เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1126 ความสุขสุดขีดกลายเป็นความเศร้า
บทที่ 1126 ความสุขสุดขีดกลายเป็นความเศร้า
ซูอันรู้สึกประหลาดใจมาก “พวกเจ้ารอดพ้นหูตาของจักรพรรดิได้ยังไง? ประมาทจริง ๆ ที่ปล่อยให้สมาชิกสำนักมารระดับสูงอยู่เคียงข้างมานานขนาดนี้”
ไป่โหรวเซวี่ยพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “พี่สาวของข้าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก นอกจากนี้จักรพรรดิไม่ใช่เทพเจ้า เขาจะรู้ทุกอย่างได้ยังไง?”
ซูอันพยักหน้าด้วยความเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้ง ถ้าผู้ชายคนนั้นรู้ไปทุกอย่าง เขาคงรู้ไปแล้วว่าจักรพรรดินีถูกซูอันน้อยพิชิตไปแล้วก่อนหน้านี้
เขาไม่ได้โต้เถียงต่อและถามแทนว่า “ว่าแต่ ผู้เบิกเท็จคนนั้นก็เป็นคนของเจ้าด้วยหรือเปล่า? หรือว่าเขามีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับสำนักมาร?” ผู้เบิกเท็จคนนั้นเคยช่วยเขามาก่อน เขาสับสนมาโดยตลอดและไม่สามารถหยุดคิดเกี่ยวกับมันได้
“เจ้าบอกว่าเมื่อครู่เป็นคำถามสุดท้ายไม่ใช่เหรอ?” สนมไป่ไม่พอใจ “ก็แค่ผู้ชายที่กลับคำ”
“ข้าเรียนรู้มันจากเจ้า” ดวงตาของซูอันเลื่อนไปที่เอวคอดของนาง
ใบหน้าของไป่โหรวเซวี่ยแดงระเรื่อ นางรู้ว่าเขาหมายถึงวิธีที่นางล่อลวงตัวเอง แต่ก็ยังยอมแพ้กลางคัน “ก็ได้ ถึงข้าจะบอกเจ้าก็ไม่เป็นไร ผู้เบิกเท็จไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักศักดิ์สิทธิ์ของเรา ถ้าเขาเป็นพวกของเรา แค่เขาและเจ้าสำนักก็เพียงพอที่จะลากจักรพรรดิลงมาได้ ทำไมเราต้องมาเจอปัญหามากมายขนาดนี้”
ซูอันตกใจมาก “ผู้เบิกเท็จมีพลังขนาดนั้นเลยเหรอ?”
สนมไป่พยักหน้า “ผู้เบิกเท็จเป็นคนลึกลับที่มักจะไม่สนใจเรื่องการเมือง อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถละเลยการดำรงอยู่ของเขาได้ ผู้บ่มเพาะสามอันดับแรกที่ได้รับการยอมรับอย่างเปิดเผย ได้แก่ จักรพรรดิ ราชันลมปราณ และผู้เบิกเท็จ”
“ทุกคนในโลกเชื่อว่าราชันลมปราณที่เป็นผู้บ่มเพาะอันดับสองคงอ่อนแอกว่าฝ่าบาทไม่มากนัก แต่จากการสังเกตของข้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้เบิกเท็จน่าจะเป็นอันดับที่สองอย่างแท้จริง ท้ายที่สุดแล้ว ศิษย์ทุกคนที่เขาเลี้ยงดูก็บรรลุถึงระดับปรมาจารย์ รวมทั้งผู้บ่มเพาะระดับแปดและเก้าอีกมากมาย”
ดวงตาของซูอันเบิกกว้าง แม้แต่ลูกศิษย์ก็เป็นปรมาจารย์! เขาถามว่า “ผู้เบิกเท็จมีศิษย์กี่คน?”
ไป่โหรวเซวี่ยมองดูซูอัน เห็นได้ชัดว่าตกใจมากที่เขาไม่รู้ข้อมูลพื้นฐานดังกล่าว “นักศึกษาทุกคนในสถาบันหลวงสามารถถือเป็นศิษย์ของผู้เบิกเท็จได้ แต่คนส่วนใหญ่ยอมรับเพียงผู้บ่มเพาะสิบสองคนเท่านั้นที่เป็นศิษย์สายตรงของผู้เบิกเท็จ”
ซูอันมีสีหน้าครุ่นคิด ดูเหมือนว่าข้าจะต้องไปเยี่ยมสถาบันหลวงเพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้ ทันใดนั้น เขานึกถึงบางอย่างขึ้นมาและถามว่า “มีคนพยายามกำจัดข้าตอนที่อยู่ในคุกหลวง เป็นคนของเจ้าหรือเปล่า?”
