เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1120 ผู้บงการคือข้า?
บทที่ 1120 ผู้บงการคือข้า?
ซูอันหัวเราะเบา ๆ ต่อคำพูดของนาง “รูปลักษณ์ของพระนัดดาช่างน่าหลงใหลเสียจริง” จากนั้นเขาก็พูดโดยไม่ตั้งใจว่า “พระนัดดาน่ารักมาก เขาดูไม่คล้ายกับองค์รัชทายาทมากนัก…”
สีหน้าของสนมไป่เปลี่ยนไปและน้ำเสียงของนางก็เย็นชา “ท่านซูโปรดระวัง คำพูดบางคำอาจส่งผลให้เกิดโทษประหาร”
“พระสนมเข้าใจผิดแล้ว สิ่งที่ข้าพูดคือพระนัดดาดูเหมือนพระมารดามากกว่า งดงามเหมือนพระสนมนั่นเอง” ซูอันเปลี่ยนคำพูดเป็นการยกย่อง
สนมไป่เอาทารกกลับจากเขา “ท่านซูมาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่? ข้าไม่คิดว่าท่านมาเพราะเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
“มีเรื่องที่ข้าอยากจะพูดจริง ๆ คดีของซินรุ่ยปิดได้แล้ว” ซูอันกล่าว “ซือจวิ้นแห่งประตูหวงใช้ตำแหน่งในทางที่ผิดหาทางเข้าใกล้ซินรุ่ยนางกำนัลคนสนิทของท่าน นางกำนัลธรรมดาจะมีโอกาสมีความสัมพันธ์กับนายน้อยผู้มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จอย่างซือจวิ้นได้ยังไง? ในที่สุดนางก็ติดกับดักของเขา น่าเสียดายที่นางไม่รู้ว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสมรู้ร่วมคิดครั้งใหญ่ว่า เขาเข้าหานางเพื่อใส่ร้ายองค์หญิงรัชทายาทและโยนความผิดให้ท่าน ทำให้พระชายาที่สำคัญที่สุดสองคนขององค์รัชทายาทถูกกำจัดไปพร้อมกัน”
สีหน้าของสนมไป่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ตระกูลซือนั้นชั่วร้ายจริง ๆ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าที่ไม่ให้ความสำคัญกับซินรุ่ย เลยไม่ทันสังเกตว่านางถูกคนหลอกใช้”
“อย่างนั้นเหรอ?” ซูอันหัวเราะเบา ๆ “สิ่งที่ข้าเพิ่งบอกท่านคือข้อสรุปคดีของตำหนักถักแพร อย่างไรก็ตาม ข้ามีความสงสัยที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง”
“ท่านหมายถึงอะไร?” สนมไป่ถามด้วยความงงงวย
ซูอันเดินไปที่ชิงช้าและนั่งลง เริ่มโยกไปมาเบา ๆ เหมือนที่นางเพิ่งทำ “ทุกคนเชื่อว่าซือจวิ้นจงใจเข้าหาซินรุ่ย และนั่นเป็นสิ่งที่ซือจวิ้นเองก็เชื่อ แต่เมื่อข้าดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็ค้นพบสิ่งที่น่าสนใจ คนที่ริเริ่มเข้าใกล้อีกฝ่ายก่อนไม่ใช่ซือจวิ้นแต่เป็นซินรุ่ย”
สนมไป่ขมวดคิ้ว “ท่านพยายามจะพูดอะไร? ซินรุ่ยปฏิบัติตามกฎอย่างถูกต้องเสมอมา นางจะไม่ทำอะไรแบบนี้เด็ดขาด”
