เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1127 คู่สามีภรรยาที่ไม่ปิดบัง
บทที่ 1127 คู่สามีภรรยาที่ไม่ปิดบัง
ซูอันรู้สึกขนลุกเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ครั้งนี้เขาประมาทเกินไปจริง ๆ! เมื่อครู่เขาเพิ่งชื่นชมกลิ่นหอมของสนมไป่ แต่เวลาผ่านไปไม่เท่าไรเขากลับถูกฟ้าดินลงโทษเพราะกลิ่นนี้!
ทว่าเขาผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นจึงตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาพูดพร้อมกับถอนหายใจทันที “ข้าคิดว่ามันเป็นกลิ่นหอมของเจียซืออี๋ ผู้บ่มเพาะชายแดนใต้คนนั้น ทักษะของผู้คุมวิญญาณอย่างนางยากที่จะรับมือ ข้าเกือบถูกภาพลวงตาของนางเข้าแล้ว!”
“ผู้คุมวิญญาณ?” แน่นอนว่าความสนใจของฉู่ชูเหยียนเปลี่ยนไป นางพูดว่า “ผู้คุมวิญญาณ เป็นผู้บ่มเพาะที่พบในเขตชายแดนใต้ ทั้งคาดเดาไม่ได้และรับมือได้ยาก สามารถคร่าชีวิตผู้อื่นอย่างเงียบ ๆ ได้”
“แท้จริงแล้ว เมื่อครั้งต้าโจวของเราต่อสู้กับพวกชายแดนใต้ เราเสียหายอย่างหนักเพราะผู้คุมวิญญาณนี่แหละ” มู่หรงชิงเหอกล่าว นางใช้เวลาส่วนใหญ่ในกองทัพจึงรู้เรื่องเหล่านี้อยู่บ้าง “ชื่อเจียซืออี๋ฟังดูคุ้น ๆ อยู่ ข้าคิดว่านางทำให้ผู้บ่มเพาะฝ่ายเราต้องทนทุกข์ทรมานมาก พี่ซู ท่านสามารถเอาชีวิตรอดหลังจากเผชิญหน้ากับนางได้จริง ๆ เหรอ!?”
ดวงตาของมู่หรงชิงเหอเป็นประกาย นางเคารพผู้แข็งแกร่งเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เผชิญหน้ากับซูอันด้วยตัวเองหรือวีรกรรมต่าง ๆ ของเขาในช่วงที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้ทำให้นางตกตะลึง
ถ้าพี่ฉู่แข็งแกร่งแบบนี้ มันจะยอดเยี่ยมขนาดไหนกันนะ? มู่หรงชิงเหอคิดกับตัวเอง อา! ข้ากำลังคิดอะไรอยู่? พี่ฉู่ดีที่สุดในแบบที่เขาเป็น ทั้งน่ารักและอ่อนโยน เรื่องโหดเหี้ยมและงานสกปรกทั้งหมดข้าจะรับไว้เอง
ฉู่ชูเหยียนรีบถามซูอันเกี่ยวกับการต่อสู้กับเจียซืออี๋ ซูอันให้ข้อมูลสรุปคร่าว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความกังวลว่านางอาจเสียเปรียบหากต่อไปต้องเผชิญหน้ากับผู้คุมวิญญาณ เขาเล่าโดยเน้นเหตุการณ์ในภาพลวงตาของเจียซืออี๋ แน่นอนว่าต้องเปลี่ยนนักแสดงนำหญิงจากอวิ๋นอวี้ชิงเป็นฉู่ชูเหยียน เฮ้อ ข้าต้องบ่มเพาะศิลปะชายเจ้าสำราญให้มากกว่านี้…
แน่นอนว่า เมื่อฉู่ชูเหยียนได้ยินว่าซูอันยอมให้ทั้งโลกเป็นศัตรูเพื่อนาง ทำแม้กระทั่งต่อสู้กับจักรพรรดิ ฉู่ชูเหยียนรู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง
ใบหน้าของฉู่โหยวเจาแดงจากความตื่นเต้น พี่เขยของข้ายอดเยี่ยมยิ่งนัก! เขาเป็นคนที่ดีที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดในโลก!
