เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1122 แผนต่อต้าน
บทที่ 1122 แผนต่อต้าน
……….
บทที่ 1122 แผนต่อต้าน
สนมไป่ยังคงโยกชิงช้าไปมาขณะฟังซูอัน รอยยิ้มงดงามผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อนางฟังเขาจบ “เป็นการหักมุมที่น่าสนใจทีเดียว แต่ข้ายังยืนยันคำพูดเดิม นี่คือการคาดเดาของเจ้า ไม่มีหลักฐานใด ๆ และสำหรับโอวอู่ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่เมื่อพิจารณาจากสิ่งต่าง ๆ ในปัจจุบันแล้ว โอกาสที่เจ้าจะพบเขาคงไม่สูงนัก”
“ตัดสินจากน้ำเสียงของท่าน ข้าคิดว่าศพของโอวอู่คงถูกทำลายไปแล้ว” ซูอันหัวเราะเบา ๆ “แต่การที่ข้าจะพบโอวอู่หรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ข้ายังมีหลักฐานอื่นอีก”
“เจ้ากำลังพูดถึงซินรุ่ยงั้นเหรอ?” สนมไป่แกว่งขาเหวี่ยงชิงช้า แสดงถึงอารมณ์ที่ดีของนาง “เนื่องจากนางหนีไปนานแล้ว ข้าเชื่อว่าท่านซูคงตามหานางไม่พบ”
“สนมโปรดอย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป” ซูอันมองชุดที่พลิ้วไหวของนางในขณะที่พูดว่า “ท่านอย่าลืมว่ายังมีอีกคนหนึ่ง ข้าเชื่อว่าอ๋องอู๋และคนอื่นยังไม่มีเวลาออกจากเมืองหลวง ตราบใดที่ข้าจับกุมพวกเขาและซักถามสักเล็กน้อย ความจริงก็จะถูกเปิดเผยโดยเร็ว”
รอยยิ้มของสนมไป่ค้างบนใบหน้า นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้น “หึ แม้ว่าอ๋องอู๋จะอยู่ที่นี่ แต่เขาก็ยังเป็นถึงอ๋อง คนอย่างเขาจะถูกจับเพียงเพราะเจ้าพูดหรือถูกสอบสวนตามคำสั่งของเจ้าได้ยังไง?”
“ดูเหมือนว่าสนมไป่จะค่อนข้างมั่นใจในอ๋องอู๋” ซูอันกล่าว “ข้าไม่แนะนำให้ประเมินคนผู้นี้ที่คาบช้อนทองมาเกิดสูงเกินไป เขาไม่เคยประสบกับความพ่ายแพ้มากนัก ตราบเท่าที่ฝ่าบาทมีรับสั่ง ทูตยุทธ์เสื้อแพรสามารถทำให้เขาพูดได้อย่างง่ายดาย ท้ายที่สุดแล้วการที่อ๋องรัฐข้าราชบริพารเข้ามาในเมืองหลวงถือเป็นความผิดอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นท่านจะหวังอะไร? คิดว่าอ๋องอู๋จะพูดเพื่อบรรเทาความผิดและปกป้องตัวเองหรือไม่?”
แน่นอนว่าสีหน้าของไป่โหรวเซวี่ยเปลี่ยนไป นางเงียบลงและแม้แต่ชิงช้าก็หยุดเคลื่อนไหว หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดนางก็พูดอีกครั้ง “ทำไมเจ้ามาบอกเรื่องนี้กับข้า เป็นการเยาะเย้ยข้าเหรอ? แล้วในกรณีที่ข้ายอมจำนน เจ้าจะจับข้าเหรอ?” นางมองไปรอบ ๆ ขณะพูดดูว่ามีใครอยู่ใกล้ ๆ หรือไม่
ซูอันพูดอย่างเคร่งขรึม “มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้าอยากจะถามท่าน อ๋องอู๋ต้องการให้ข้าตายอย่างแน่นอน แล้วทำไมท่านถึงปล่อยให้ข้ากลับไปในตอนนั้น? ท้ายที่สุดท่านสามารถเลือกได้ว่าจะปล่อยองค์หญิงรัชทายาทไปและให้เจ้าหน้าที่จับตัวข้าไป นั่นจะบรรลุวัตถุประสงค์ของท่านเช่นกัน”
“อย่างน้อยเจ้าก็จำได้ว่าวันนั้นข้าปล่อยเจ้าไป” สนมไป่ไม่พอใจ นางลงจากชิงช้าและเดินไปที่ด้านข้างของซูอัน “และในทางกลับกัน สิ่งที่ข้าได้รับคือเจ้ากดดันข้าครั้งแล้วครั้งเล่า”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่น่าสงสารของนาง “ใช้น้ำเสียงแบบนี้ เป็นไปได้ไหมว่าท่านคิดที่จะยั่วยวนข้า?”
“ถ้าข้าพยายามยั่วยวนเจ้าจริง ๆ เจ้าจะชอบไหมล่ะ?” สนมไป่ดึงดอกไม้สีขาวดอกเล็กออกจากมวยผมของนาง เส้นผมยาวสลวยไหลลื่นออกมาราวกับม่านน้ำตก นางดูเหมือนไม่ใช่มารดาของทารกอีกต่อไป แต่เหมือนหญิงสาวเยาว์วัยที่งดงามแทน
ซูอันใจเต้นแรงเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมร้อยดอกไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ของนาง ผู้หญิงคนนี้ตัวหอมเกินไปแล้ว! มันจะวิเศษแค่ไหนถ้ามีผู้หญิงแบบนี้อยู่ในอ้อมแขน? รัชทายาททำบุญอะไรมาในชีวิตที่แล้วจึงได้ผู้หญิงคนนี้มาให้กำเนิดลูกของตัวเอง?