“อย่างนั้นเหรอ?” รอยยิ้มของซูอันจางหายไปในขณะที่พูดต่อ “ข้าได้รับข้อมูลบางอย่างมา ทั้งสองเดินชนกันโดยบังเอิญ แต่ซินรุ่ยไม่ได้เป็นเหยื่อความประทับใจแรก ถ้าพิจารณาจากมุมที่ต่างออกไป เราจะพบว่าซินรุ่ยเป็นผู้ริเริ่มเข้าหาซือจวิ้นก่อน ทำให้เขาไล่ตามนาง ทุกอย่างเป็นฝีมือของซินรุ่ยทั้งหมด น่าเสียดายที่ซือจวิ้นคนโง่คิดเสมอว่าเขาเป็นคนพิเศษ และดีกับนางมากยิ่งขึ้นไปอีก”
สนมไป่พูดอย่างเฉยเมยว่า “สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง ข้าเข้าใจธรรมชาติของซินรุ่ยดี นางมีจิตใจดีเสมอมาและไม่มีวันทำแบบนั้นเด็ดขาด”
“พระสนมฟังข้าพูดให้จบ” ซูอันกล่าวต่อว่า “ข้าสับสนว่าเหตุใดผู้บงการพยายามอย่างมากเพื่อส่งซินรุ่ยออกจากวัง จะดีกว่าไหมถ้าจะปิดปากนางให้สนิทอย่างถาวร ข้ารู้ทันทีว่าต้องมีเหตุผลอื่น แต่ข้าแค่คิดไม่ออก จนกระทั่งข้าได้รับข้อมูลบางอย่างเมื่อไม่นานมานี้ ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าทำไมผู้บงการจึงต้องพยายามที่จะส่งซินรุ่ยออกจากวัง”
“ทำไม?” สนมไป่ถามอย่างสงสัย
“อันที่จริง ถ้าท่านลองคิดดู…” ซูอันต้องการพูดว่า ‘ข้า’ แต่นึกขึ้นได้ทันทีว่ากำลังจะเปิดเผยตัวเองในฐานะทูตยุทธ์เสื้อแพร จึงเปลี่ยนเป็น ‘ท่าน’ “ท่านสามารถเดาได้จากสิ่งหนึ่งหรือสองจากการกระทำของทูตยุทธ์เสื้อแพร หากซินรุ่ยเสียชีวิต พวกเขาจะเริ่มสืบหาความสัมพันธ์ของนางในวังว่านางพบใครก่อนเสียชีวิต และใครมีแรงจูงใจหรือมีโอกาสที่จะฆ่านาง ดังนั้นแม้แต่พระสนมไป่ก็ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้”
สนมไป่ยิ้ม “ใช่ เพราะซินรุ่ยเป็นนางกำนัลคนสนิทของข้า ข้าจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งหากนางตาย และแม้ว่านางจะออกจากวังหลวงไป ข้าก็ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ เพราะความสัมพันธ์ของข้ากับนาง”
ซูอันกล่าวต่อจากคำบอกเล่าของสนมไป่ “ผู้บงการฉลาดมากที่ใช้ความอ่อนแอตามธรรมชาติของมนุษย์ และยังคงอยู่ในสถานที่ที่น่าสงสัยที่สุดตั้งแต่แรก แต่คนอื่นกลับรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องง่ายเกินไป ต้องเป็นคนอื่นที่พยายามใส่ร้ายนาง ด้วยความคิดนี้ประกอบกับเงื่อนงำที่ปรากฏในภายหลัง ผู้คนจึงอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ‘ไม่น่าแปลกใจ’ จากนั้นพวกเขาจะสอบสวนผู้ต้องสงสัยคนอื่น แม้ว่าผู้บงการตัวจริงจะอยู่ใต้จมูกของพวกเขาก็ตาม”
สนมไป่ขมวดคิ้ว “ตัดสินจากสิ่งที่เจ้าพูด ดูเหมือนว่าผู้บงการที่เจ้าพูดถึงคือข้าใช่ไหม?”
