เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1125 พี่สาวของข้า
บทที่ 1125 พี่สาวของข้า
ซูอันหัวเราะ “พูดตามตรง ข้าชื่นชมวิธีการของสำนักมารจริง ๆ! พวกเขาไม่เพียงแต่จัดให้เจ้าอยู่ในตำแหน่งที่สูงเท่านั้น แต่เจ้ายังเป็นแม่ของหลานชายจักรพรรดิอีกด้วย นั่นหมายความว่าเมื่อพระนัดดาขึ้นสู่บัลลังก์ การกลับมาของสำนักมารก็จะหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“แล้วไง? เจ้าจะเปิดโปงเราเหรอ” สนมไป่เย้ยหยัน “แต่อย่าลืมว่าเราลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่! ถ้าข้าถูกจับ เจ้าก็จะหนีไปไหนไม่ได้เช่นกัน”
“ทำไมต้องจริงจังขนาดนี้” ซูอันหัวเราะ “ด้วยความสัมพันธ์ของข้ากับอวิ้นเจียนเยว่และชิวฮัวเล่ย ข้าจะเปิดโปงเจ้าได้ยังไง?”
สนมไป่พูดด้วยความโกรธว่า “ในที่สุดเจ้าก็จำเจ้าสำนักและฮัวเล่ยได้แล้ว! ก่อนหน้านี้เจ้าทำกับข้าแบบนั้นได้ยังไง?”
ซูอันโบกมือแล้วตอบว่า “เจ้าเห็นทุกอย่างแล้ว และทั้งหมดที่ข้าทำก็แค่เชยคางของเจ้า คงไม่คิดว่าข้าทำอะไรเกินเลยไปหรอกใช่ไหม?”
ไป่โหรวเซวี่ยคิดกับตัวเองว่า แล้วนี่เจ้าจะล้างแค้นข้าจริง ๆ เหรอ? นางหงุดหงิดมาก จึงหันหน้ามองไปทางอื่นและไม่สนใจเขา
ซูอันกล่าวว่า “เอาล่ะ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสำนักมาร ข้าจะไม่บังคับถ้าเจ้าไม่เต็มใจที่จะพูดถึงมัน แต่ข้ามีคำถามสุดท้าย ทำไมเจ้าถึงสมรู้ร่วมคิดกับอ๋องอู๋? เจ้าสองคนไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แล้วเจ้าไปติดต่อเขาได้ยังไง?”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สนมไป่ก็พูดว่า “ที่ผ่านมาเราเคยติดต่อกันบ้าง”
“เจ้าพยายามจะพูดอะไร?” ไป่โหรวเซวี่ยขมวดคิ้ว ดูเหมือนนางจะรู้สึกถึงความหมายบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของซูอัน
ซูอันกล่าวว่า “สิ่งที่เจ้าทำคืออาชญากรรมที่มีโทษประหารล้างชั่วโคตร ใครจะกล้าร่วมมือกันด้วยมิตรภาพธรรมดา ๆ แบบนี้”
สนมไป่พูดอย่างเฉยเมยว่า “ไม่มีอะไรลึกซึ้งระหว่างข้ากับอ๋องอู๋ ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าสาบานได้”
ซูอันส่ายหัว “เจ้าอาจไม่สนิทกับอ๋องอู๋ แต่ความสัมพันธ์ของเจ้ากับฮูหยินอู๋นั้นไม่ธรรมดา ถ้าความสงสัยของข้าไม่ผิด ฮูหยินอู๋เป็นน้องสาวของเจ้าสำนักมารใช่ไหม?”