แม้แต่ดวงตาของมู่หรงชิงเหอก็จับจ้องซูอันเป็นครั้งคราวสลับกับมองฉู่ชูเหยียนด้วยสีหน้าขัดแย้งเล็กน้อย
ซูอันแอบเช็ดเหงื่อเย็นเยียบ เขากังวลว่าผู้หญิงเหล่านี้ที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างคุณหนูในห้องหอจะคิดว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องน่าขายหน้า แต่ซูอันไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องราวความรักประเภทนี้จะมีอิทธิพลรุนแรงต่อความรู้สึกของผู้หญิงได้ขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจที่อวิ๋นอวี้ชิงจะรู้สึกสะเทือนใจเมื่อนางได้ยินเรื่องราวเดียวกันนี้ในตอนนั้น บ้าเอ๊ย! ทำไมตอนนี้ข้ายังคิดถึงผู้หญิงคนอื่นอยู่? ข้ามันน่ารังเกียจ!
จู่ ๆ ซูอันสังเกตเห็นหีบห่อข้าวของบางส่วนด้านข้าง เขาตกตะลึงและถามว่า “เอาของพวกนี้ติดตัวมาทำไม? พวกเจ้ากำลังจะไปท่องเที่ยวที่ไหนสักแห่งหรือเปล่า?”
สีหน้าของฉู่ชูเหยียนเศร้าขึ้นขณะที่ตอบว่า “มันไม่ใช่การเดินทาง ข้าต้องกลับไปที่เมืองจันทร์กระจ่างแล้ว”
“อะไรนะ?” ซูอันตกใจ
ฉู่ชูเหยียนกล่าวว่า “ข้าเพิ่งได้รับข่าวจากท่านแม่ว่ามีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่ ข้าเลยต้องกลับไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
ฉู่โหยวเจาเสริมว่า “แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกไม่มาก แต่พี่ใหญ่ก็ยังอยากจะบอกลาท่านก่อน เมื่อนางได้ยินว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับท่าน นางไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ และเดินวนไปมาอย่างกระวนกระวายใจ ข้าไม่เคยเห็นนางประหม่าขนาดนี้มาก่อนในชีวิต!”
ฉู่ชูเหยียนไม่พอใจ “นางพูดเกินจริง”
ซูอันหัวเราะแล้วดึงนางมาข้าง ๆ “มันเป็นเรื่องปกติที่สามีภรรยาจะเป็นห่วงกันไม่ใช่เหรอ? จูบข้าหน่อยสิ”
ฉู่ชูเหยียนหน้าแดง “ยังมีคนอื่นอยู่ที่นี่นะ”
“ไป ออกไปจากที่นี่ เลิกยุ่งกับเวลาส่วนตัวของคู่สามีภรรยาได้แล้ว” ซูอันโบกมือไล่เด็กสาวทั้งสองออกไปอย่างใจร้อน
“พวกท่านหน้าไม่อายยิ่งนัก!” ฉู่โหยวเจาและมู่หรงชิงเหอหัวเราะคิกคักขณะที่พากันวิ่งออกไป แม้จะพูดอย่างนี้ แต่จริง ๆ แล้วพวกนางก็อิจฉาความสัมพันธ์ของทั้งสอง
พวกนางเคยเห็นคู่สามีภรรยาที่ปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพเพียงผิวเผินตลอดชีวิต ไม่มีอะไรผิดปกติ มันเป็นสิ่งที่พวกนางได้รับการสอนมาจนโตว่าต้องปฏิบัติตนให้เหมาะสมและสุภาพ อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้หญิง พวกนางมักจะรู้สึกว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวขาดความหลงใหลและความรักไปอย่างน่าเสียดาย