สนมไป่ตกตะลึง “ทำไมเราต้องทำอย่างนั้นด้วย? หากทำอย่างนั้นจริง ๆ ลืมฮัวเล่ยไปได้เลย แม้แต่เจ้าสำนักก็ไม่ยอมปล่อยข้าไปแน่”
ซูอันยิ้ม “ดีแล้ว ต่อไปข้าหวังว่าเราจะได้ช่วยเหลือกันมากขึ้นในพระราชวังแห่งนี้”
ไป่โหรวเซวี่ยไม่พอใจ “ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะไม่มาที่วังร้อยดอกไม้นี้อีกต่อไป” นางคงรับไม่ได้จริง ๆ ถ้าชายคนนี้มายั่วยุนางทุกครั้ง
สีหน้าของสนมไป่เปลี่ยนไป แม้ว่าภายนอกจะดูเป็นมิตรกับองค์หญิงรัชทายาท แต่ทุกคนรู้ว่าพวกนางเกลียดขี้หน้ากันมากแค่ไหน ถ้าซูอันเริ่มเอนเอียงไปทางองค์หญิงรัชทายาทจริง ๆ นางคงจะปวดหัวมาก ท้ายที่สุด เมื่อพิจารณาจากการโต้ตอบก่อนหน้านี้ นางสามารถบอกได้ว่าความสามารถและโชคของชายคนนี้เป็นเลิศทั้งคู่
นางถามว่า “เจ้าจะมองหน้าเจ้าสำนักและฮัวเล่ยได้ยังไงถ้าเจ้ายังทำเช่นนี้อยู่? คนหนึ่งชื่นชอบเจ้า ส่วนอีกคนก็รักเจ้ามาก”
ซูอันถอนหายใจ “มันเป็นความผิดของสำนักมารที่มีผู้หญิงสวยและชอบโกหกอยู่มากมาย พวกเจ้าใช้วิธีผิวเผินเพื่อควบคุมข้า แต่ก็ไม่เคยลงทุนอะไรเลยตั้งแต่เริ่มต้น ข้าถูกหลอกลวงโดยสิ้นเชิง” ซูอันพูดอย่างมืดมน “และเจ้าก็แย่ที่สุดในทั้งหมด”
“แต่อย่างน้อยเจ้าควรจะสัมผัสได้ว่าความรู้สึกของฮัวเล่ยนั้นเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?” สนมไป่กัดฟันแน่น ชายคนนี้รับมือยากจริง ๆ
ซูอันตอบอย่างเฉยเมยว่า “ใครจะรู้? เพราะนางไม่ได้มอบกายให้ข้าจริง ๆ ใครจะไปรู้ว่าทักษะโง่ ๆ ของเจ้ามีกฎเกี่ยวกับความบริสุทธิ์หรืออะไรทำนองนั้น? บางทีพวกเจ้าอาจจะรวมหัวกันหลอกข้าก็ได้” เห็นได้ชัดว่าเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกจริงใจของชิวฮัวเล่ย แต่เขาคงไม่โง่ถึงขนาดที่จะพูดแบบนั้นกับสนมไป่
“แน่นอนว่านางไม่สามารถสูญเสียพรหมจรรย์ได้หากบ่มเพาะหลุมพรางมารสวรรค์ แม้แต่ข้า…” ไป่โหรวเซวี่ยหยุดกลางคันและทำหน้าบึ้ง นางเกือบจะตกเป็นเหยื่อของชายคนนี้ นางรีบเปลี่ยนหัวข้อ “แต่ตราบใดที่เจ้าไม่กลัวว่าองค์หญิงรัชทายาทจะไม่พอใจ เจ้าก็สามารถมาที่นี่ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ เรายินดีต้อนรับเจ้าเสมอ”
“ขอบคุณมาก ถ้างั้นข้าขอตัวก่อน” ซูอันบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ไม่ว่าเขาจะเอนเอียงไปทางสำนักมารหรือฝ่ายองค์หญิงรัชทายาท ทางเลือกทั้งสองก็ไม่ใช่วิธีที่ฉลาด มีเพียงคาบเกี่ยวอยู่ตรงกลางอย่างในสถานการณ์ปัจจุบันเท่านั้นที่เขาจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด
สนมไป่กัดฟันแน่น นางคิดกับตัวเองว่า มีชายคนไหนกล้าแตะต้องตัวข้าได้ตามอำเภอใจเหมือนเจ้า? ทว่าเมื่อเห็นนางกำนัลเดินผ่านมา นางพูดอะไรไม่ออกจริง ๆ ไป่โหรวเซวี่ยโปรยกลีบดอกไม้โดยรอบและพูดว่า “ท่านซู ได้โปรดจากไปด้วยดี ข้าไม่ส่งแล้ว”
…
เมื่อซูอันออกจากวังร้อยดอกไม้ เขามุ่งตรงไปที่บ้าน องค์หญิงรัชทายาทให้เวลาเขาพักผ่อน ส่วนคดีของทูตยุทธ์เสื้อแพรก็ถูกส่งมอบให้กับจูเซี่ยฉือซิน เขามีความสุขที่มีเวลาว่างหลังจากวิ่งวุ่นมาหลายวันแล้ว
ข้อมูลที่ได้รับจากวังร้อยดอกไม้นั้นมีประโยชน์อย่างยิ่ง คำถามมากมายที่เขามีได้รับคำตอบอย่างสมบูรณ์แล้ว นอกจากนี้เขายังได้เป็นพันธมิตรกับสนมไป่อีกด้วย
ร่างกายของสนมไป่ช่างหอมยิ่งนัก… เขายังคงคิดเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ตลอดทางและไปถึงบ้านโดยไม่รู้ตัว ผู้คนมากมายคอยต้อนรับเขาเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู
“อาซู!”