ทันใดนั้น สนมไป่ที่ดูบอบบางและอ่อนแอก็จู่โจมทันที นางพุ่งเข้าหาจุดสำคัญบนหน้าอกของซูอันด้วยเล็บที่แวววาว
ซูอันยิ้มและพูดว่า “ข้ากำลังรอให้ท่านทำแบบนี้”
เขาไม่ใช่ผู้ชายที่จะหลงหัวปักหัวปำและลดความระมัดระวังตัวต่อหน้าผู้หญิงอย่างแน่นอน ซูอันยกมือขึ้นและกดที่ข้อมือของสนมไป่ปิดกั้นการโจมตีที่คุกคามของนาง สนมไป่ไม่สะทกสะท้าน มืออีกข้างของนางพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว
ซูอันตกใจ แขนของสนมไป่ดูเรียวยาว แต่จริง ๆ แล้วมันมีพลังโจมตีที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้? ผู้หญิงคนนี้อยู่ระดับแปดเหรอ? เป็นไปได้อย่างไร!?
ท้ายที่สุด ฉู่ชูเหยียนและเพ่ยเหมียนหมานเป็นอัจฉริยะในการบ่มเพาะที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน แต่ก่อนที่พวกนางจะพบกับซูอัน พวกนางเคยอยู่ในระดับหกเท่านั้น ความจริงที่ว่าชูเหยียนมาถึงระดับเจ็ดนั้นเป็นเพราะความช่วยเหลือของซูอัน ถึงอย่างนั้นแม้ว่าสนมไป่จะอายุมากกว่าพวกนางไม่มาก แต่แท้จริงแล้วการบ่มเพาะของนางมาถึงระดับแปดแล้ว?
เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่านี่คือโลกแห่งการบ่มเพาะ เขาไม่สามารถตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกได้ เช่นเดียวกับจักรพรรดินีที่แม้จะแก่กว่าซูอันมาก แต่ร่างกายทุกส่วนของนางให้ความรู้สึกไม่ต่างจากหญิงสาว นี่คือสิ่งที่ซูอันได้รับประสบการณ์เป็นการส่วนตัว
นี่เป็นสถานการณ์ที่คล้ายกัน แม้ว่านางสนมไป่จะดูยังเด็ก แต่นางก็แก่กว่าชูเหยียนและผู้หญิงคนอื่นของเขามาก
จิ๊ ๆ ข้าสงสัยว่ามีใครในวังหลวงรู้อายุที่แท้จริงของนางไหม? รัชทายาท ไม่รู้แน่ล่ะ แล้วจักรพรรดิล่ะ? เขารู้หรือไม่? ซูอันคิดนั่นนี่ไปเรื่อย แต่มือของเขาไม่ได้ช้าลง ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างรวดเร็วยี่สิบถึงสามสิบกระบวนท่า
สนมไป่ก็ตกใจเช่นกัน นางมองซูอันว่ามีฝีมือในระดับหนึ่งแล้ว แต่ดูเหมือนว่านางยังคงประเมินเขาต่ำเกินไป ในท้ายที่สุด ถ้านางรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ นางคงจะ…
นางกัดริมฝีปาก การโจมตีของนางรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้งคู่ไม่ต้องการให้จักรพรรดิรู้ตัวจึงถอยออกมาเล็กน้อยและควบคุมพลังในระยะประชิด
ซูอันสังเกตเห็นว่ามีกลีบดอกไม้โปรยปรายอยู่รอบตัวเขา เมื่อเขาพยายามมองลอดออกไปก็มองไม่เห็นสถานการณ์ภายนอกเลย นี่อาจเป็นวิธีของสนมไป่ในการปิดกั้นสายตาของนางกำนัลและพี่เลี้ยงไม่ให้พวกนั้นเห็นอะไรได้
เขาหัวเราะเบา ๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงข้อจำกัดของนาง “เราจะต่อสู้กันและกดดันกันต่อหรือไม่? นี่เป็นความสามารถพิเศษของข้าเลยนะรู้ไหม?” ในขณะที่พูด เขาใช้วิชาพลิ้วไหวไหลพัวพันของเพ่ยเหมียนหมานในการล็อกแขนของสนมไป่
ซูอันดึงสนมไป่มาหาด้วยแรงมหาศาล เขาตรวจดูความงามของหญิงสาวขณะที่นางพยายามดิ้นรน ผิวของนางละเอียดและขาวผ่องราวกับหิมะ ไม่พบตำหนิเลยแม้แต่นิดเดียว “ท่านคงจนตรอกแล้วใช่ไหม?” ซูอันถาม เขาต้องการคุยกับนางดี ๆ
ทันใดนั้น สนมไป่เผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และถามว่า “อย่างนั้นเหรอ?” ทันใดนั้น หมอกสีชมพูก็พ่นออกจากปากของนางและโดนใบหน้าของซูอัน ในระยะประชิดเช่นนี้ แม้ว่าซูอันจะกลั้นหายใจในทันที แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะหายใจเข้าไปบางส่วน!
……….