ในทางตรงกันข้าม วิถีแห่งคู่สามีภรรยาที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงของซูอันนั้นแปลกใหม่มาก พวกนางสามารถสัมผัสได้ถึงความหลงใหลและความสดใสของชีวิตในตัวของเขาและฉู่ชูเหยียน
ทั้งสองแอบเข้าไปในห้องหลังจากเดินออกจากประตู มู่หรงชิงเหออดไม่ได้ที่จะถามเบา ๆ ว่า “พูดสิพี่ฉู่ ท่านคิดว่าพี่เขยของท่านจะทำแบบนั้นกับพี่สาวของท่านหรือเปล่า…?” ปื้นสีแดงปรากฏขึ้นบนผิวสีแทนของนาง เห็นได้ชัดว่าฉากที่เห็นโดยบังเอิญในคืนนั้นทำให้นางประทับใจไม่น้อย
นางมักจะฝันถึงฉากนั้นในตอนกลางคืน บางครั้งตัวแสดงจะเป็นฉู่ชูเหยียนและบางครั้งก็เป็นตัวนางเอง บางครั้งนักแสดงนำชายอาจจะเป็นซูอันและบางครั้งเป็นฉู่โหยวเจา… มู่หรงชิงเหอรู้สึกเขินอายอย่างมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ทำไมข้าถึงฝันถึงผู้ชายคนอื่น? เรื่องนี้จะให้พี่ฉู่รู้ไม่ได้…
ฉู่โหยวเจามีท่าทางแปลก ๆ “คงไม่มั้ง…?” นางไม่แน่ใจนักแม้จะรู้ว่าพี่เขยของตัวเองเป็นคนหน้าหนาขนาดไหน
“เราควรไปดูไหม” มู่หรงชิงเหอค่อนข้างใจกล้าและกระตือรือร้น
ฉู่โหยวเจากระโดดด้วยความตกใจ “อย่าดีกว่า! ไม่มีทาง!” นางไม่กังวลเกี่ยวกับพี่สาว เพราะพวกนางล้วนเป็นผู้หญิง มู่หรงชิงเหอจะเห็นสิ่งนั้นหรือไม่ก็ไม่เป็นไร นางแค่รู้สึกว่ามันคงจะแย่มากถ้ามู่หรงชิงเหอเห็นอะไร ๆ ของพี่เขย
…
ขณะที่ทั้งคู่กำลังกระซิบกระซาบกันข้างนอก อีกสองคนข้างในไม่ได้ทำอะไรกันอย่างที่ใครคิดไว้ พวกเขาแค่สวมกอดกันอย่างเสน่หา
“ชูเหยียน มีอะไรสำคัญนักหนาที่เจ้าต้องกลับไป?” ซูอันถามอย่างไม่เต็มใจ เมื่อชูเหยียนจากไป เขาจะรู้สึกโดดเดี่ยวในต่างถิ่นอย่างสมบูรณ์
ฉู่ชูเหยียนพิงหน้าอกของเขา “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ท่านแม่จะไม่พูดเรื่องไร้สาระ มีบางสิ่งที่สำคัญเกิดขึ้นในตระกูลฉู่อย่างแน่นอน”
ซูอันเน้นเสียงถามว่า “มีคนจ้องจะเล่นงานตระกูลฉู่หรือไม่? ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ข้าเป็นชายที่โดดเด่นในเมืองหลวงแห่งนี้ แค่บอกมาแล้วข้าจะกำจัดพวกมันให้หมด”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเก่งมาก” ฉู่ชูเหยียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แต่ว่าเรื่องที่เกิดคืออะไร ข้าจะรู้ก็ต่อเมื่อกลับไปดูด้วยตัวเอง”
“เฮ้อ ข้าทนไม่ได้จริง ๆ ที่จะเห็นเจ้าจากไป…” ซูอันมองนางอย่างโศกเศร้า
“อาซู ข้าก็ไม่อยากจากเจ้าไปเหมือนกัน” ฉู่ชูเหยียนน้ำตาคลอ
ทั้งสองจูบกันอย่างเร่าร้อนราวกับต้องการที่จะหลอมรวมอีกฝ่ายเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเอง
……….