“พี่เขย!”
“พี่ซู!”
อารมณ์ของซูอันสดใสขึ้น พวกนางคือ ฉู่ชูเหยียน ฉู่โหยวเจา และมู่หรงชิงเหอ
“เราเพิ่งได้รับข่าวว่าเจ้าถูกโจมตี! เจ้าได้รับบาดเจ็บไหม?” แม้ว่าพวกนางจะเห็นซูอันเป็นปกติดี แต่ฉู่ชูเหยียนก็ยังคงตรวจสอบร่างกายของเขาต่อไป
“ข้าสบายดี ข้าดูไม่ปกติดีเหรอ?” ซูอันรู้สึกอบอุ่นในใจ ยังคงเป็นภรรยาที่รักใคร่ในตัวเขามากที่สุด ผู้หญิงคนอื่น ๆ ล้วนดุร้ายไม่ก็หลอกลวงทั้งสิ้น
มู่หรงชิงเหอกล่าวว่า “ข้าได้ยินข่าวจากเรือนจำว่ากำลังตรวจสอบค่ายทหารทั้งหมดในเขตชานเมือง ข้าได้ยินมาว่ามีการใช้หน้าไม้มหากาฬในการโจมตี และมีร่องรอยของคนโดนทำร้ายด้วย…”
“หน้าไม้มหากาฬ?!” ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนซีดเผือด นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหน้าไม้มหากาฬนั้นทรงพลังเพียงใด? “เจ้าบาดเจ็บตรงไหน? รีบบอกมา!”
ซูอันรู้สึกอบอุ่นมากขึ้นเมื่อเห็นฉู่ชูเหยียนน้ำตาคลอ เขากล่าวว่า “อย่ากังวล ข้าหลบได้ทันเวลา ดังนั้นมันจึงเฉียดตัวข้าไปเท่านั้น ได้รับบาดเจ็บบ้างนิดหน่อย ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”
เขาไม่ต้องการบอกพวกนางว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น เพราะไม่ต้องการทำให้ชูเหยียนต้องกังวล นอกจากนี้ เด็กเหลือขอของตระกูลมู่หรงยังอยู่ที่นี่ หากข่าวแพร่ออกไป ทุกคนจะรู้ว่าเขาฟื้นตัวได้เร็วเพียงใดหลังจากโดนหน้าไม้มหากาฬโจมตี นั่นจะทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยในร่างกายของเขาได้
ฉู่ชูเหยียนยังคงไม่มั่นใจ นางรีบถอดเสื้อผ้าของเขาออกแล้วพูดว่า “ขอข้าดูหน่อย”
ใบหน้าของมู่หรงชิงเหอแดงก่ำ นางหันไปทางอื่นด้วยความลำบากใจ ใครจะไปคิดว่าแม้ว่าซูอันจะดูผอมจากภายนอก แต่จริง ๆ แล้วเขาแข็งแกร่งกำยำมาก!
ฉู่โหยวเจากลับตรงกันข้าม นางจ้องไปที่ร่างของซูอันอย่างเขินอาย แก้มทั้งสองแดงระเรื่อ แต่นางก็ไม่อยากละสายตาไป
ในที่สุด เมื่อแน่ใจแล้วว่าซูอันไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสใด ๆ ฉู่ชูเหยียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวว่า “ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา…”
จู่ ๆ ฉู่โหยวเจาก็ถามขึ้นว่า “พี่เขย ทำไมตัวหอมจัง?”
มู่หรงชิงเหอทำจมูกฟุดฟิด “หอมจริง ๆ ด้วย ข้าไม่เคยได้กลิ่นหอมแบบนี้มาก่อนเลย”
ฉู่ชูเหยียนจ้องหน้าเขาด้วยแววตาอันตราย นางยิ้มอย่างคลุมเครือ “ถ้าข้าเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็นกลิ่นของผู้หญิงคนอื่น…”
……….