ดวงตาของไป่โหรวเซวี่ยหรี่ลงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ อัตราการเต้นของหัวใจของนางเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม นางตอบสนองอย่างรวดเร็วและพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดอะไร ได้แต่ประทับใจในจินตนาการของเจ้า”
“อย่างนั้นเหรอ?” ซูอันหัวเราะ “แต่ปฏิกิริยาของเจ้าตอนนี้กำลังบอกความจริงกับข้า” สนมไป่ยังคงเงียบ
ซูอันกล่าวต่อว่า “เจ้าเป็นสายลับที่ลึกลับที่สุดที่สำนักมารได้วางตัวไว้ในพระราชวัง แม้ว่าข้าจะเคยช่วยชีวิตเจ้าสำนักมารอวิ้นเจียนเยว่ไว้ แต่นางก็ปฏิเสธที่จะบอกข้าเกี่ยวกับเจ้า นั่นหมายความว่าในสำนักมารทั้งหมดแล้ว สถานะของเจ้าอาจอยู่ในสองหรือสามอันดับแรก
“ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเจ้ากล้าเปิดเผยการดำรงอยู่ของตนต่ออ๋องอู๋ได้ยังไง? ไม่ว่าอ๋องอู๋จะทำงานร่วมกับสำนักมารอย่างใกล้ชิดเพียงใด เขาก็ยังคงเป็นพระญาติกับจักรพรรดิ คนของเจ้าจะไม่ไว้วางใจเขาอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ อ๋องอู๋ปรารถนาในราชบัลลังก์ ดังนั้นเขาจึงเป็นคู่ต่อสู้ของพระนัดดาโดยธรรมชาติ ไม่มีทางที่เจ้าจะยอมให้อ๋องอู๋มีอำนาจมากขนาดนั้น”
“แต่พันธมิตรระหว่างพวกเจ้ายังคงอยู่ ดังนั้นจึงน่าจะมีคนกลางคอยประสาน นอกจากนี้ ระดับการมีส่วนร่วมของฮูหยินอู๋ในเรื่องนี้ค่อนข้างสูงมาก นางรู้เรื่องของตระกูลซือ แต่ตระกูลซือไม่รู้เรื่องของนาง นั่นเป็นเหตุผลที่นางควรเป็นคนกลางที่ว่านั่น
“ในขณะเดียวกัน อวิ้นเจียนเยว่และฮูหยินอู๋ต่างก็บังเอิญมีแซ่อวิ้น และอวิ๋นซึ่งต่างกันแค่การออกเสียง ด้วยความบังเอิญมากมายเหล่านี้ ข้ากลัวว่ามันจะไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป”
ซูอันเริ่มรู้สึกเสียใจบ้าง นี่เป็นความคิดที่เพิ่งปรากฏขึ้นในขณะที่พูดคุยกับสนมไป่ ก่อนหน้านี้เขาได้แต่สงสัยว่านางอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับสำนักมาร ถ้าเขารู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกอาจจะได้ข้อมูลที่ดีกว่าหากถามอวิ๋นอวี้ชิงโดยตรง
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สนมไป่ก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ข้าจะไม่ห้ามเจ้าจินตนาการ แต่ลืมไปได้เลยว่าจะได้หลักฐานใด ๆ จากข้า”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเย้ยหยัน “พวกเจ้าสำนักมารไม่รู้จักบุญคุณกันเลย ข้าเคยช่วยพวกเจ้าให้รอดพ้นจากสถานการณ์ความเป็นความตายมากมาย แต่เจ้ากลับไม่เคยบอกความจริงกับข้า ตรงกันข้ามกับองค์หญิงรัชทายาท ภายนอกนางอาจจะดุข้าบ่อยไปหน่อย แต่จริง ๆ แล้วนางค่อนข้างดีกับข้า ข้ารู้สึกว่าอาจจะต้องประเมินใหม่จริง ๆ ว่าควรจะพึ่งพาฝ่ายไหน”
สนมไป่รู้สึกประหม่า “ฮึ่ม! เหตุผลที่องค์หญิงรัชทายาทดีกับเจ้ามากไม่ใช่เพราะข้าเป็นคนผลักดันให้เจ้าสองคนสนิทสนมกันเหรอ? ลืมไปแล้วหรือไง?”
“เราทุกคนล้วนโต ๆ กันแล้ว” ซูอันกระดิกนิ้วของเขา “ข้าสนใจแต่ผลประโยชน์ที่จับต้องได้เท่านั้น”
ไป่โหรวเซวี่ยนั่งลงบนชิงช้า ทันใดนั้น นางก็ยิ้มหวานและตบที่นั่งข้าง ๆ “อยากนั่งกับข้าไหม?”
