
จูเซี่ยฉือซินหัวเราะเบา ๆ ตบไหล่ของซูอันและพูดว่า “ไม่เป็นไร เมื่อมีเวลาเราค่อยคุยกันอีกที ข้ามีคนที่จะต้องไปจับก่อน”
หลังจากแยกจากจูเซี่ยฉือซิน ซูอันก็กลับไปที่ตำหนักถักแพร เรียกรวมพี่น้องทูตยุทธ์เสื้อแพรทุกคนที่ทำงานร่วมกันในคดีนี้และพูดว่า “ที่ผ่านมาพวกเจ้าทุกคนต่างทำงานหนัก และคดีนี้ได้ถูกตัดสินแล้ว”
ทุกคนโห่ร้องและแม้แต่เซียวเจียนเริ่นยังมีรอยยิ้ม พวกเขาทั้งหมดเหนื่อยล้าทั้งกายและใจจากความซับซ้อนของคดีนี้
ซูอันพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เหตุผลที่คดีนี้สามารถไขได้ก็เพราะความพยายามของทุกคน ท่านเซียว ไต่ที่เจ็ด และเฉินที่แปด ตรงไปที่คลังและเบิกเงินสองพันเหรียญออกมา ให้รางวัลแก่ทุกคนตามผลงาน”
ในฐานะทูตยุทธ์เสื้อแพรทอง เขามีอำนาจในระดับหนึ่ง นอกจากนี้จักรพรรดิได้กล่าวว่าจะให้รางวัลแก่เขา ดังนั้นจูเซี่ยฉือซินย่อมจะไม่สนใจเรื่องนี้
“ขอบคุณท่านสิบเอ็ด!” ทุกคนส่งเสียงโห่ร้องดังก้อง พวกเขาเกือบจะอุ้มซูอันและโยนขึ้นไปในอากาศ