ซูอันไม่ตอบคำถามและพูดต่อ “สิ่งที่เราเพิ่งพูดถึงคือ สิ่งที่จะเกิดขึ้นหากซินรุ่ยเสียชีวิต อย่างไรก็ตามซินรุ่ยได้ออกจากวังไป ดังนั้นทูตยุทธ์เสื้อแพรจะต้องตรวจสอบประตูวังเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน หากไม่มีบันทึก พวกเขาจะสงสัยผู้รับผิดชอบประตูเซวียนอู๋อย่างโอวอู่ก่อนใครเพื่อน”
“แต่เมื่อทูตยุทธ์เสื้อแพรกำลังจะสอบสวนโอวอู่ จู่ ๆ เขาก็หายตัวไปพร้อมกับภรรยาและลูก ในขณะที่คนดูแลประตูคือนายน้อยตระกูลมู่หรง ไม่ว่าจะเป็นโอวอู่หรือมู่หรงหลัว ทุกคนรู้ว่าทั้งสองเป็นคนของฝ่ายราชันลมปราณซึ่งมีแรงจูงใจเพียงพอ ดังนั้นทุกคนจึงลงความเห็นว่าผู้บงการคือราชันลมปราณ แม้แต่ผู้ที่สนับสนุนฝ่ายราชันลมปราณก็ยังเชื่อเช่นนั้น”
“นั่นหมายความว่าองค์จักรพรรดิจะต้องใช้โอกาสนี้จัดการกับราชันลมปราณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ราชันลมปราณจะรู้สึกว่าฝ่าบาทใช้อำนาจในทางที่ผิดมาใส่ร้ายเขา แน่นอนว่าเขาต้องตอบโต้ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น ความสมดุลระหว่างอำนาจทั้งสองจะพังทลายลง และทั้งอาณาจักรจะตกอยู่ในความโกลาหล ผู้ที่กวนน้ำให้ขุ่นในเงามืดก็จะฉวยโอกาสจากวิกฤตนี้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน”
ทันใดนั้น พระนัดดาก็ตื่นขึ้นและเริ่มร้องไห้ สนมไป่ทำให้เขาสงบลงอย่างรวดเร็วในขณะที่พูดกับซูอันว่า “ข้าไม่รู้ว่าท่านหมายถึงอะไรที่มาบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับข้า หรือท่านรู้สึกว่าข้าเป็นผู้บงการ? ข้ามีฐานะเป็นบาทบริจาริกาเช่นเดียวกับมารดาของพระนัดดา จะมีประโยชน์อะไรจากการก่อความวุ่นวายให้กับอาณาจักร?”
นางกำนัลกลับมาพร้อมชาร้อยดอกไม้แล้ว นอกจากนี้พี่เลี้ยงยังรีบมาเมื่อได้ยินพระนัดดาร้องไห้ ขณะที่ซูอันและสนมไป่ยังคงเงียบ ซูอันชิมชาร้อยดอกไม้อย่างใจเย็น กลิ่นหอมสดชื่นทำให้จิตใจปลอดโปร่งอย่างแท้จริง
สนมไป่ให้นางกำนัลและพี่เลี้ยงนำพระนัดดากลับไป เมื่อเหลือเพียงพวกสองคน นางพูดอย่างเย็นชา “ดูเหมือนวันนี้ท่านไม่กลัวว่าจะมียาพิษอยู่ในชา”
ซูอันพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่เชื่อว่าสนมไป่จะเป็นคนที่น่าดูถูกได้ขนาดนั้น นอกจากนี้องค์หญิงรัชทายาทไม่ได้อยู่ด้วยในเวลานี้ การทำให้ข้าหมดสติแสดงว่าท่านต้องการเริ่มเรื่องอื้อฉาวกับข้าเป็นการส่วนตัวไม่ใช่เหรอ?”
สนมไป่หายใจถี่ขึ้น “ท่านรู้ไหมว่าแค่คำพูดเหล่านี้ก็เพียงพอแล้วที่ข้าจะสั่งโบยท่านจนตาย”
ซูอันลดถ้วยชาลง “ท่านเป็นคนฉลาด ข้าไม่คิดว่าท่านจะทำในสิ่งที่ไม่ฉลาดเช่นนั้น”
……….