ซูอันถามด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ “ตอนนี้เจ้ากำลังล่อลวงข้าอยู่หรือเปล่า?”
“เหตุผลที่เจ้ารู้สึกว่าองค์หญิงรัชทายาทดีกว่า… ไม่ใช่เพราะยังจดจำร่างกายของนางที่เจ้าเคยสัมผัสเหรอ?” ทันใดนั้น เสน่ห์เล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ไร้เดียงสาของสนมไป่ “อะไรก็ตามที่องค์หญิงรัชทายาทให้เจ้า ข้าก็จะให้สิ่งนั้นแก่เจ้าเช่นกัน”
“ทำไมจะไม่อยากล่ะ?” ซูอันไม่ได้อธิบายอะไรและนั่งลงข้าง ๆ นาง
ไป่โหรวเซวี่ยตกตะลึง นางไม่คาดคิดว่าเขาจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว ตรงกันข้ามตอนนี้ นางรู้สึกงุนงงเล็กน้อยว่าจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร ปกติแล้ว อย่างน้อยเขาควรจะปฏิเสธข้อเสนอแรกไม่ใช่เหรอ? จากนั้นนางก็จะยั่วยวนเขาต่อไป และทำให้เขาอยู่ในอุ้งมือ แต่ตอนนี้ นางไม่รู้จะเล่นเกมนี้ต่อไปอย่างไรแล้ว!
แม้ว่าบนชิงช้าจะมีที่ว่างมากเพียงพอสำหรับหนึ่งคน แต่คนสองคนนั่งบนชิงช้าตัวเดียวกันย่อมทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย โดยเฉพาะในกรณีที่ชายผู้นี้โอบแขนรอบเอวนางราวกับสนิทสนมกันอย่างยิ่ง!
ในชั่วขณะนั้น นางรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้เชิญชวนหมาป่าตรงเข้ามาในบ้าน นางพูดด้วยความรำคาญว่า “พี่ซู ได้โปรดอย่าแตะต้องข้าอีกเลย ทำไมเราไม่คุยกันดี ๆ ล่ะ?”
“เจ้าคิดว่าเราจะคุยกันได้ในสถานการณ์แบบนี้เหรอ?” ซูอันถามด้วยรอยยิ้ม
สนมไป่ตกตะลึง สายตาของนางเลื่อนไปที่มือของเขา ข้าจะคุยได้อย่างไรในเมื่อข้ารู้สึกหวั่นไหวเพราะเจ้าแตะโน่นแตะนี่ไปเรื่อย?!
ซูอันกล่าวว่า “คนจากสำนักมารล้วนแล้วแต่ชอบโกหกจริง ๆ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าสามารถให้ทุกอย่างที่องค์หญิงรัชทายาทให้ข้าได้ แต่ตอนนี้เจ้าก็กลับคำแล้ว”
สนมไป่มีสีหน้าบูดบึ้งขณะที่กล่าวว่า “อย่าบอกนะว่าองค์หญิงรัชทายาทปล่อยให้เจ้าแตะต้องตัวนางไปทั่วแบบนี้?!”
ซูอันพูดว่า “ก็อย่างนั้นแหละ อย่างน้อยก็ตอนที่เราเปลือยกาย”
ในที่สุด ไป่โหรวเซวี่ยก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางพยายามดิ้นให้หลุดจากชิงช้าและพูดว่า “ก็ได้ ข้ากลัวเจ้าแล้ว ถ้าพี่สาวของข้ารู้ว่าเจ้าปฏิบัติต่อข้ายังไง นางตบเจ้าตายแน่ ๆ”
“พี่สาว?” ซูอันถามอย่างสับสนเล็กน้อย
สนมไป่ไม่พอใจ “ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังแล้ว เจ้าสำนักคือพี่สาวของข้า แต่ข้าถูกส่งเข้าวังตั้งแต่อายุยังน้อย”
……….